มีขันธ์เกิดขึ้น ภัยอื่นก็มีด้วย
เพราะ มีขันธ์เกิดขึ้น ภัยอื่นก็มีด้วย ตัวขันธ์เองก็เป็นภัย จนกว่าจะรู้ว่าไม่มีอะไรนอกจากขันธ์ ซึ่งเกิดดับ ภัยที่ยิ่งใหญ่ก็คือ ขันธ์ ซึ่งเกิดดับ ซึ่งยับยั้งไม่ได้ ห้ามไม่ได้ การสะสมความเข้าใจจะทำให้สามารถเข้าใจตัวขันธ์แต่ละขันธ์ ซึ่งสามารถที่จะปรากฏกับสติ และปัญญา ที่จะให้รู้ความจริงว่า ไม่ใช่เรา
แล้วแต่ว่า อะไรจะเกิดขึ้นทั้งหมด เพราะว่าสิ่งที่เกิดแล้วดับไป ไม่กลับมาอีกเลย แต่สะสมปรุงแต่ง เพราะฉะนั้น การฟังธรรม ทำให้เราสามารถที่จะเข้าใจลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏ ก็เป็นเรื่องของความเป็นอนัตตาทั้งหมด ซึ่งบังคับบัญชาไม่ได้ แต่ขณะนี้ ปัญญากำลังเป็นสังขารขันธ์ กำลังค่อยๆ ปรุงแต่งให้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง จนกว่าพรุ่งนี้ เดือนหน้า ปีหน้า ชาติหน้าต่อไป ไม่ว่ามีอะไรจะเกิดขึ้น การที่ได้มีความเข้าใจถูกในสิ่งที่ได้ฟัง ทีละเล็กทีละน้อยๆ ก็จะปรุงแต่ง ให้เกิดสิ่งที่เราไม่รู้ว่าจะเกิดเมื่อไหร่ และคืออะไร แต่ว่ามีความเข้าใจธรรม
เหตุการณ์แต่ละเหตุการณ์ ไม่มีวันจะกลับมาอีกเลย แต่จะมีเหตุการณ์ใหม่ สิ่งที่เราได้ฟังทั้งหมด ก็จะปรุงแต่งให้สภาพธรรมที่เกิดขึ้น คิดต่างกัน เป็นกุศลหรืออกุศลต่างๆ กันตามปัจจัย ซึ่งขณะนี้ ถ้าไม่มีการฟังวันนี้ เราก็ไม่มีปัจจัยที่จะได้มีโอกาสคิดในทางที่ถูก ในทางเข้าใจธรรม ในขณะนั้นได้ แต่เพราะได้ฟังว่า ขันธ์นี่แหล่ะ เป็นภัย แต่เพราะรู้จักขันธ์ตามความเป็นจริง ก็ค่อยๆ ละความติดข้องในขันธ์ เพราะปัญญาที่สามารถที่จะรู้ความจริงได้ ที่สำคัญที่สุด คือ พูดถึงขันธ์ สิ่งที่เกิดขึ้น และดับไป เดี๋ยวนี้ ยังไม่รู้จักขันธ์ จนกว่าปัญญาพร้อมด้วยสติสัมปชัญญะ ที่ได้รับการปรุงแต่ง แต่ละขณะที่เข้าใจ จะทำให้เกิดขณะที่สามารถเข้าใจขันธ์ที่กำลังปรากฏ โดยความเป็นอนัตตา โดยไม่มีใครไปเลือก หรือไปทำให้เกิดขึ้น
ที่มา และ ขอเชิญรับฟัง
ปัญญาที่สามารถ ที่จะรู้ความเป็นจริงได้
ที่สำคัญที่สุด สาธุ
เหตุการณ์แต่ละเหตุการณ์ ไม่มีวันจะกลับมาอีกเลย แต่จะมีเหตุการณ์ใหม่ สิ่งที่เราได้ฟังทั้งหมด ก็จะปรุงแต่งให้สภาพธรรมที่เกิดขึ้น คิดต่างกัน เป็นกุศลหรืออกุศลต่างๆ กันตามปัจจัย ซึ่งขณะนี้ ถ้าไม่มีการฟังวันนี้ เราก็ไม่มีปัจจัยที่จะได้มีโอกาสคิดในทางที่ถูก ในทางเข้าใจธรรม
ยินดีในกุศลจิตครับ