คิดลบ!!

 
natthaset
วันที่  4 ต.ค. 2550
หมายเลข  5005
อ่าน  1,258

สารภาพว่าครั้งแรกที่ศึกษาธรรมจาก อ.สุจินต์ และ Web นี้รู้สึกว่า อ.เน้นเรื่องความรู้มากไป ไม่ได้เน้นเรื่องปฏิบัติ อะไรก็ให้ฟังให้รู้ก่อน เรื่องปฎิบัติว่ากันทีหลัง ชอบถามว่าปฺฏิบัติอะไร เมื่อไม่รู้แล้วจะปฏิบัติได้อย่างไร ความรู้สึกผมก็ค้านว่าก็ปฏิบัติเพื่อรู้ไง แต่อ. บอกความหมายคำว่า สาวก จึงเข้าใจ (มิน่าแต่ก่อนยิ่งปฏิบัติยิ่งยึดมั่นถือมั่น ในตัวตนเราเอง นับหนึ่งใหม่ไม่รู้จบ) ครั้งแรก คิดถึงขนาดว่า เป็นพวกมหายานเน้น ปรัชญามากกว่าปฏิบัติ ตอนนี้รู้ทันทีเลยว่า ทำไมเขาเน้นเรื่องการปฏิบัติ (ทั้งที่ไม่รู้) เพราะมันง่าย และทำให้อัตตามีค่ามากขึ้น มากขึ้น แล้วมีความสุขกับอัตตา เป็นยาแก้บำบัดไข้ไปวันๆ แต่สรุปแล้ว วิธีการของอาจารย์สุจินต์นี้แหล่ะตอบปัญหาได้จริง อย่างน้อยก็รู้ว่ามีคำตอบแม้นจะไม่รู้แจ้งในคำตอบนั้นๆ จริงๆ (ปัญหาคือทุกข์) ยาแก้ไข้ตัวจริง

ขอความนอบน้อมจงมีแก่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น

ขอบคุณมากๆ ครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 4 ต.ค. 2550

ทำไมเขาเน้นเรื่องการปฏิบัติ (ทั้งที่ไม่รู้)

ไปปฏิบัติธรรม?

สนทนาธรรมที่มูลนิธิ วันที่ 17 มิถุนายน 2550

ถอดเทปโดย คุณย่าสงวน สุจริตกุล

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
oom
วันที่ 4 ต.ค. 2550

ตอนแรกๆ ฟัง อ.สุจินต์เน้นว่า ผู้ปฏิบัติธรรมก่อนที่จะปฏิบัติอะไร ควรมีความเข้าใจเสียก่อน ก็ยังไม่เข้าใจเหมือนกัน เพราะ อ.บางท่านก็สอนว่าให้ลงมือปฏิบัติก่อนโดยที่ยัง ไม่ต้องรู้อะไรเลย แล้วก็จะเข้าใจเอง แต่จะเสียเวลาเพราะจะมีความสงสัยตลอดเวลา ว่าเป็นอย่างไร ซึ่งพอฟังธรรมของ อ.สุจินต์ บ่อยๆ จึงเห็นด้วยกับอาจารย์ ว่าต้องฟังให้ เข้าใจก่อนแล้วค่อยไปปฏิบัติ เพราะทำให้การปฏิบัติง่ายขึ้น ใช้ได้ผลในชีวิตประจำวัน เวลาที่มีสิ่งที่มากระทบหรือเจอปัญหาต่างๆ ก็จะสามารถจัดการแก้ไขได้

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 4 ต.ค. 2550

พระสารีบุตรได้ฟังธรรมจากพระอัสสชิ ขณะที่ท่่านฟังเข้าใจเป็นปัญญาทำหน้าที่เอง ไม่มีใครไปปฏิบัิติ ท่านได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน และได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าอีก ครั้ง จึงได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ เพราะฉะนั้นการอบรมปัญญาต้องอาศัยการฟังธรรม ให้เข้าใจเป็นเบื้องต้นค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ครูโอ
วันที่ 5 ต.ค. 2550

คิดลบก็เป็นธัมมะ แต่ขณะที่หลงลืมสติ ย่อมไม่รู้ว่าจิตที่คิดลบหลู่นั้น เป็นไปตามกำลังของอกุศลจิต ส่วนใหญ่ ปุถุชนยังยึดถือว่า เป็นตัวตนของตนเองที่คิดลบ จะละคลายตัวตนได้ก็ต่อเมื่อปัญญาเกิด เมื่อปัญญาเกิด ปัญญาก็จะทำกิจเห็นถูก เข้าใจถูก และก็จะสั่งสมให้เกิด "สัญญา" ที่มั่นคงขึ้นว่า ทุกอย่างก็เป็นแต่เพียงสภาพธัมมะหนึ่งๆ เท่านั้น ไม่ใช่เรา ไม่มีเรา เป็นเพียงชั่วขณะจิตเดียวที่เกิดและดับไปจริงๆ ขณะนั้นก็จะเบาสบายใจ ไม่เดือดร้อน ไม่วุ่นวาย เพราะปัญญาที่เกิดขึ้น ทำกิจเข้าใจสภาพธัมมะที่ปรากฏตามความเป็นจริงว่า...ไม่ใช่เราที่กำลังคิด เป็นแต่เพียงจิตและเจตสิกที่ปรุงแต่งตามอารมณ์ที่มากระทบเท่านั้น

ธรรมโอสถจะรักษาโรคคิดลบให้ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นคิดดีได้แน่นอน แต่ต้องอาศัยความอดทน ความเพียร ในการอบรมเจริญกุศลทุกประการโดยเฉพาะ ปัญญา ต่อไปนะครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
chatchai.k
วันที่ 30 พ.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ