ต้องเข้าใจ ทุกคำ ในปฏิจจสมุปบาท_สนทนาไทย-ฮินดี Varanasi.India.
ต้องเข้าใจทุก คำ ในปฏิจจสมุปบาท_สนทนาไทย-ฮินดี Varanasi.India.
[เล่มที่ 26] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้าที่ 1
๑. เทสนาสูตร
ว่าด้วยปฏิจจสมุปบาท
[๑] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้ :- สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี ณ ที่นั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้น ทูลรับพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า พระเจ้าข้า พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสพระพุทธดำรัสนี้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงปฏิจจสมุปบาทแก่เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงฟังปฏิจจสมุปบาทนั้น จงใส่ใจให้ดีเถิด เราจักกล่าว. ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว.
[๒] พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ปฏิจจสมุปบาทเป็นไฉน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขาร
เพราะสังขารเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ
เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย จึงมีนามรูป
เพราะนามรูปเป็นปัจจัย จึงมีสฬายตนะ
เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย จึงมีผัสสะ
เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา
เพราะเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา
เพราะตัณหาเป็นปัจจัย จึงมีอุปาทาน
เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย จึงมีภพ
เพราะภพเป็นปัจจัย จึงมีชาติ
เพราะชาติเป็นปัจจัย จึงมีชราและมรณะ โสกปริเทว ทุกขโทมนัส และอุปายาส ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้ ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้
นี้เราเรียกว่าปฏิจจสมุปบาท.
[เล่มที่ 73] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ เล่ม ๙ ภาค ๒ - หน้าที่ 30
ปฐมยาม ก็ทรงได้บุพเพนิวาสานุสสติญาณ มัชฌิมยาม ก็ทรงชำระทิพยจักษุ ญาณ ปัจฉิมยาม ก็ทรงหยั่งพระญาณลงในปฏิจจสมุปบาท ทรงพิจารณาวัฏฏะ และวิวัฏฏะ พออรุณอุทัยก็ทรงเป็นพระพุทธเจ้า ได้ทรงเปล่งอุทานนี้ว่า เรา แสวงหาช่างผู้สร้างเรือนคืออัตภาพ เมื่อไม่พบ ก็ท่องเที่ยวไปสิ้นสงสารนับ ด้วยชาติมิใช่น้อย ความเกิดบ่อยๆ เป็นทุกข์ ดูก่อนช่างผู้สร้างเรือนคืออัตภาพ เราพบท่านแล้ว ท่านจักสร้างเรือนคืออัตภาพอีกไม่ได้ โครงเรือนของท่านเราหักเสียหมด แล้ว ยอดเรือนคืออวิชชา เราก็รื้อเสียแล้ว จิตของเราถึง พระนิพพาน แล้ว เพราะเราได้บรรลุธรรมเป็นที่สิ้น ตัณหาทั้งหลายแล้ว
ชาวอินเดีย: พระพุทธองค์สอนว่า อนัตตา ไม่มีอัตตา แล้วทำไมเวลาเดียวกันสอนเรื่องการเกิดใหม่ ฟังแล้วขัดแย้งกันครับ
ท่านอาจารย์: ใครทำให้เกิด หรือมีเหตุจึงเกิด?
ชาวอินเดีย: ไม่ทราบครับ
ท่านอาจารย์: เดี๋ยวนี้เห็นเกิด ถ้าไม่เกิดไม่เห็น ก่อนเห็นไม่มีเห็น ใครทำให้เห็นเกิด ถ้าเห็นไม่ดับ ได้ยินเกิดไม่ได้
เห็นเกิดแล้ว ใครทำให้เห็นดับ? ความจริง คือเห็นเป็นสิ่งที่มีจริง ถ้าไม่มีปัจจัยที่จะทำให้เห็นเกิด เห็นเกิดไม่ได้ เห็นเกิดแล้วเห็นดับ เห็นเป็นใคร
ชาวอินเดีย: พูดถึงการเกิดเมื่อกี๊ เคยได้ฟังเรื่องปฏิจจสมุปบาท อธิบายว่า ที่เกิดนี่ เกิดเพราะอะไร ในเมื่อหลังจากเกิดแล้วก็ต้องเกิดอีก ทำไมถึงบางคนไม่ใช่แค่คนที่เข้าใจศาสนา ศาสนาอื่นเหมือนกัน คึดถึงว่า ทำอย่างไรถึงไม่เกิดอีก
ท่านอาจารย์: ปฏิจจสมุปบาท หมายความว่าอะไร และอะไรเป็นปฏิจจสมุปบาท?
ชาวอินเดีย: หมายความว่า อะไรเป็นเหตุให้อะไรเกิด และถ้าดับเหตุ อะไรทำเพื่อดับอะไร นั่นคือปฏิจจสมุปบาท แล้วเกิดแล้วก็เกิดอีก แล้วทำไมต้องไปคิดถึงว่า ต้องไปคิดถึงว่าให้ดับ
ท่านอาจารย์: คิด ก่อนคิดไม่ได้คิดอย่างนั้น แล้วเกิดคิดอย่างนี้ใช่ไหม?
ชาวอินเดีย: ครับ
ท่านอาจารย์: ถูกไหม?
ชาวอินเดีย: ถูกครับ
ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น อวิชชาเป็นปัจจัยให้เกิดสังขารา เดี๋ยวนี้เห็นเกิดดับ ไม่รู้ เป็นอวิชชา เพราะฉะนั้น เมื่อไม่รู้ก็คิดเรื่องทุกเรื่องด้วยความไม่รู้
ความจริงทุกอย่างยังไม่เกิด แล้วเกิด แล้วหามีไม่
เพราะฉะนั้น ต้องเข้าใจ ทุกคำ ในปฏิจจสมุปบาท
ขอเชิญฟังได้ที่ ...
ปฏิจจสมุปปาท กับ กิเลสวัฏฏ์ กัมมวัฏฏ์ และ วิปากวัฏฏ์
เฉพาะเจตนาเจตสิกดวงเดียว เป็นอภิสังขารในปฏิจจสมุปปาท
ปฏิจจสมุปบาท หมายความว่าอย่างไร
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพอย่างยิ่งค่ะ และกราบยินดีในกุศลของคุณสุคิน ผู้ถ่ายทอดคำท่านอาจารย์เป็นภาษาฮินดีค่ะ