ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๗๐๕
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษา และพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๗๐๕
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอนุเคราะห์คนที่มีกิเลสและทำสิ่งที่ชั่วร้ายต่างๆ ให้ละคลายอกุศล เพราะเหตุว่าความเข้าใจสิ่งที่มีตามความเป็นจริงเท่านั้น ที่จะทำให้พฤติกรรมที่ไม่ดีทั้งหมดค่อยๆ ลดน้อยลง จนกระทั่งไม่เกิดอีกเลยได้
~ เคารพพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสูงสุด เมื่อเข้าใจคำของพระองค์ เป็นขณะที่มีค่าที่สุด เหนือกว่าทรัพย์สินเงินทอง เกียรติยศชื่อเสียงใดๆ เพราะฉะนั้น คำของพระองค์ไม่ใช่แค่เพียงศึกษา แต่ประพฤติตามทีละเล็กทีละน้อย เพื่อที่จะเห็นโทษของอกุศลที่ได้สะสมมามากมายในสังสารวัฏฏ์ มิฉะนั้น อกุศลก็จะเพิ่มขึ้นๆ
ยิ่งจมลึกลงไปในความไม่รู้ที่มืดมิด
~ คำสอนทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อให้โลกซึ่งมืดด้วยความไม่รู้ ได้เข้าใจความจริงทั้งหมดทุกอย่างที่พระองค์ได้ทรงตรัสรู้แล้ว เพราะฉะนั้น ทุกคำของพระองค์สำหรับศึกษา สำหรับฟังด้วยความเคารพอย่างยิ่ง เพราะลึกซึ้ง ต้องเข้าใจให้ถูกต้อง ไม่คลาดเคลื่อน
~ กล่าวความจริงตามพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง โดยไม่หวัง จึงไม่เดือดร้อน ใครจะเข้าใจผิดหรือกล่าวคำว่าร้ายต่างๆ ก็เป็นเรื่องธรรมดาของความไม่รู้ ใช่ไหม? แต่ไม่เป็นสิ่งที่เราจะต้องไปโกรธเคืองอะไรเลย เพราะเขาไม่รู้ รักษาใจไม่ใช่ใจคนอื่น แต่รักษาใจตัวเอง
~ ขณะนี้มีธรรม ธรรมก็มีลักษณะจริงๆ ของธรรมแต่ละอย่าง จึงเป็นปรมัตถธรรม เพราะเหตุว่าใครไม่สามารถเปลี่ยนแปลงลักษณะนั้นให้เป็นอย่างอื่นได้เลย เมื่อกล่าวถึงปรมัตถธรรม ต้องเป็นสิ่งที่มีลักษณะจริงๆ แล้วใครก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงลักษณะนั้นให้เป็นอย่างอื่นได้
~ ปัญญาต้องรู้ตรงตั้งแต่ต้น สภาพธรรมทั้งหลาย เป็นอนัตตา เพราะฉะนั้น ไม่มีการรีบเร่งหรือใจร้อนหรือจะทำ ถ้าเข้าใจอนัตตาจริงๆ แล้วจะต้องรู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย และมีสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นได้ว่า ขณะนี้ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย เช่น เห็นขณะนี้ก็ต้องเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย เกิดแล้วด้วย ไม่มีใครไปทำ ขณะที่ได้ยิน ได้ยินก็เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยจริงๆ
~ ถ้ามีความเข้าใจธรรมที่ถูกต้องแล้วประพฤติตาม ความไม่ดีทั้งหลายก็ลดน้อยลง หนทางอื่น มีไหม? ไม่ยากเลย ประเทศจะเจริญ ก็ต่อเมื่อทุกคนเป็นคนดีและทําดีเท่านั้นเอง แน่นอน ไม่ใช่หนทางอื่น
~ ถ้าจะรังเกียจกิเลส ต้องรังเกียจให้ทั่ว คือ รังเกียจความไม่รู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง นี่น่ารังเกียจมาก ถ้ารังเกียจอย่างนี้ ก็จะทำให้ขวนขวายที่จะรู้ลักษณะของสภาพธรรม
~ เมื่อครั้งที่พระโพธิสัตว์ทรงปรารภที่จะเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็มีพระดำริอย่างที่ทุกคนทราบ คือ สภาพธรรมมี กำลังปรากฏ และสภาพที่แท้จริงของธรรมนั้นเป็นอย่างไร ซึ่งปัญญาเท่านั้นสามารถรู้แจ้งได้ และปัญญาที่จะรู้แจ้งได้นั้น ไม่ใช่เป็นไปอย่างง่ายและรวดเร็ว ด้วยเหตุนี้จึงทรงค้นคว้าธรรมที่เป็นเครื่องทำให้สามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรมได้เมื่อบำเพ็ญแล้วครบถ้วน คือ บารมีทั้ง ๑๐
~ กุศลเป็นกุศล อกุศลเป็นอกุศล ไม่ใช่เรา เพราะฉะนั้น การอบรมเจริญกุศลก็เพื่อให้กุศลเจริญขึ้น เพื่อที่จะละคลายอกุศล ไม่ใช่ด้วยความสำคัญในตน หรือไม่ต้องห่วงชาวโลกว่า ชาวโลกจะคิดอย่างไร จะว่าอย่างไร แต่เพื่อธรรมเท่านั้น
~ การสนทนาธรรมไม่ใช่เรื่องอื่น แต่เป็นเรื่องธรรมดาๆ ที่มีจริง ที่กำลังปรากฏ ขณะนี้ คงไม่ลืม ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีจริงที่กำลังปรากฏเป็นธรรม แต่อวิชชาไม่สามารถรู้ความจริงของธรรมเหล่านี้ได้ ต้องอาศัยการอบรมเจริญปัญญาเท่านั้น ไม่ต้องคิดหวังอย่างอื่นสิ่งต่างๆ เหล่าอื่น แม้ว่าจะเป็นทรัพย์สมบัติมหาศาล รูปสมบัติ ชาติตระกูล วิชาความรู้ เงินทอง เราก็ได้ผ่านมาแล้วในอดีตทุกภพทุกชาติ แต่สิ่งเหล่านี้ ก็ไม่ยั่งยืน
~ ไม่มีใครนอกจากธรรมที่เกิด แล้วก็เห็นบ้าง ได้ยินบ้าง คิดบ้าง สนุกบ้าง ทุกข์บ้าง แล้วก็เห็นอีกได้ยินอีกทุกวัน จนกว่าจะสิ้นชีวิต ไม่เห็นสิ่งที่เป็นโลกนี้ แต่ก็มีปัจจัยที่จะต้องเกิดอีก ไม่หยุดการเกิดตราบใดที่มีเหตุให้เกิด
~ ความโกรธ ความไม่พอใจ ความขุ่นเคือง ความหงุดหงิด ความริษยา มีโทษหรือเปล่า? เห็นไหม? ถ้าไม่พูดตัวอย่าง มองไม่เห็นเลยว่านี่แหละโทษ อกุศล เป็นธรรมที่ไม่เป็นประโยชน์ เพราะฉะนั้น รู้จักธรรมที่ไหน? ที่ตัวเอง มีครบทุกอย่าง
~ ธรรมเป็นเรื่องที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงโดยละเอียดถึงสิ่งที่มีจริงๆ ในชีวิตประจำวัน จากคนที่ไม่เข้าใจว่าไม่มีเรา จนกระทั่งค่อยๆ เห็นความจริงว่าเป็นธรรมทั้งหมด เมื่อตรงอย่างนั้น ก็รู้ว่าธรรมขณะนั้นเป็นธรรมที่ดีหรือไม่ดี ไม่มีเราจะไปจัดการอะไรได้ ถ้ามีความเข้าใจถูกมีความเห็นถูก ก็เป็นเหตุให้มีธรรมฝ่ายดีเกิดขึ้น
~ ถ้าพูดไม่จริงไปแล้วเกิดตามเหตุตามปัจจัย ก็พูดว่าพูดไม่จริงไปแล้ว ได้ไหม? เห็นไหม ถ้าเป็นผู้ที่เห็นประโยชน์จริงๆ สำนึกในการกระทำที่ผิดพลาด เพราะเหตุว่าถ้าตราบใดยังมีกิเลส เราไม่เป็นเราที่จะไปทำ แต่กิเลสเป็นเหตุให้กระทำสิ่งนั้นทั้งกายทั้งวาจา ถ้าไม่สำนึกว่าไม่ดี เป็นโทษ ผิด ก็ไม่เลิก แต่เมื่อไหร่ที่รู้ทันทีสำนึกทันที จบทันที ไม่ทำอีกต่อไป
~ การได้ยินได้ฟังพระธรรมในวันนี้ จะเป็นพืชเชื้อที่จะทำให้มีความสนใจที่จะเข้าใจต่อไปไหม? เพราะว่า มีหนทางที่จะทำให้เข้าใจได้ ไม่ว่าวัยไหนทั้งสิ้น สามารถที่จะใฝ่ใจสนใจที่จะรู้ความจริง จึงทำให้มีการฟังและมีการไตร่ตรองจนกระทั่งเข้าใจถูกต้องและรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพิ่มขึ้น
~ กุศลทั้งหมด ควรกระทำ ไม่ควรเว้น แล้วสำหรับวันนี้ มีกุศลอะไรที่ตนเองเว้นหรือเปล่า เล็กๆ น้อยๆ ขณะใดก็ตามที่กุศลไม่เกิด อกุศล ก็เกิด จะเห็นได้ว่า เพราะไม่รู้ จึงไม่บำเพ็ญกุศล
ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๗๐๔
... กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และยินดีในกุศลของทุกๆ ท่านครับ ...