ภัยคือกิเลสอกุศล

 
nattawan
วันที่  25 ก.ค. 2567
หมายเลข  48187
อ่าน  213

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

- พระไตรปิฎกไม่ได้มีไว้สำหรับอ่านเพื่อจำเสียงทุกคำ แต่มีไว้ให้อ่านแล้วเข้าใจตามระดับขั้นของปัญญา

- ธรรมแต่ละหนึ่ง เกิดดับสืบต่อ ตามเหตุปัจจัย ตามการสะสม ไม่มีสัตว์ บุคคล ตัวตน

- พระธรรมงามในเบื้องต้น ท่ามกลาง และในที่สุด เพราะเป็นความจริง เข้าใจในสิ่งที่มีจริง ... งามไหม?

- ภัยคือกิเลสอกุศล ต้องเข้าใจธรรมะ มีกุศลธรรมเป็นที่พึ่ง เพื่อให้พ้นภัยจากกิเลสอกุศล

- ขณะที่เป็นกุศล ย่อมดีกว่าขณะที่เป็นอกุศล

- ปัญญามีปกติเห็นภัยในอกุศล แม้มีประมาณน้อย

สนทนาธรรมที่ มศพ. ๒๕ ก.ค. ๕๘

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
nattawan
วันที่ 25 ก.ค. 2567

ถ้าไม่ฟังพระธรรม ก็ไม่มีที่พึ่ง และไม่รู้จักทุกข์ตามความเป็นจริง ชอบรูปสวย เสียงเพราะ กลิ่นหอม ... แต่หารู้ไม่ว่าเป็นทุกข์ เพราะไม่เที่ยง แปรปรวน เกิดแล้วดับ เพราะฉะนั้น ที่พึ่งที่แท้จริงคือกุศลธรรมที่ประกอบด้วยปัญญา มีธรรมเป็นเกาะ เป็นที่พึ่ง

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
nattawan
วันที่ 25 ก.ค. 2567

พระสูตรเสาร๋นี้ ...

ปฐมนาถสูตร

ว่าด้วยธรรมอันกระทำที่พึ่ง ๑๐ ประการ

อะไรเป็นที่พึ่งที่แท้จริง พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง ธรรมที่ทำให้มีที่พึ่ง ๑๐ ประการ ได้แก่ ๑. มีศีล ๒. เป็นพหูสูต สดับตรับฟังพระธรรม ๓. มีมิตรดี ๔. เป็นผู้ว่าง่าย น้อมรับคำพร่ำสอนโดยเคารพ ๕. มีความขยัน ไม่เกียจคร้านในกิจที่ควรทำ ๖. เป็นผู้ใคร่ในธรรม ๗. เป็นผู้ปรารภความเพียร ๘. เป็นผู้สันโดษ ๙. มีสติ ๑๐. มีปัญญา

พระสุตตันตปิฏก อังคุตตรนิกาย ทสกนิบาต เล่ม ๓๘ หน้า ๓๙

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
nattawan
วันที่ 25 ก.ค. 2567

ศึกษาตามลำดับความเข้าใจ

ก็เป็นเรื่องการรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่มีจริงมากขึ้นตามลำดับ จากขั้นที่เริ่มฟัง จากขั้นที่เข้าใจ แล้วถึงขั้นที่ประจักษ์แจ้ง เพราะว่าพระศาสนาต้องครบถ้วนทั้ง ๓ อย่าง ถ้ามีแต่เพียงการฟัง แต่ไม่มีใครสามารถที่จะประจักษ์จริงๆ อย่างนั้นได้ การฟังทั้งหมดของเราก็เป็นโมฆะ เหมือนกับฟังเรื่องซึ่งไม่สามารถที่จะพิสูจน์ได้ แต่ว่าตามความเป็นจริงสิ่งที่ได้ฟังเป็นความจริง พร้อมที่จะให้ผู้ที่ได้อบรมเจริญปัญญาสามารถประจักษ์ได้จริงๆ ก็ต้องมีการศึกษาตามลำดับ ตั้งแต่ขั้นฟัง สุตตมยปัญญา ขั้นคิดพิจารณาไตร่ตรองสิ่งที่ได้ฟังแล้ว จินตามยปัญญา และภาวนามยปัญญา คือการอบรมเจริญปัญญาที่สามารถที่จะรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังมีจริงในขณะนี้ได้ ซึ่งก็ต้องยากขึ้นตามลำดับ ใช่ไหมคะ ทั้งๆ ที่สิ่งที่มีจริง ยากที่จะรู้ เพราะว่าเกิดแล้วดับแล้วเร็วมากแต่ก็มีสิ่งที่เกิดอีกปรากฏอีก ให้เข้าใจได้อีกไม่มีวันจบ สิ่งที่จะปรากฏให้ศึกษามีอยู่ทุกขณะ แม้ไม่มีหนังสือเลย เพียงขั้นฟัง ก็สามารถที่จะค่อยๆ พิจารณาเข้าใจได้

ท่านอ.สุจินต์ บริหารวนเขตต์

ศึกษาธรรมตามลำดับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
nattawan
วันที่ 25 ก.ค. 2567

บุญที่ตนทำเอง เป็นมิตรติดตามไปถึงภพหน้า

พระพุทธพจน์

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
nattawan
วันที่ 25 ก.ค. 2567

ขณะที่เข้าใจความจริงย่อมเบิกบาน เบิกบานด้วยกุศล ด้วยปัญญา ขณะนี้มีธรรม
แต่ไม่ได้รู้ว่าเป็นธรรม เห็นมีจริงเป็นธรรม แต่ยึดถือว่าเป็นเราที่เห็น ที่ได้ยิน ...

หากแต่ว่าเมื่ออบรมปัญญาขั้นการฟังจนเริ่มเข้าใจว่าเป็นธรรม แม้ขั้นการฟัง ก็ อาจหาญ ร่าเริงและเบิกบาน ด้วยความเข้าใจว่าเป็นธรรม และเบิกบานที่จะศึกษา ฟังพระธรรมต่อไปเพื่อเข้าใจตัวจริงของธรรมที่มีในขณะนี้ว่าเป็นธรรม จริงๆ และเมื่อปัญญารู้ลักษณะของธรรมจริงๆ ที่ปรากฏในขณะนี้ ย่อมเบิกบาน ปิติ โสมนัสเพราะรู้ความจริง ความจริงไม่หลอกใคร แต่มีจริงขณะนี้ เมื่อรู้ตัวจริงจึงเบิกบานเพราะเกิดจากปัญญานั่นเอง

เบิกบานเพราะเกิดจากปัญญานั่นเอง

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
chatchai.k
วันที่ 25 ก.ค. 2567

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ