ใจร้อน อยากจะศึกษาก็รีบร้อนศึกษา
ใจร้อนไม่ได้เลย ในขณะนั้นก็ไม่ได้มีสติระลึกลักษณะของสภาพธรรม เพราะอยากจะรู้คำตอบในหนังสือ ต้องพร้อมด้วยสติสัมปชัญญะในขณะที่ฟัง การฟัง ก็ฟังเรื่องด้วยสติ เป็นกามาวจรกุศล เป็นมหากุศล และพิจารณาเข้าใจ นั่นเป็นสติขั้นหนึ่ง แต่ถ้าฟังด้วยสติสัมปชัญญะ คือ ระลึกลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ในขณะที่ฟัง ซึ่งมีลักษณะของสภาพธรรมจริงๆ
เมื่อรู้ว่าชีวิตของแต่ละบุคคลดำรงอยู่เพียงชั่วขณะจิตเดียว และขณะจิตหนึ่ง ที่กำลังเกิดขึ้นนี้ จะให้เป็นกุศล หรือจะให้หลงลืมสติ เพียงเท่านี้ก็จะเป็นเครื่องเตือน พระธรรมเทศนาทั้งหมด ทั้ง ๓ ปิฎก เพื่อเตือนทุกแง่มุม ไม่ว่าจะในเรื่องของความประพฤติขัดเกลาที่เป็นพระวินัยบัญญัติ หรือเรื่องในพระสูตร เหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งเกิดในครั้งอดีตกาล และยังเนิ่นนานไปถึงพระชาติต่างๆ ขณะที่ทรงบำเพ็ญพระบารมี จนถึงเหตุการณ์ในสมัยที่พระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้ ทรงแสดงธรรม เป็นเครื่องเตือน ให้แต่ละบุคคลได้เข้าใจลักษณะของสภาพธรรม และระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรม ซึ่งกำลังปรากฏกับแต่ละบุคคล
เรื่องของสติสัมปชัญญะหรือสติปัฏฐาน เป็นเรื่องสำคัญที่สุด ที่จะว่าฟังแล้วเข้าใจหรือไม่เข้าใจ ฟังแล้วเข้าใจมากหรือเข้าใจนิดหน่อย หรือฟังเท่าไรก็ยังเหมือนเดิม ก็เพราะสติมีหลายขั้น และถ้าเป็นสติสัมปชัญญะที่เป็นสติปัฏฐาน สภาพธรรมก็ปรากฏตามความเป็นจริงกับผู้ที่ได้อบรมเจริญปัญญาพร้อมที่จะรู้ลักษณะของสภาพธรรมในขณะนั้น
ขอเชิญรับฟัง
ขอถวายความนอบน้อมแด่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ด้วยเศียรเกล้า
"การฟัง ก็ฟังเรื่องด้วยสติ เป็นกามาวจรกุศล เป็นมหากุศล และพิจารณาเข้าใจ นั่นเป็นสติขั้นหนึ่ง แต่ถ้าฟังด้วยสติสัมปชัญญะ คือ ระลึกลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ในขณะที่ฟัง ซึ่งมีลักษณะของสภาพธรรมจริงๆ "
กราบเท้าบูชาพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่ง
ขออนุโมทนาผู้เผยแพร่พระธรรมด้วยค่ะ