อายเด็กๆ เด็กจะว่าบ้า
ถ้ามีความเห็นถูกต้อง ท่านจะทิ้งสิ่งที่ผิดปกติอย่างนั้น ทำเหมือนๆ กัน อยู่รวมๆ กัน พวกที่อยู่ด้วยกันบอกว่าไม่แปลกเพราะว่าเหมือนกัน เป็นเรื่องของเหตุผล เป็นเรื่องของความรู้ เป็นเรื่องของความถูกต้อง ไม่มีใครบังคับให้ท่านเปลี่ยนแปลงความคิดเห็นได้ แล้วแต่ฉันทะความพอใจของท่าน
ถ . ปัญญาเกิดได้ทางตาเห็น หรืออะไรอย่างนี้ ก็พิจารณาได้เหมือนกัน แต่จะให้สงบจริงๆ ก็ต้องไปที่ปฏิบัติ นี่เกิดจากตัวดิฉันเอง คือจะทำก็อาย จะไปนั่งหลับตา เด็กๆ เห็น เด็กจะว่าบ้าหรือไงนี่ คือมีอคติในตัวเองอย่างนี้
สุ . ทำไมถึงว่าอับอายขายหน้า
ถ . ไม่ใช่อาย คือ กลัวเด็กจะว่าไปนั่งทำอะไร คล้ายๆ กับมีหิริโอตตัปปะในตัวเอง กลัวเด็กๆ จะว่าแม่เป็นบ้า หรือเป็นอะไรทำนองนั้น คือคิดไปเอง แต่ถ้าไปอยู่ในหมู่ผู้ปฏิบัติด้วยกัน ทำก็ทำเหมือนกัน รู้สึกว่าจิตมันสงบดี
สุ . ขอความรู้ให้ท่านผู้ฟังได้ทราบโดยละเอียดอีกครั้งหนึ่ง ดิฉันก็ยังเข้าใจตามที่ได้กล่าวนี้ รู้สึกว่าการเจริญสติปัฏฐานไม่ได้เป็นปกติเลย เพราะเหตุว่ากลัวเด็กหรือว่ากลัวคนอื่นจะมาเห็น ยังไม่เข้าใจ ปกติขณะนี้ของการเจริญสติปัฏฐานเป็นธรรมดา ไม่มีอะไรพิเศษที่จะต้องไปทำอะไรให้ผู้อื่นคิดว่าเป็นบ้า หรือว่าไม่ต้องไปทำอะไรให้คนอื่นมาหัวเราะเยาะ หรือขบขัน ไม่ใช่อย่างนั้นเลย ถ้าเป็นการเจริญสติปัฏฐานแบบนี้ พระผู้มีพระภาคไม่ทราบว่าจะใช้คำอย่างไร คงจะแย่ทีเดียวที่ทำให้ผู้เจริญสติปัฏฐานแล้ว คนอื่นเห็นว่าเป็นบ้า หรือว่าเป็นคนที่ผิดปกติ ไม่ใช่เป็นคนที่รู้แจ้งตามปกติ แต่การเจริญสติปัฏฐานไม่มีผู้ใดตำหนิเลย ทั้งกายวาจาของภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกาที่เจริญสติปัฏฐาน ไม่เป็นช่องทางให้ใครขบขัน หัวเราะเยาะ หรือคิดว่าเป็นคนที่แปลกผิดปกติไปได้
ที่มา และ รับฟังเพิ่มเติม ...
เข้าใจการเจริญสติปัฏฐาน จะทิ้งสิ่งที่ผิดปกติ
ต้องไปปฏิบัติตามสถานที่ต่างๆ ไหม