ซ่อนตัวอยู่เงียบๆ
ได้ฟัง ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ บรรยายในรายการ “แนวทางเจริญวิปัสสนา” เนื้อหาตอนหนึ่งแสดงถึง ความเป็นจริงของสภาพธรรมที่ว่า เพราะคนเราสั่งสมโลภะมานาน จึงเป็นเหตุ เป็นปัจจัยให้ เมื่อไม่ได้ดั่งใจ เมื่อไม่ได้ตามที่ต้องการ ก็ทำให้เกิดโทสะ ความขุ่นเคืองใจ ทำให้เกิดความไม่พอใจได้ จึงขอยกมาเพื่อศึกษาร่วมกันดังนี้ ครับ “มีท่านผู้ฟังบอกว่า รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่เจ้าโทสะ เพราะเหตุว่า เวลาที่โกรธแรงๆ สังเกตรู้ว่าเป็นคนที่เจ้าโทสะ เพราะเหตุว่าลักษณะของโทสะนั้น ตึงตัง เวลาโกรธแล้วระงับไม่อยู่ แสดงออกมาทางกายบ้าง ทางวาจาบ้าง เป็นความรู้สึกโทมนัสอย่างแรงบ้าง เพราะฉะนั้น ก็ทราบว่าตนเองเป็นคนที่มีโทสะมาก แต่ไม่รู้ตัวเลยว่า เวลาที่ไม่ใช่โทสะนั้นจิตเป็นอะไร โลภมูลจิต (จิตที่มีโลภะ ความติดข้องต้องการเป็นมูล) เป็นพื้นอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่ตื่นนอนจนกระทั่งหลับไป ไม่ว่าจะเห็น ไม่ว่าจะได้ยิน ไม่ว่าจะได้กลิ่น ไม่ว่าจะลิ้มรส ไม่ว่าจะรู้สิ่งที่กระทบสัมผัส เพราะฉะนั้น เรื่องของการที่จะรู้สึกตัวว่า เป็นคนเจ้าโทสะ แท้ที่จริงแล้วโลภะที่เป็นพื้นอยู่เป็นปกติ ไม่รู้สึกว่า ความจริงแล้ว ทุกคนมีโลภมูลจิตมากเป็นพื้นอยู่ จึงทำให้เวลาที่กระทบกับสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่ไม่เป็นไปตามความต้องการ ก็เกิดโทสะ ปฏิฆะ (ความกระทบกระทั่งแห่งจิต) เกิดความเดือดร้อนใจขึ้นได้”
โลภะ (ความติดข้อง) เกิดขึ้นเป็นประจำทุกวันอย่างมากทีเดียว แต่ไม่ค่อยจะเห็น ลักษณะของโลภะที่เกิดขึ้นเป็นปกติ เพราะฉะนั้น ถ้าจะมีผู้ใดกล่าวขึ้นว่า ละคลายโลภะได้แล้ว โดยที่ไม่รู้เลยว่า ขณะใดโลภะกำลังเป็นไปทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกายหรือทางใจ บุคคลผู้นั้นจะกล่าวถูกไม่ได้เลยว่า ตนเองละโลภะได้แล้ว โดยที่ไม่เคยรู้โลภะ ที่เกิดขึ้นในวันหนึ่งๆ ตามความเป็นจริงเลย
เนื่องจากสะสมโลภะมามาก เพราะฉะนั้น จึงต้องอาศัยการฟังพระธรรมโดยละเอียดขึ้นๆ แล้วก็พิจารณาตาม ให้รู้ว่า ตราบใดที่ปัญญายังไม่ได้อบรมและเจริญขึ้นจริงๆ ไม่มีหนทางเลยที่จะละคลายโลภะ หรือ ดับโลภะ หรือดับความยึดถือสภาพธรรม ว่าเป็นตัวตน สัตว์ บุคคล ได้ เพราะเหตุว่า ขณะที่มีความยึดถือสภาพธรรมว่า เป็นตัวตน สัตว์ บุคคล ขณะนั้นก็เป็นโลภะอีกชนิดหนึ่งที่เกิดร่วมกับความเห็นผิด (โลภมูลจิต ทิฏฐิคตสัมปยุตต์)
ผู้ที่มีปกติอบรมเจริญสติปัฏฐาน ที่จะไม่เห็นโลภะ ที่จะไม่รู้โลภะที่จะไม่รู้ลักษณะของโลภะ ที่จะไม่รู้ว่าโลภะมีมากในชีวิตประจำวันนั้น ไม่มีด้วยเหตุนี้ หนทางอบรมเจริญปัญญา จึงเป็นหนทางที่ทำให้รู้โลภะตามความเป็นจริง
เห็นด้วยค่ะ โลภะอยู่ด้วยตลอดเวลา มากน้อยตามเหตุปัจจัย แต่ไม่เคยห่างไกลกันเลย
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย โลภะว่าซ่อนเร้น แล้วยังมีกิเลสที่เราอาจมองข้าม เพราะรู้ได้ยากยิ่ง และเป็นรากเหง้าแห่งอกุศลธรรมทั้งหลาย และเกิดร่วมกับอกุศลทุกประเภท นั่นคือ โมหะ อวิชชาความไม่รู้ ซึ่งไม่รู้ตามความเป็นจริง แม้ขณะที่เป็นโลภะ ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ไม่รู้ความจริงแม้ขณะที่โทสะเกิดขึ้นว่า เป็นธรรมไม่ใช่เรา ไม่รู้ว่าไม่ รู้เมื่อไม่รู้ จึงเกิดอกุศลต่างๆ มากมาย ทั้งโลภะ โทสะ และกิเลสอื่นๆ โมหะ จึงเป็นรากเหง้าของอกุศล และนอนเนื่องเนื่องอยู่ในสันดาน ยากที่จะเห็นได้ครับ โลภะว่ารู้ยากแล้วโมหะยิ่งยากไปกว่านั้น รู้ด้วยปัญญา ขออนุโมทนาครับ
"ผู้ที่มีปกติอบรมเจริญสติปัฏฐาน ที่จะไม่เห็นโลภะ ที่จะไม่รู้โลภะที่จะไม่รู้ลักษณะของโลภะ ที่จะไม่รู้ว่าโลภะมีมากในชีวิตประจำวันนั้น ไม่มี"
ครับ ยังไม่แน่ใจว่ามี หรือไม่มี หรือมีมาก มีน้อย มีบ่อยๆ ประการใด?
เมื่อท่านย้ำมา คงมีเวลาได้ทบทวน
ขออนุโมทนาครับ
ทั้งโลภะ โทสะ โมหะ ที่จะเข้าใจว่าเป็นธรรมะได้ง่ายๆ ไม่มี
ที่ไม่รู้ได้ด้วยปัญญา ไม่มี ที่ไม่เห็นได้ด้วยปัญญา ไม่มี
แต่ที่ปัญญาจะเห็นอกุศลเหล่านี้ได้ ก็ไม่ง่าย
ถ้าไม่มีเหตุปัจจัยเพียงพอก็ยากที่ปัญญาจะเข้าถึงจริงๆ ขออนุโมทนาครับ
ขอกราบบูชาคุณพระรัตนตรัย
ขอขอบคุณ คุณ khampan.a มากค่ะ ที่ช่วยเตือนให้รู้ว่าเวลาเราเกิดโทสะ ก็เพราะยังมีโลภะเป็นพื้นอยู่ จะได้ระวังเจ้าตัวกิเลส ให้มากขึ้นกว่าเดิมอีกนะคะ
ขออนุโมทนาค่ะ
โลภะคือ เพื่อนสนิททั้งในยามหลับและตื่น ทั้งๆ ที่รู้แต่ก็ยังชอบ แล้วก็ยังติด เฮ้อ
what can I say !
ทุกความเห็นมีประโยชน์ ช่วยเตือนสติบ่อยมากๆ มาแล้ว ไปแล้ว ยังไม่รู้เลย แต่ไม่ท้อถอย ฟังธรรมต่อไป
ฟังท่านอาจารย์ท่านว่า โลภะเป็นนักฉวยโอกาส (ตลอดเวลา)
ขออนุโมทนาค่ะ
เราจะใช้โลภะนี้ เป็นเครื่องมือในการเข้าถึงธรรม ได้หรือไม่ อย่างไร (เพราะผมคิดว่าดูๆ ไปแล้วโลภะก็น่าจะมีคุณอยู่บ้าง)
ความคิดเห็น...โดย ajarnkruo..
ความปรารถนาด้วยฉันทะที่เกิดกับกุศลจิตเป็นความพอใจที่จะกระทำความดี เจริญเหตุที่ดี ความปรารถนานั้นไม่เป็นอกุศลต่างกับความปรารถนาด้วยฉันทะที่เกิดโลภมูลจิตเป็นความพอใจที่มุ่งหวังในผลด้วยความติดข้อง ขณะนั้นไม่ได้เจริญเหตุที่ดีความปรารถนานั้นเป็นอกุศลเพราะเร่าร้อนด้วยความต้องการ และความทะยานอยาก
สิ่งที่มีจริงทั้งหมด เป็นธรรม มีลักษณะของธรรมปรากฏทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่ขึ้นอยู่กับคำแต่อาศัยคำจากพระธรรมที่ถูกต้อง เพื่ออบรมเจริญปัญญาให้เข้าถึงธรรม ขออนุโมทนาคร
ความปรารถนาที่เป็นไปในธรรม.?......10727
อ้างอิงจาก : หัวข้อ 07675 ความคิดเห็นที่ 19 โดย สามมหาอำนาจ
เราจะใช้โลภะนี้เป็นเครื่องมือในการเข้าถึงธรรมได้หรือไม่ อย่างไร (เพราะผมคิดว่าดูๆ ไปแล้วโลภะก็น่าจะมีคุณอยู่บ้าง)
อกุศลธรรมทั้งหลายไม่มีคุณมีแต่โทษครับ เพราะเห็นโทษของกิเลสคือ ปัญญา เห็นโทษของโลภะ จึงอบรมปัญญาเพื่อดับกิเลส การเห็นโทษของกิเลสจึงเป็นปัญญา เป็นกุศลธรรม เมื่อเกิดขึ้นย่อมเป็นประโยชน์ครับ
ขอเชิญคลิกอ่านได้ที่... โลภะมีแต่โทษ [เกสปุตตสูตร]