ความสุขที่พ้นจากกามเป็นอย่างไรครับ?
ความสุขที่เกิดจากกามคุณ ๕ ที่ชาวโลกแสวงหามันก็สุขมากพอที่จะหล่อเลี้ยงชีวิตได้ไปจนวันตาย สุขอื่นที่พ้นจากกามคุณ ๕ มันไม่แห้งจืด เป็นแค่ความหวังลมๆ แล้งๆ หรือครับ (คงไม่ปฏิเสธนะครับว่าทุกคนต้องการความสุข) ความสุขเป็นอริยสัจจ์ขั้นโลกิย์ก็มี ขั้นโลกุตตระ ก็มีใช่ไหมครับ ความทุกข์เป็นอริยสัจจ์ขั้นโลกิย์ก็มี ขั้นโลกุตตระ ก็มีใช่ไหมครับ
ความสุขของสัตว์ทั้งหลายมีหลายระดับ คือ ความสุขที่เกิดจากการบริโภคกามก็มี ความสุขอันเกิดจากการออกจากกามหรือเนกขัมมะก็มี ความสุขในฌานของผู้ได้ฌานก็มี ความสุขของผู้ดับกิเลสได้แล้วก็มี ความสุขที่เกิดจากการบริโภคกามคือ การใช้ทรัพย์ซื้อวัตถุสิ่งของต่างๆ ที่ต้องการ การได้ลาภยศสรรเสริญ ความ สุขนี้ เป็นความสุขของคฤหัสหถ์ เป็นความสุขที่เลว และต่ำทราม แต่ความสุขที่ดี และประณีตกว่า คือความสุขที่เกิดจากเนกขัมมะ คือการออกจากกาม บวชเป็น บรรพชิต ไม่มีความห่วงใย ไม่ต้องแสวงหาทรัพย์เพื่อตนและครอบครัว มีความสุขใน การเจริญกุศลขั้นสูงยิ่งๆ ขึ้นไป แต่ผู้ที่ได้ฌานจิตสงบระงับนิวรณ์ เป็นฌานจิต ขั้นต่างๆ ย่อมมีความสุขกว่าผู้ที่ไม่ได้ฌาน พระอรหันต์ผู้ดับกิเลสได้ทั้งหมดแล้ว ย่อมมีความสุขกว่าผู้ที่ยังมีกิเลส โลกุตรสุขประณีตกว่าโลกียสุข
ความสุขจากกามคุณ ทุกคนมีได้เพราะยังมีกิเลส คือยังมีโลภะ ยังมีความต้องการ ยัง แสวงหาสิ่งต่างๆ เพื่อสนองตอบความรักตนเอง ชีวิตปกติของปุถุชนจึงยังมีความสุข เพราะโลภะ แต่ผู้ที่ได้ศึกษาพระธรรม และมีปัญญาสั่งสมมาที่จะเห็นถูกในสภาพธรรม ตามความเป็นจริง ก็ย่อมจะละคลายความยินดีพอใจลงไปได้ จึงเป็นผู้ที่อยู่ง่าย เลี้ยงง่าย เห็นโทษของอกุศลแม้เพียงน้อย และเป็นผู้ที่ไม่ประมาท หลงมัวเมาอยู่แต่ในกาม คุณที่ทำให้จิตไม่สงบ รวมทั้งเป็นผู้ที่เห็นคุณของการเจริญกุศลทุกประการโดยเฉพาะ การเจริญ "สติปัฏฐาน" เพื่อคั่นกระแสของอกุศลในขณะที่เกิดนั้นโดยทันทีได้ หากลองตรองดูในชีวิตประจำวันของเรา..อกุศลเหตุปรุงแต่งให้จิตคิดไปในเรื่องราวต่างๆ มากมาย เป็นเสมือนโลกมายาทางความคิดที่แวดล้อมเราอยู่... หลอกล่อให้เราอยู่กับความลวง ความเห็นผิด คิดยินดีในอกุศลอยู่เสมอ เรามักจะลืมไปว่าการติดข้องในกามคุณเป็นโทษ และจะเป็นเหตุให้เกิด "โทสะ" ในยามที่ไม่ได้อย่างที่เราเคยได้ ผู้ที่ปรารถนาจะไปถึงฝั่งคือ พระนิพพาน จึงต้องเป็นผู้ที่กำลังอบรมเจริญปัญญาบารมี เล็งเห็นภัยของอกุศลเมื่อสติปัฏฐานเกิด ระลึกได้เสมอว่า "โลภะ" เป็นอกุศลธรรมที่ยังกุศลธรรมอื่นๆ ให้เนิ่นช้า และเป็นปฏิปักษ์ต่อการเจริญบารมีทุกประการ ความสุขที่พ้นจากกามคุณ ๕ นั้นเป็นอย่างไร? ถึงเมื่อไร เมื่อนั้นรู้ได้ เฉพาะตน ชีวิตที่แห้ง จืด เป็นชีวิตที่อยู่ด้วยโทสะ อันเป็นผลมาจาก "โลภะ" แต่ชีวิตที่อยู่ด้วย "ปัญญา" ประเสริฐ สว่างกว่า -->ไม่แห้ง ไม่จืด ไม่มืด ไม่เขลา แน่นอนครับ
เคยวัดไหม?
มีความสุขจากการเห็นสิ่งที่ปรากฏทางตานี้ได้สักกี่นาที...
ก่อนที่จะเก็บเข้ากระเป๋าเงิน
มีความสุขจากการฟังเสียงเพลงที่น่าพอใจทางหู..
.เพลงเดียวต่อๆ กัน...ได้สักกี่รอบ/วัน
มีความสุขจากการดมกลิ่นที่น่ารัญจวลใจทางจมูก...
กลิ่นเดียวกันต่อๆ กัน...ได้สักกี่วินาที
มีความสุขจากการลิ้มรสในรสชาติของอาหารทางลิ้น...
รสชาติเดียวกันต่อๆ กัน...ได้สักกี่นาที มีความสุขจากการกระทบสัมผัสที่น่าปรารถนาทางกาย...
โดยไม่ปล่อยให้หลุด...ได้สักกี่นาที
ที่เหลือก็เป็นเรื่องที่คิดนึกทางใจ ถึงความสุขกายที่เคยได้รับจากรูป โผฏฑัพพะ ทั้งหมดทุกๆ วันนี้ปุถุชนติดในกามคุณ ๕ ได้เท่าไรก็ไม่อิ่ม
ได้เท่าไรก็ไม่พอ เพราะโลภะไม่เคยพอ เหมือนดังที่พระพุทธองค์ทรงตรัสสอนไว้ว่า
ผู้ที่ติดอยู่ในกามคุณ ๕ ก็ไม่ต่างจาก "ลิงติดตัง"
เชิญคลิกอ่านครับ...