ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๗๙

 
khampan.a
วันที่  25 ส.ค. 2567
หมายเลข  48357
อ่าน  6,355

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น



ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษา และพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๗๙





~ การฟังพระธรรมเพื่อเข้าใจคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น ใครก็ตามที่ได้ฟังพระธรรมก็เหมือนได้เฝ้าเฉพาะพระพักตร์ฟังทุกคำที่พระองค์ได้ตรัสไว้ดีแล้วเพื่อผู้ที่มีโอกาสมีปัจจัยที่จะได้ฟังจะได้ไตร่ตรอง พิจารณา ประโยชน์อย่างยิ่งคือ ความเข้าใจของตนเอง ซึ่งความเข้าใจนี้ไม่ง่าย เพราะว่า คำนั้นเป็นคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสจากการที่ได้ทรงบำเพ็ญพระบารมีนานแสนนานกว่าจะรู้ความจริง เพราะฉะนั้น แต่ละคำที่ตรัส ก็มาจากพระปัญญาคุณที่ได้ตรัสรู้ความจริง

~ พระธรรมคือคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระวินัยก็เป็นการขัดเกลากิเลสที่ละเอียดอย่างยิ่ง เพราะฉะนั้น ถ้าพุทธบริษัทไม่ศึกษา ไม่เข้าใจพระธรรม พระพุทธศาสนาก็ดำรงต่อไปไม่ได้ เพราะฉะนั้น ต้องเป็นผู้ที่ตรงจริงใจและก็รู้ว่าสิ่งที่มีค่าที่สุดสำหรับทุกชีวิต ก็คือ ได้มีโอกาสได้เข้าใจพระธรรมวินัย เพราะเหตุว่า ถ้าชาตินี้ไม่เข้าใจเลย ชาติต่อๆ ไปจะได้เข้าใจหรือ?

~ พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงเกื้อกูลให้เกิดปัญญาความเข้าใจความจริงที่ถูกต้อง ถ้าเป็นสิ่งที่ไม่ได้ก่อให้เกิดบุญกุศล แต่หลงผิดเข้าใจผิดว่าเป็นบุญกุศล ก็ไม่ทำให้สามารถเข้าใจความจริงได้ จนกว่าจะได้ฟังพระธรรมแล้วเข้าใจ มีความกล้าที่จะทำความดีและความถูกต้อง เพราะว่า ถ้าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ทำไมไม่กล้าที่จะทำ และถ้าไม่ทิ้งสิ่งที่ผิดโดยเร็ว ก็จะสะสมสิ่งที่ผิดนั้นติดตามไปอีกมาก เพราะฉะนั้น คนที่มีความเข้าใจถูกต้อง ก็จะทำสิ่งที่ถูกต้องโดยไม่หวั่นไหว

~ เราพูดกันว่าพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่ถูกต้องที่สุด ดีที่สุด แก้ปัญหาได้ทุกปัญหา บอกคนอื่นว่าพระพุทธศาสนาดี แต่ตัวเองไม่เรียนเลย แล้วจะแก้ปัญหาได้อย่างไรในเมื่อให้คนอื่นเรียนแต่ตัวเองไม่เรียน แต่เมื่อทุกคนได้เข้าใจธรรม แต่ละคนๆ รวมกันก็จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เพราะเป็นประโยชน์แก่ตนเองและทั้งยังเป็นประโยชน์แก่คนอื่นด้วย

~ ขณะที่หายากในโลก คือ ขณะที่มีโอกาสได้เข้าใจพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงซึ่งเป็นขณะนี้ เพราะว่าทรัพย์สมบัติติดตัวไปไม่ได้ เงินซื้อความตาย ความสุข และปัญญา ไม่ได้ แม้เกียรติยศชื่อเสียง ก็ต้องมาจากคุณความดี ถึงมีใครแต่งตั้งให้ แต่ไม่มีคุณความดีก็ไม่มีใครนับถือ เพราะไม่ใช่เกียรติยศชื่อเสียงที่แท้จริง

~ อกุศลความชั่วทั้งหลายก็เป็นธรรมคือเป็นสิ่งที่มีจริง กุศลความดี ก็เป็นธรรม ตราบใดที่ยังมีปัจจัยที่จะให้อกุศลซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ดีเกิด ก็ต้องเกิด จนกว่าจะมีปัจจัยทำให้กุศลและปัญญาเจริญขึ้น เห็นตามความเป็นจริง ก็ค่อยๆ ละอกุศล ไม่ใช่เราละหรือไปกั้นหรือไปทำอะไร แต่ความเห็นถูกต่างหากที่รู้ว่าทางนั้นผิด ทางนั้นไม่มีประโยชน์ ทางนั้นเป็นโทษ เพราะฉะนั้น ปัญญาก็นำไปสู่ทางที่เป็นประโยชน์

~ ธรรมทั้งหมด ไม่เว้นเลย เป็นอนัตตา คือ ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้นเลย ไม่มีเรา เพราะเหตุว่า จะเป็นเราได้อย่างไร เห็นอยู่เดี๋ยวนี้ เราไม่ได้ไปทำให้เห็นเกิดขึ้น แล้วเห็นก็ดับ ไม่ให้ดับก็ไม่ได้ พอได้ยินเกิด จะไม่ให้ได้ยินก็ไม่ได้ ก็แสดงความเป็นธรรมที่เป็นอนัตตาทั้งหมด

~ ทุกอย่างที่มีจริง เป็นธรรม เป็นอนัตตา ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น และไม่ใช่ใครด้วย ถ้าเอาชื่อออก ไม่เรียกชื่อเลย โกรธอยู่ตรงไหน ก็ตรงนั้นแหละโกรธ แต่พอมีชื่อก็เป็นคนนั้นคนนี้โกรธ แต่ความจริงแล้ว ไม่ใช่เลย เพราะเอาชื่อออกหมด โกรธตรงไหน ก็เป็นโกรธตรงนั้น แล้วก็ดับด้วย แล้วไหนใครอยู่ที่ไหน?

~ ขณะใดที่เป็นไปในทาน ขณะใดที่เป็นไปในศีล วิรัติทุจริต ขณะใดที่เป็นไปในการเจริญความสงบ ขณะใดที่เป็นไปในการเจริญปัญญา จึงจะเป็นกุศล เพราะว่าวันหนึ่งๆ มีแต่อกุศล สำหรับบางคนกุศลไม่เกิดเลยทั้งวัน เพราะว่าไม่เคยคิดที่จะให้ มีแต่การที่จะเอาตลอด ตั้งแต่เช้าตื่นขึ้นมาจะทำอะไร จะกินอะไร จะซื้ออะไร จะสนุกอย่างไร นั่นคืออกุศลตลอดหมด ไม่เคยคิดที่จะสละสิ่งที่มีเพื่อประโยชน์สุขของคนอื่น

~ ธรรมละเอียดลึกซึ้งมากถ้าไม่เข้าใจให้ละเอียดให้ตรงเป็นงูพิษที่จะกัดเขาให้ไม่ได้ละกิเลส เป็นอันตรายมาก เพราะเหตุว่า จะทำให้เขาถูกครอบงำด้วยกิเลส การละกิเลสเป็นเรื่องละเอียดมาก ถ้าถูกกิเลสครอบงำมากจะเหมือนพระเทวทัต เพราะฉะนั้น ต้องมีปัญญาที่จะเห็นโทษของกิเลส มิฉะนั้น กิเลสครอบงำทันที


~ ทั้งวันโอกาสของกิเลสมีมากอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น การได้ฟังพระธรรม หรือพิจารณาธรรม หรือสนทนาธรรม เป็นเพียงโอกาสที่สั้นและเล็กน้อยมากที่ขณะนั้นอกุศลไม่มีกำลังพอที่จะให้ไม่ฟัง แต่เวลาที่เกิดการไม่ฟัง หรือเกิดการสนใจที่น้อยลง จะเห็นได้ว่า ขณะนั้นเป็นการเปิดช่องให้กิเลสที่มีอยู่แล้ว ในชีวิตประจำวันมีโอกาสที่จะมีกำลังเพิ่มขึ้นอีกจากการไม่ฟังธรรม จากการไม่พิจารณาธรรม จากการไม่สนทนาธรรม

~ ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม ก็คือ มีความไม่รู้ต่อไปอีกแล้วก็มีการยึดถือในสิ่งที่ปรากฏซึ่งจากไปหมด เอาติดตามไปไม่ได้เลยทั้งสิ้นแล้วก็ไปสะสมความไม่รู้และความติดข้อง และเพราะความไม่รู้และความติดข้องก็จะนำมาซึ่งอกุศลไม่สิ้นสุด เพราะฉะนั้น จะเห็นความเป็นประโยชน์อย่างยิ่งที่มีโอกาสได้เข้าใจพระธรรม แต่ขอให้เป็นผู้ที่ไม่ประมาทในการฟังพระธรรมเพราะเป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งจะต้องไตร่ตรองศึกษาครบถ้วนในความถูกต้อง มิฉะนั้นก็คลาดเคลื่อน ถ้าเข้าใจผิดไป ก็เป็นภัยอย่างยิ่ง

~ อกุศลของใครก็ของคนนั้น คนนั้นน่ารังเกียจเพราะเหตุว่ามีธรรมที่เป็นอกุศลที่สะสมมามาก เพราะฉะนั้น กายวาจาของเขาก็ต้องเป็นไปตามการสะสม เพราะฉะนั้น ผู้ที่ได้ฟังธรรมแล้วก็จะได้พบกับคนอย่างนั้นด้วย ไม่ใช่ไม่พบ แล้วกุศลอยู่ไหน?

~ หนทางเดียวจริงๆ คือ ฟังพระธรรม เข้าใจ สะสมความเห็นถูก และในขณะนั้นก็สามารถละอกุศล โดยฟังพระธรรมให้เข้าใจ แล้วก็สะสม คือ บำเพ็ญกุศลหรือทำกุศลทุกประการให้ถึงพร้อมทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจด้วย

~ ผู้มีศรัทธาที่จะได้ฟังพระธรรม ต้องไม่ลืมตัวเองว่า มีอกุศลมากไหมในวันหนึ่งๆ แล้วจากการได้ฟังพระธรรมแล้ว มีปัจจัยที่กุศลจะเกิดมากกว่าที่เคยเกิดหรือเปล่า?

~ ทุกคนมีอวิชชามาก มีโลภะมากใช่ไหม? แล้วจะทำอย่างไร ไม่ได้ให้ทำ แต่เข้าใจให้ถูกต้องว่าเป็นสิ่งที่มีจริงที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ตราบใดที่มีความไม่รู้ก็ต้องมี แต่จะหมดไปได้เมื่อมีความเห็นถูกความเข้าใจถูก เพราะฉะนั้น ก็สะสมความเห็นถูกความเข้าใจถูก แต่ไม่ใช่ไปทำอย่างอื่น

~ ขณะที่ไม่เบียดเบียน นั่นก็คือ เมตตา มีความเป็นเพื่อน ที่เราใช้คำว่ามิตร เมตตา คือ ความเป็นเพื่อน ตรงกันข้ามกับเป็นศัตรู ไม่มีแม้แต่จะคิดร้าย แข่งดี สารพัดทุกอย่างที่เป็นอกุศล แต่พร้อมที่จะเกื้อกูลทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ด้วยความหวังดี ขณะใดที่ทำประโยชน์แม้เพียงเล็กน้อย นั่นคือ ความดี ช่วยใครได้นิดหนึ่งขณะนั้นก็เป็นสิ่งที่ดี

~ อดทนได้ไหมถ้าคนนั้นเขาว่าร้ายเรา ทำร้ายเราด้วยอะไรก็ตาม แต่ความเป็นมิตรของเราต่อเขานั้น เขาทำลายไม่ได้ เรายังคงมีความหวังดี ไม่ประทุษร้าย พร้อมที่จะช่วย ช่วยอย่างอื่นนั้นช่วยได้เพียงชั่วคราว แต่ช่วยให้เขาเป็นคนดีและเข้าใจพระธรรม นั่นคือประโยชน์จริงๆ ของการคบกัน เรารู้จักกันเพื่ออะไร ถ้ารู้จักเพื่อไปไหนด้วยกัน รับประทานอาหารด้วยกัน จะมีประโยชน์อะไร แต่ประโยชน์จริงๆ ของการเป็นมิตร เป็นเพื่อนผู้หวังดีที่แท้จริง คือ อดทน ไม่หวั่นไหว เพื่อให้คนที่เรารู้จักเพื่อให้คนที่เราเป็นมิตรนั้น ได้เป็นคนดีและเข้าใจพระธรรม

~ โลกวุ่นวายทุกวันนี้ก็เพราะความไม่รู้สิ่งที่มีจริงตามความเป็นจริง มีความติดข้อง จนกระทั่งสามารถที่จะกระทำทุจริตกรรมต่างๆ ได้ นี่ก็แสดงให้เห็นว่า เพราะความไม่รู้ ด้วยเหตุนี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ทรงแสดงธรรมให้ใครไม่รู้ แต่ทรงแสดงธรรมให้มีความเข้าใจทุกคำที่พระองค์ตรัส

~ เห็นโทษของอกุศลและเห็นประโยชน์กุศล กุศลไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนเลยทั้งสิ้น แต่อกุศลแม้เพียงเล็กน้อย ทำร้ายจิต คนอื่นทำร้ายใครไม่ได้เลยทั้งสิ้น อย่าหลงคิดว่าคนโน้นคนนี้ทำ แต่ว่าอกุศลต่างหากที่มีเกิดขึ้นทำร้ายขณะนั้น

~ วันหนึ่งๆ ทุกคนก็มีญาติซึ่งเป็นที่รักที่เคารพ ถ้าคิดถึงโดยมากจะพิจารณาได้ว่า คิดถึงด้วยอกุศลหรือคิดถึงด้วยกุศล เพราะฉะนั้น วันหนึ่งๆ อกุศลมากสักแค่ไหน ลองคิดดู ถ้าไม่สังเกต ความผูกพัน ความสัมพันธ์ด้วยอกุศลจะเพิ่มขึ้น แต่ถ้าเป็นไปด้วยเมตตา หวังดี เกื้อกูล ในขณะนั้นก็เป็นกุศล

~ แน่ใจหรือยังว่าวิบากแต่ละขณะของแต่ละบุคคลเกิดเพราะกรรมของตนเอง ไม่ใช่เพราะบุคคลอื่นกระทำให้ จริงไหม? ไม่โกรธคนอื่น ไม่โกรธแน่ๆ หรือยังไม่ยอมที่จะหมดไปยังคิดว่าเป็นคนอื่นอยู่นั่นเองที่ทำให้? ถ้ารู้ว่าเป็นวิบากของตนเองจะไม่โกรธคนอื่นเลย ใช่ไหม แม้แต่โจรที่มาเลื่อยขาเลื่อยแขน?



ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๗๘




... กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และยินดีในกุศลของทุกๆ ท่านครับ ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
Wiyada
วันที่ 25 ส.ค. 2567

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
swanjariya
วันที่ 25 ส.ค. 2567

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
chatchai.k
วันที่ 25 ส.ค. 2567

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
มังกรทอง
วันที่ 25 ส.ค. 2567

น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
คำภู
วันที่ 25 ส.ค. 2567

อนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Jans
วันที่ 25 ส.ค. 2567

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
jaturong
วันที่ 26 ส.ค. 2567

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
shsso2551
วันที่ 26 ส.ค. 2567

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
Wisaka
วันที่ 26 ส.ค. 2567

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
nattawan
วันที่ 26 ส.ค. 2567

ยินดีในกุศลวิริยะค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
เมตตา
วันที่ 27 ส.ค. 2567

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
ยินดีในความดีทุกประการของ อ.คำปั่นค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ