ไม่ทะเลาะ ไม่วิวาทกัน

 
สารธรรม
วันที่  14 ต.ค. 2567
หมายเลข  48704
อ่าน  134

ถ้าท่านเป็นผู้ที่ฟัง และมนสิการในพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงในพระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก หรือพระอภิธรรมปิฎกก็ตาม ย่อมได้รับประโยชน์ทั้งสิ้น พระธรรมที่ทรงแสดง เพื่อเกื้อกูลแก่การดับกิเลสให้หมดสิ้นเป็นสมุจเฉท เพื่อจะได้ไม่ทะเลาะ ไม่วิวาทกัน เพื่อจะได้ปรองดองกัน พระธรรมเทศนาทั้งหมดไม่ใช่เล็กน้อย เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ ถ้ามนสิการในเหตุในผลที่ได้ทรงแสดง


มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ โกสัมพิยสูตร

ข้อความบางตอนในพระสูตรนี้

สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารโฆสิตาราม เขตพระนครโกสัมพี สมัยนั้น พวกภิกษุในเมืองโกสัมพีเกิดขัดใจ ทะเลาะ วิวาท เสียดสีกัน และกันด้วยปากเพียงดังว่าหอกอยู่ ไม่ยังกัน และกันให้เข้าใจ ไม่ปรารถนาความเข้าใจกัน ไม่ยังกัน และกันให้ปรองดอง ไม่ปรารถนาความปรองดองกัน

ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงแสดงธรรม ๖ ประการ อันเป็นเหตุให้ระลึกถึงกัน ทำความรักกัน ทำความเคารพกัน เป็นไปเพื่อความสงเคราะห์กัน เพื่อความไม่วิวาทกัน เพื่อความพร้อมเพรียงกัน เพื่อความเป็นพวกเดียวกัน

ธรรม ๖ ประการ อันเป็นเหตุให้ระลึกถึงกัน ทำความรักกัน ทำความเคารพกัน เป็นไปเพื่อความสงเคราะห์กัน เพื่อความไม่วิวาทกัน เพื่อความพร้อมเพรียงกัน เพื่อความเป็นพวกเดียวกัน ธรรม ๖ ประการ คือ

ประการที่ ๑ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เข้าไปตั้งกายกรรม อันประกอบด้วยเมตตาในเพื่อนสพรหมจารีทั้งหลาย ทั้งในที่แจ้ง และในที่ลับ

ประการที่ ๒ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เข้าไปตั้งวจีกรรม อันประกอบด้วยเมตตาในเพื่อนสพรหมจารีทั้งหลาย ทั้งในที่แจ้ง และในที่ลับ

ประการที่ ๓ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เข้าไปตั้งมโนกรรม อันประกอบด้วยเมตตาในเพื่อนสพรหมจารีทั้งหลาย ทั้งในที่แจ้ง และที่ลับ

ประการที่ ๔ แบ่งปันลาภที่เกิดขึ้นโดยธรรม ได้มาโดยธรรม ที่สุดเป็นลาภสักว่าอาหารที่เนื่องในบาตร ก็บริโภคโดยไม่เกียดกันไว้เพื่อตน บริโภคเป็นสาธารณะกับเพื่อนสพรหมจารีผู้มีศีล

ประการที่ ๕ ถึงความเป็นผู้มีศีลเสมอกัน ในศีลเช่นนั้นกับเพื่อนสพรหมจารีทั้งหลาย คือ ศีลไม่ขาด ไม่เป็นช่อง ไม่ด่าง ไม่พร้อย เป็นไท อันท่านผู้รู้สรรเสริญ ทั้งในที่แจ้ง และในที่ลับอยู่

ประการที่ ๖ ถึงความเป็นผู้เสมอด้วยทิฏฐิ อันไกลจากข้าศึกกับเพื่อนสพรหมจารีทั้งหลาย

ขอเชิญรับฟัง

โกสัมพิยสูตร ภิกษุในเมืองโกสัมพีเกิดขัดใจ ทะเลาะ วิวาทกัน

เป็นเรื่องสำคัญหรือเปล่า หรือไม่สำคัญ พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงฟังเฉยๆ เป็นเรื่องเล็กน้อยไม่สำคัญ หรือว่ามีอรรถอะไรที่เป็นสิ่งสำคัญ เพราะเหตุใดภิกษุจึงทะเลาะวิวาทกัน ต้องมีเหตุใช่ไหม ถ้าไม่มีเหตุ ก็ไม่ทะเลาะไม่วิวาทกันแน่ แต่เมื่อทะเลาะวิวาท ก็เป็นสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ นี่เป็นสิ่งสำคัญ เป็นสิ่งที่มีจริง เป็นจริงในชีวิตประจำวัน ตราบใดที่บุคคลทั้งหลายยังมีกิเลสอยู่ ไม่ว่าจะเป็นฆราวาสหรือภิกษุก็ตาม อกุศลธรรม และอกุศลกรรมต่างๆ ก็ย่อมเกิดขึ้นเป็นไปตามกำลังของกิเลสนั้นๆ

พระธรรมที่จะทรงแสดง ก็เพื่อเกื้อกูลแก่การดับกิเลสให้หมดสิ้นเป็นสมุจเฉท เพื่อจะได้ไม่ทะเลาะ ไม่วิวาทกัน เพื่อจะได้ปรองดองกัน เพราะฉะนั้น พระธรรมเทศนาทั้งหมดไม่ใช่เล็กน้อย เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ ถ้าท่านผู้ฟังจะมนสิการในเหตุในผลที่ได้ทรงแสดง


เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ