ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๗๐

 
khampan.a
วันที่  23 มิ.ย. 2567
หมายเลข  47952
อ่าน  1,633

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น



ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษา และพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๗๐



~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมแล้วๆ เล่าๆ ถึงสิ่งที่กำลังมีในขณะนี้ จนกว่าผู้นั้นจะเกิดปัญญา พระองค์ทรงมีพระมหากรุณาอย่างยิ่ง เพราะเขาไม่รู้ เพราะฉะนั้น ก็ทรงแสดงโดยละเอียดโดยประการทั้งปวงสิ้นเชิง เพื่อเขาจะได้เข้าใจ เมื่อเขาเข้าใจแล้วเขาก็เป็นผู้ที่ปลอดโปร่งจากการหลงผิด เพราะเขารู้ว่าอะไรเป็นเหตุที่แท้จริงที่จะทำให้เกิดความทุกข์ ถ้ายังมีเหตุที่จะทำให้เกิดทุกข์แล้วไม่รู้ ก็เป็นเหตุให้เกิดทุกข์ต่อไป

~ ปัญญากว่าจะละการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นเราเพราะรู้ความจริงของสภาพธรรม จนไม่มีข้อสงสัยใดๆ เลยในสภาพธรรมใดๆ ทั้งสิ้น ต้องมาจากอบรมและมีกุศลเพิ่มขึ้นด้วย ไม่ใช่คนที่ฟังธรรมแล้วก็เห็นแก่ตัวเหมือนเดิม ประโยชน์อะไรจากการฟัง? แต่ถ้าจากการฟังและมีความเข้าใจจริงๆ ว่า เป็นธรรม ความเข้าใจจริงๆ ก็จะทำให้พฤติกรรมในชีวิตก็เป็นไปในทางที่ดีขึ้นทุกอย่าง

~ ความเข้าใจพระธรรม การอนุเคราะห์ผู้อื่นให้เข้าใจและเห็นประโยชน์ของพระธรรมนั้น เป็นสาระสำคัญที่สุดในชีวิต การสงเคราะห์ช่วยเหลือสังคมนั้น ไม่มีวันจบสิ้นและไม่สามารถให้เกิดความสงบสุขได้ เมื่อไม่เข้าใจพระธรรม ความทุกข์ก็จะบรรเทาและหมดสิ้นไปไม่ได้ เพราะไม่รู้เหตุที่แท้จริงของปัญหาต่างๆ เหตุที่แท้จริงของปัญหาและความทุกข์ทั้งหลายนั้น ก็คือ โลภะ โทสะ โมหะ

~ ต้องไม่ลืมว่าฟังธรรมโดยมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งเพื่อที่จะฟังและเข้าใจและประพฤติตาม ถ้าฟังแล้วเข้าใจน้อย ไม่พอที่จะไม่ทำอกุศลกรรม เพราะฉะนั้น การฟังธรรมแล้วไม่ประพฤติตามให้โทษอย่างยิ่งและไม่เคารพพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจริงๆ เลย

~ ในวันหนึ่งๆ ไม่ประมาทในอกุศลซึ่งเกิดตลอดและบ่อย และไม่ประมาทในกุศลแม้เพียงเล็กน้อยหนึ่งขณะก็ขาดไม่ได้ เพราะขาดไปหนึ่งขณะ จะเหลือเท่าไหร่ ก็ไม่มี เพราะฉะนั้น แม้เพียงนิดหนึ่งก็ช่วยเสริมให้กุศลเพิ่มขึ้น

~ มิตรหรือเมตตา หมายความถึงความหวังดีกับบุคคลนั้น พร้อมที่จะช่วยเหลือทุกโอกาส ไม่คิดร้าย ไม่โกรธเคืองด้วย ขณะใดที่โกรธ ขณะนั้นไม่ได้เป็นมิตรเลย และขณะนั้นก็เป็นอกุศลจิตสะสมไว้บ่อยๆ ต่อให้มีสิ่งที่ดีรอบข้างก็ไม่เป็นสุข เพราะความขุ่นเคืองใจ หรือเป็นเหตุที่มีกำลังถึงกับทำอกุศลกรรมได้ ตามข่าวที่ได้ยินบ่อยๆ ฆ่ากันตาย แค่คำพูดคำเดียวหรือการกระทำเพียงเล็กน้อย เพราะกำลังของกิเลสเป็นปัจจัย

~ เคยโกรธใคร เคยไม่พอใจหรือไม่ชอบใคร ขณะนั้น ถ้ารู้ว่าไม่เป็นประโยชน์อะไรเลย ไม่ใช่เรา ไม่ใช่เขา แต่เป็นธรรมที่เป็นอกุศลเกิดแล้ว แล้วก็สะสมมากขึ้นด้วย ถ้าเข้าใจอย่างนี้ ขณะนั้นมีความเป็นมิตร ไม่ว่าเขาจะเป็นอะไรก็ตามแต่ ขณะนั้นก็คุ้มครองแล้วให้ไม่เป็นอกุศล

~ ทุกคนทำไม่ดีมามากในสังสารวัฏฏ์และวันนี้ก็ทำดีน้อยมากเมื่อเทียบกับอกุศล เพราะฉะนั้น ควรที่จะทำความดีหรือว่าทำสิ่งที่ไม่ดีต่อไป? แต่ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา มีปัจจัยของกุศลมากหรืออกุศลมาก ก็ต้องรู้ว่าถ้าอกุศลมากกุศลน้อย ผลของอกุศลก็ย่อมเกิดมากกว่าผลของกุศลจะเกิด


~ "ศรัทธาเป็นทรัพย์อันประเสริฐของคนในโลกนี้" ถ้าท่านเป็นผู้ที่มีศรัทธามั่นคงในการอบรมเจริญกุศล ท่านก็เป็นผู้ที่มั่งมีด้วยศรัทธา ไม่ใช่เป็นผู้ที่ยากจนเลย ท่านอาจจะเป็นผู้ที่มีทรัพย์น้อย มีโภคสมบัติน้อย แต่เป็นผู้ที่มั่นคงในศรัทธา ศรัทธาของท่านไม่คลอนแคลนเลยในการที่จะอบรมเจริญกุศล ไม่หวั่นไหว และกล้าที่จะเจริญกุศลด้วย

~ กิเลสมีมากเหลือเกินในวันหนึ่งๆ จริงไหม? หรือว่ายังไม่มีใครเห็นกิเลส ถ้าบอกว่ามีน้อย หมายความว่ายังไม่เห็นกิเลสตามความเป็นจริง แต่ถ้าทราบว่าวันหนึ่งๆ กิเลสมากเหลือเกินทั้งทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ผู้ใดทราบอย่างนี้ แสดงว่าผู้นั้นรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงว่ากิเลสนั้นมีมาก

~ ฟังพระธรรมเพื่ออะไร บางท่านก็อาจฟังเพื่อจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ฟังแต่คนอื่นไม่ได้ฟัง แต่ว่าผู้ฟังจริงๆ ฟังพระธรรม เพื่อน้อมนำมาประพฤติปฏิบัติตาม ขัดเกลาจิตใจ และเพื่อที่จะได้เจริญสติปัญญารู้สภาพธรรมตรงตามที่ได้ทรงแสดงไว้ ไม่ผิด ไม่คลาดเคลื่อน จึงชื่อว่าเป็นผู้ฟัง ไม่ใช่เพียงแต่ฟังเท่านั้นแต่ไม่ประพฤติปฏิบัติตาม

~ ผู้ที่เป็นมารดาหรือผู้ที่เป็นบุตร ก็เป็นเพียงชาตินี้ชาติเดียวเท่านั้นเอง เพราะว่าเมื่อผู้ที่เป็นมารดาสิ้นชีวิตลง น่าใจหายไหมที่จะไม่มีบุคคลผู้นั้นอีกเลย ไม่ว่าในโลกไหนๆ ทั้งสิ้น คือสิ้นสุดสภาพความเป็นบุคคลนั้นโดยแท้จริงโดยสิ้นเชิง และผู้ที่เป็นบุตรก็เหมือนกัน ถ้าสิ้นชีวิตลงในขณะใดจะไม่มีบุคคลนั้นซึ่งเคยเป็นบุตรซึ่งเคยเป็นที่รักอีกเลย ไม่ว่าในโลกไหนทั้งนั้น เพราะว่ากรรมจะทำให้ปฏิสนธิจิตเกิดเป็นบุคคลใหม่ เพราะฉะนั้น จะกลับไปหามารดาบิดาก็ดี หรือบุตรธิดาซึ่งเป็นที่รักก็ดี ไม่ได้เลย ถ้าเริ่มรู้ความจริงตั้งแต่ตอนนี้จะทำให้คลายความรักความชัง แต่เพิ่มความกตัญญูความรู้คุณต่อท่านผู้มีอุปการะเพิ่มขึ้น

~ ถ้าเริ่มรู้จักตัวเราเองว่ามีอกุศลมาก จะทำให้เราไม่ประมาท และจะได้รู้ละเอียดว่า อกุศลที่มีมากเริ่มมาจากจุดไหน ซึ่งต้องมาจากตัวอวิชชาแน่ๆ เพราะฉะนั้น ยังไม่ใช่ความรู้สภาพธรรมตราบใด ขณะนั้นยังต้องเป็นอวิชชาอยู่ แสดงว่ามากแน่ๆ

~ ปัญญาเห็นถูกต้องว่า ดีเป็นดี ชั่วเป็นชั่ว เมื่อเห็นอย่างนี้แล้ว ปัญญานั่นเองก็จะรู้ว่าควรจะอบรมเจริญสิ่งใดให้มากขึ้น เพราะฉะนั้น ถ้ามีปัญญาแล้วความดีทั้งหลายก็จะเจริญขึ้น ความไม่ดีทั้งหลายก็ลดน้อยลงจนไม่เหลือได้

~ เห็นคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไหมที่พระองค์ทรงแสดงธรรมให้เราเข้าใจถูกต้อง จนกระทั่งทำความดียิ่งขึ้น เพื่อไม่ไปสู่อบายภูมิ

~ คนที่เห็นคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะฟังธรรมเพื่อรู้ความไม่ดีของตัวเอง

~ ถ้าฟังธรรมเพื่อสมบัติ เพื่อเกียรติยศ เพื่อชื่อเสียง เพื่อความเป็นเราเก่งเราดี อันนั้นเป็นอันตรายมากเหมือนจับงูพิษข้างหาง (จะถูกงูแว้งกัดได้) เพราะขณะนั้นไม่รู้ตัวว่าเป็นการเพิ่มกิเลสไม่ใช่การขัดเกลากิเลส ถ้ากิเลสยังเพิ่มขึ้นๆ มากๆ ก็จะทำอกุศลกรรม ถ้าอกุศลกรรมที่ทำแล้วให้ผล ตายแล้วไปไหน?

~ ทุกคนที่ได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีชีวิตอยู่ เพราะไม่รู้ว่าความตายจะมาถึงเมื่อไหร่ มีชีวิตอยู่เพื่อเข้าใจความจริงที่พระองค์ทรงแสดง เข้าใจความจริงเข้าใจธรรมเมื่อไหร่ ขณะนั้น เป็นเหตุให้เป็นกุศลกรรมที่จะไม่นำไปสู่อบายภูมิ



ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๖๙



... กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และยินดีในกุศลของทุกๆ ท่านครับ ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
มังกรทอง
วันที่ 23 มิ.ย. 2567

ขอน้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
swanjariya
วันที่ 23 มิ.ย. 2567

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
jaturong
วันที่ 23 มิ.ย. 2567

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
j.jim
วันที่ 23 มิ.ย. 2567

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
chatchai.k
วันที่ 23 มิ.ย. 2567

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
shsso2551
วันที่ 23 มิ.ย. 2567

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Wisaka
วันที่ 24 มิ.ย. 2567

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
Wisaka
วันที่ 24 มิ.ย. 2567

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
Lai
วันที่ 25 มิ.ย. 2567

อนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ