หม้อกรองน้ำด่างคืออะไร [วัมมิกสูตร]

 
wittawat
วันที่  17 ต.ค. 2567
หมายเลข  48722
อ่าน  67

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

หม้อกรองน้ำด่างคืออะไร?

พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้า 324

๓. วัมมิกสูตร

[๒๘๙] ... สุเมธะเอาศาสตราขุดลงไป ได้เห็นหม้อกรองน้ำด่าง จึงเรียนว่า หม้อกรองน้ำด่างขอรับ. พราหมณ์กล่าวอย่างนี้ว่า พ่อสุเมธะเจ้าจงยกหม้อกรองน้ำด่างขึ้น เอาศาสตราขุดดู ...

[๒๙๑] ... คําว่าหม้อกรองน้ำด่างนั้น เป็นชื่อของนิวรณ์ ๕ คือ กามฉันทนิวรณ์ พยาบาทนิวรณ์ ถีนมิทธนิวรณ์ อุทธัจจกุกกุจจนิวรณ์ วิจิกิจฉานิวรณ์. คํานั้นมีอธิบายดังนี้ว่า พ่อสุเมธะ เจ้าจงใช้ปัญญาเพียงดังศาสตรา ยกหม้อกรองน้ำด่างขึ้นเสีย คือจงละนิวรณ์ ๕ เสีย จงขุดขึ้นเสีย .


[อรรถกถา]

พึงทราบวินิจฉัยในคําว่า ปงฺกวารํ ดังต่อไปนี้ เมื่อช่างย้อมใส่น้ำลงในหม้อกรองน้ำด่าง หม้อน้ำ ๑ หม้อ ๒ หม้อบ้าง ๑๐ หม้อบ้าง ๒๐ หม้อบ้าง ๑๐๐ หม้อบ้าง ก็ไหลออก น้ำแม้ฟายมือเดียวก็ไม่ขังอยู่ฉันใด กุศลธรรมภายในของบุคคลผู้ประกอบด้วยนีวรณ์ ย่อมไม่ตั้งอยู่ฉันนั้นเหมือนกัน. ด้วยเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ คําว่า หม้อกรองน้ำด่างนี้ เป็นชื่อของนีวรณ์ทั้ง ๕. ในคําว่า ปชหปฺจ นีวรเณ นี้ ตรัสการละนิวรณ์ด้วยวิกขัมภนปหาน และตทังคปหาน.


[สรุป]

ม้อกรองน้ำด่าง คืออะไร?

หม้อกรองน้ำด่าง โดยนัยแห่งพระสูตรนี้ หมายถึง นิวรณ์ ๕
เมื่อเทน้ำลงในหม้อกรองน้ำ น้ำแม้นิดเดียวก็ไม่ขังอยู่ในหม้อกรอง ฉันใด
กุศลธรรมแม้นิดเดียว ก็ไม่มีอยู่ในผู้ที่มีนิวรณธรรมกลุ้มรุมอยู่ ฉันนั้น

เคยง่วงหรือไม่ เคยผูกโกรธหรือไม่ เคยหลงติดบางอย่างที่ชอบมากๆ หรือไม่ เคยคิดถึงบาปที่ทำในอดีตหรือไม่ เคยสงสัยเรื่องการดับกิเลสว่าเป็นไปได้บ้างไหม

ขณะที่อกุศลธรรมกลุ้มรมอยู่นั้น กุศลธรรมไม่มีอยู่เลย แม้นิดเดียว

นิวรณธรรม เป็นนามธรรม ฝ่ายอกุศล ฝ่ายไม่ดี มีสภาพกลุ้มรุม เกิดพร้อมความไม่รู้

การละนิวรณ์ท่านแสดงด้วยวิขัมภนปหาน คือการละด้วยการข่มไว้ด้วยสมถภาวนา และตทังคปหาน คือการละด้วยธรรมคู่ปรับ ได้แก่ วิปัสสนาญาณ ซึ่งก่อนที่จะมีปหานทั้งคู่ ต้องมีปฏิสังขานปหานก่อน ซึ่งหมายถึง การละโดยการพิจารณา เป็นผู้ที่ศึกษาเห็นโทษว่าอกุศลธรรมนั้นเป็นสิ่งไม่ดี ไม่ควรกระทำโดยประการทั้งปวง และการเป็นผู้ที่ระลึกว่าแม้นิวรณ์ ก็เป็นนามธรรม เป็นความจริงประเภทหนึ่งในชีวิตประจำวันเช่นกัน

กราบอนุโมทนา


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 25 ต.ค. 2567

ข้อความบางตอนใน วัมมิกสูตร ข้อ ๒๘๙ มีว่า

สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่าน อนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี สมัยนั้นท่านพระกุมารกัสสปะพำนักอยู่ที่ป่าอันธวัน ครั้งนั้น เทวดาองค์หนึ่ง มีวรรณงามยิ่ง

คือ พรหมชั้นสุทธาวาสซึ่งเป็นสหายของท่านในครั้งก่อนนั่นเอง

เมื่อราตรีล่วงปฐมยามแล้วยังป่าอันธวันทั้งสิ้นให้สว่าง เข้าไปหาท่านพระกุมารกัสสปะ ได้ยืน ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ได้กล่าวกะท่านพระกุมารกัสสปะว่า

ดูกร ภิกษุ จอมปลวกนี้พ่นควันในกลางคืน ลุกโพลงในกลางวัน พราหมณ์ ได้กล่าวอย่างนี้ว่า พ่อสุเมธะ เจ้าจงเอาศาสตราไปขุดดู สุเมธะเอาศาสตราขุดลงไป ได้เห็นลิ่มสลัก จึงเรียนว่า ลิ่มสลัก ขอรับ

พราหมณ์กล่าวอย่างนี้ว่า พ่อสุเมธะ เจ้าจงยกลิ่มสลักขึ้น เอาศาสตราขุดดู สุเมธะเอาศาสตราขุดลงไป ได้เห็นอึ่ง จึงเรียนว่า อึ่ง ขอรับ

พราหมณ์กล่าวอย่างนี้ว่า พ่อสุเมธะ เจ้าจงยกอึ่งขึ้น เอาศาสตราขุดดู สุเมธะเอาศาสตราขุดลงไป ได้เห็นทาง ๒ แพร่ง จึงเรียนว่า ทาง ๒ แพร่ง ขอรับ

พราหมณ์กล่าวอย่างนี้ว่า พ่อสุเมธะ เจ้าจงก่นทาง ๒ แพร่งเสีย เอาศาสตรา ขุดดู สุเมธะเอาศาสตราขุดลงไป ได้เห็นหม้อกรองน้ำด่าง จึงเรียนว่า หม้อกรอง น้ำด่าง ขอรับ

พราหมณ์กล่าวอย่างนี้ว่า พ่อสุเมธะ เจ้าจงยกหม้อกรองน้ำด่างขึ้น เอา ศาสตราขุดดู สุเมธะเอาศาสตราขุดลงไป ได้เห็นเต่า จึงเรียนว่า เต่า ขอรับ

คนชอบเต่าอาจจะดีใจ ได้เห็นเต่า

พราหมณ์กล่าวอย่างนี้ว่า พ่อสุเมธะ เจ้าจงยกเต่าขึ้น เอาศาสตราขุดดู สุเมธะเอาศาสตราขุดดู ได้เห็นเขียงหั่นเนื้อ จึงเรียนว่า เขียงหั่นเนื้อ ขอรับ

พราหมณ์กล่าวอย่างนี้ว่า พ่อสุเมธะ เจ้าจงยกเขียงหั่นเนื้อขึ้น เอาศาสตรา ขุดดู สุเมธะเอาศาสตราขุดลงไป ได้เห็นชิ้นเนื้อ จึงเรียนว่า ชิ้นเนื้อ ขอรับ

พราหมณ์กล่าวอย่างนี้ว่า พ่อสุเมธะ เจ้าจงยกชิ้นเนื้อขึ้น เอาศาสตราขุดดู สุเมธะเอาศาสตราขุดลงไป ได้เห็นนาค จึงเรียนว่า นาค ขอรับ

พราหมณ์กล่าวอย่างนี้ว่า นาคจงอยู่ เจ้าอย่าเบียดเบียนนาคเลย จงทำความนอบน้อมต่อนาค

ขอเชิญรับฟัง

พระกุมารกัสสปะ บรรลุเป็นพระอรหันต์ อย่างไร

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ