อาหาร ๔ ที่ทำให้สัตว์ทั้งหลายดำรงอยู่ได้

 
บรรณวิท
วันที่  20 พ.ย. 2548
หมายเลข  525
อ่าน  3,537

อาหาร ๔ อย่างที่ทำให้สัตว์ทั้งหลายดำรงอยู่ได้ หรืออาหาร ๔ ได้แก่

กพฬิงกราหาร ๑

ผัสสาหาร ๑

มโนสัญเจตนาหาร ๑

วิญญาณาหาร ๑

ตามที่ท่านอาจารย์ได้กรุณาชี้แจงมานั้น มีความหมายเป็นภาษาไทยอย่างง่ายว่าอย่างไรหรือครับ และอาหาร ๔ อย่างนี้ในสัตว์ทั้งหลายรวมทั้งมนุษย์นั้น จำเป็นต้องใช้ทั้ง ๔ อย่างเลยหรือไม่ครับเพื่อการดำรงชีวิตอยู่

ขอขอบพระคุณท่านอาจารย์มากครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
study
วันที่ 21 พ.ย. 2548

ในอรรถกถถาสังคีติสูตรท่านอธิบายว่าอาหาร ๔ อย่าง ที่เป็นปัจจัยทำให้สัตว์ทุกภพภูมิดำรงอยู่ได้ดังข้อความที่จะยกมา

ความหมายของอาหาร ๔ คือ

กพฬิงการาหาร หมายถึง รูปอาหารที่เป็นคำๆ ที่เราบริโภคเข้าไปส่วนที่จะเป็นประโยชน์หล่อเลี้ยงร่างกาย

ผัสสาหาร หมายถึง ผัสสเจตสิก ซึ่งเป็นปัจจัยให้สัมปยุตธรรมเกิดขึ้น นำมาซึ่งเวทนา

มโนสัญเจตนาหาร หมายถึง กรรม ทั้งกุศลกรรม และอกุศลกรรม ย่อมนำมาซึ่งปฏิสนธิวิญญาณ

วิญญาณาหาร หมายถึง ปฏิสนธิวิญญาณ ย่อมนำมาซึ่งนามรูป และประการที่ควรพิจารณา คือ วิญญาณาหาร มีอรรถที่กว้างขวาง ถ้าอธิบายโดยนัยที่เป็นอาหารปัจจัยแล้ว วิญญาณาหาร คือ จิต ย่อมนำมาซึ่งเจตสิกที่เกิดร่วมด้วย และนำมาซึ่งรูปที่เกิดจากจิตตามควรแก่จิตประเภทนั้นๆ ด้วย

[เล่มที่ 75] พระอภิธรรมปิฎก ธรรมสังคณี เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 410

ถามว่า ตรัสว่าอย่างไร

ตอบว่า บรรดาอาหารเหล่านั้น ผัสสาหารเป็นปัจจัยแก่ธรรมทั้งหลายที่จิตและเจตสิกเป็นปัจจัยเหล่านั้น และย่อมนำมาซึ่งเวทนา ๓

มโนสัญเจตนาหาร ย่อมเป็นปัจจัยแก่ธรรมเหล่านั้นและย่อมนำมาซึ่งภพ ๓

วิญญาณาหาร ย่อมเป็นปัจจัยแก่ธรรมเหล่านั้น และย่อมนำมาซึ่งปฏิสนธิ นามและรูป.

ถามว่า วิญญาณาหารนั้นเป็นวิบากอย่างเดียว ส่วนวิญญาณนี้เป็นกุศลวิญญาณ มิใช่หรือ

ตอบว่า เป็นกุศลวิญญาณแม้ก็จริง ถึงอย่างนั้นกุศลวิญญาณนั้น ท่านก็เรียกว่า วิญญาณาหารเหมือนกัน เพราะเป็นสภาพเหมือนกับวิปากวิญญาณาหารนั้น

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
study
วันที่ 21 พ.ย. 2548
 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
pornpaon
วันที่ 21 ธ.ค. 2551
ขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
สามารถ
วันที่ 1 ต.ค. 2552

ผมเห็นว่าไม่ใช่คำว่า "จำเป็น" ครับ แต่เป็น "ความจริง" ที่เมื่อชีวิตได้ประกอบด้วย รูป นาม (จิต เจตสิก) และ การเกิดใหม่ของรูปนาม

รูป มีอาหารหล่อเลี้ยงให้เกิด เสริมสร้าง เติบโตพัฒนา (แต่ไม่รู้อะไร) ทั้งกาย และประสาทรูป ต่างๆ นาม (จิต) มีอาหารหล่อเลี้ยงให้เกิด มีอยู่ คือ ปฏิสนธิวิญญาณ นาม (เจตสิก-เวทนา) มีอาหารหล่อเลี้ยงให้เกิด มีอยู่ คือ ผัสสะ (การกระทบ) การเกิดใหม่ของรูปนาม มีอาหารหล่อเลี้ยงให้เกิด มีอยู่ ดำเนินต่อ คือ เจตนา เป็นภพชาติต่อไป เป็นชีวิตต่อไป

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
คุณ
วันที่ 22 พ.ย. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 9 พ.ย. 2555

ขออนุญาตเรียนสอบถามว่า ตามความเห็นที่ 1 ที่กล่าวว่า

"มโนสัญเจตนาหาร หมายถึง กรรม ทั้งกุศลกรรมและอกุศลกรรม ย่อมนำมาซึ่งปฏิสนธิวิญญาณ" ท่านหมายเอา ปฏิสนธิวิญญาณจิต โดยเน้นที่ ภพภูมิ ๓ คือ ทุคติภูมิ สุคติภูมิ และรูปพรหม อรูปพรหมภูมิ ใช่หรือไม่ ครับ

ขอบพระคุณครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
khampan.a
วันที่ 9 พ.ย. 2555

อ้างอิงจาก : หัวข้อ 525 ความคิดเห็นที่ 7 โดย ผู้ร่วมเดินทาง

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ใช่ครับ เพราะมโนสัญเจตนาหาร แสดงถึงเจตนา ซึ่งเป็นกรรม จำแนกเป็นอกุศลกรรมและ กุศลกรรม ซึ่งกุศลกรรม นี้ กว้างขวางมาก ครอบคลุมทั้งที่เป็นกามาวจรกุศล รูปาวจรกุศล และ อรูปาวจรกุศล ซึ่งมีผลทำให้เกิดในภพภูมิต่างๆ คือ อกุศลกรรมก็นำเกิดในทุคติภูมิ กามาวจรกุศล ก็นำเกิดในสุคติภูมิ รูปาวจรกุศล นำเกิดในรูปพรหมภูมิและอรูปาวจรกุศล นำเกิดในอรูปพรหมภูมิ เป็นเหตุให้ปฏิสนธิจิตเกิดขึ้น เป็นไป ยังไม่พ้นไปจากวัฏฏะ ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของท่านผู้ร่วมเดินทาง และ ทุกๆ ท่านด้วยครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 9 พ.ย. 2555

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาอาจารย์คำปั่นมากครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
chatchai.k
วันที่ 16 พ.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ