ปัญญาประเสริฐกว่ายศ [มโหสถชาดก]
[เล่มที่ 63] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๔ ภาค ๒ -
ข้อความบางตอนจาก...
มโหสถชาดก
ถาม ดูก่อนมโหสถผู้มีปัญญาไม่ทราม ผู้เห็นธรรม สิ้นเชิง เราถามเจ้า ในคน ๒ พวกนี้ นักปราชญ์ ยกย่องใคร คนพาลผู้มียศ หรือบัณฑิตผู้ไม่มีโภคะ คนไหนว่าประเสริฐ.
ตอบ คนพาลทำธรรมเป็นบาปก็สำคัญว่าอิสริยะของ เราในโลกนี้ประเสริฐ คนพาลเห็นโลกนี้เป็นปกติ ไม่เห็น โลกหน้าเป็นปกติ ก็ได้รับเคราะห์ร้ายในโลก ทั้ง ๒ ข้าพระองค์เห็นความเหล่านี้จึงขอกราบทูลว่า คนมีปัญญาประเสริฐแท้ คนเขลามียศจะประเสริฐ อะไร.
คนมีปัญญาน้อยได้ความสุขแล้วย่อมประมาท อันความทุกข์ถูกต้องแล้วย่อมถึงความหลง อันสุข หรือทุกข์ที่จรมาถูกต้องแล้วย่อมหวั่นไหว เหมือนปลา ดิ้นรนในที่ร้อน ข้าพระองค์เห็นความอย่างนี้ จึง กราบทูลว่า คนมีปัญญาแลประเสริฐ คนเขลามียศ ย่อมไม่ประเสริฐ.
คนเขลามีกำลัง แต่หายังประโยชน์นี้ให้สำเร็จไม่ ได้ทรัพย์มาด้วยทำกิจร้ายแรง นายนิรยบาลคร่าคนเขลานั้นผู้ไม่ฉลาด ผู้ร้องไห้อยู่ ไปสู่นรกอันทุกข์ยิ่ง ข้าพระองค์เห็นความอย่างนี้ จึงกราบทูลว่า คนมี ปัญญาแลประเสริฐ คนเขลามียศย่อมไม่ประเสริฐ.
แม่น้ำน้อยใหญ่ทั้งหลายย่อมหลั่งไหลไปสู่ทะเลใหญ่ ทะเลนั้นมีกำลังยิ่งเป็นนิตย์ ทะเลใหญ่นั้นแม่มีคลื่น กระทบฝั่ง ก็ไม่ล่วงฝั่งไป ฉันใด กิจการที่คนเขลา ประสงค์ไม่ล่วงคนฉลาดไปได้ คนมีสิริย่อมไม่ล่วง คนมีปัญญาไปได้ ฉันนั้น ในกาลไหนๆ ข้าพระองค์ เห็นความดังนี้ จึงทูลว่า คนมีปัญญาแลเป็นคนประเสริฐ คนเขลามียศหาประเสริฐไม่
ปัญญาเป็นที่สรรเสริฐแห่งสัตบุรุษทั้งหลาย สัตบุรุษทั้งหลายสรรเสริญปัญญาว่าประเสริฐแท้จริง สิริ เป็นที่ใคร่ของพวกคนเขลา พวกคนเขลาใคร่ซึ่งสิริ ยินดีในโภคสมบัติ ก็ความรู้ของเหล่าท่านผู้รู้ อัน ใครๆ ซึ่งเปรียบด้วยอะไรไม่ได้ คนมีสิริย่อมไม่ล่วง เลยคนมีปัญญาในกาลไหนๆ ข้าพระองค์เห็นความ อย่างนี้จึงกราบทูลว่า คนมีปัญญาเท่านั้น เป็นคนประ เสริฐ คนเขลามียศหาประเสริฐไม่
ที่มา ... มโหสถชาดก ทรงบําเพ็ญปัญญาบารมี