เศษของกรรม
ถอดความจากการบรรยายธรรม
ฟังธรรม :
ผู้ฟัง อยากจะทราบว่า คำว่า เศษของกรรมเนี่ย ลักษณะเป็นอย่างไง หมายความว่ายังไง
อ.สุจินต์ กรรมที่ทำแล้วให้ผลยังไม่หมดค่ะ ยังเหลือ โอกาสที่จะให้ผล
ผู้ฟัง หมายความว่า ถ้าเผื่อรับผลในอบายแล้ว เศษของกรรมนั้นยังไม่หมด
อ.สุจินต์ ยังไม่หมดได้ค่ะ
ผู้ฟัง เหรอฮะ แล้วเศษของกรรมนี่ทำปฏิสนธิได้อีก
อ.สุจินต์ ได้ค่ะ
ผู้ฟัง ทำไมแบบว่าลักษณะของ.เอ่อ.ของกรรม เนี่ย ใช้ไป รู้สึกว่าจวนจะหมดแล้ว เศษของกรรมทำไมจึงมีกำลังทำปฏิสนธิได้อีก
อ.สุจินต์ เมื่อเป็นกรรมที่ครบองค์นะคะ ก็สามารถจะทำ ให้ปฏิสนธิจิตเกิดได้
ผู้ฟัง แล้วกรรมลักษณะไหน ทำไมจึงเป็นเศษของ กรรมฮะ
อ.สุจินต์ กรรมนึงๆ นะคะ จิตเกิดขึ้นกี่ดวง การกระทำ กรรมหนึ่งที่สำเร็จลงไปแต่ละครั้งๆ นะคะ จิต เกิดขึ้นกี่ดวง จิตที่กระทำกรรมนั้นสำเร็จลงเนี่ย นะคะ เกิดขึ้นกี่ดวง
ผู้ฟัง ไม่ทราบครับ
อ.สุจินต์ วิถีจิตเกิดขึ้นนะคะ
ผู้ฟัง ครับ
อ.สุจินต์ ที่เป็นชวนกุศลจิตหรืออกุศลจิต จะเกิดขึ้นซ้ำกันเจ็ดขณะ
ผู้ฟัง (เสียงเบา) เจ็ดขณะ
อ.สุจินต์ ถ้าเป็นชวนดวงที่ ๑ สามารถจะให้ผลได้ในปัจจุบันชาติคือ ชาติที่กระทำกรรมนั้น ถ้าไม่ให้ผลในชาตินั้นนะคะ ชวนดวงที่ ๑ จะไม่ทำให้เกิดวิบากในชาติต่อๆ ไปได้เลย เพราะเหตุว่า ชวนดวงที่ ๑ มีกำลังอ่อนกว่าชวนอื่น เพราะ ฉะนั้น จึงสามารถที่จะให้ผลได้เฉพาะในปัจจุบันชาตินั้น เพราะฉะนั้น ชวนดวงที่ ๑ จึงเป็น ทิฏฐะธัมมะเวทนียกรรมคือ กรรมที่สามารถจะให้ผลในปัจจุบันชาติ แต่ก็ไม่มีผู้ใดสามารถที่จะรู้ได้จริงๆ นะคะ ว่าขณะที่วิบากจิตนี้กำลังเกิด ขึ้นเป็นผลของกรรมใด
อ.สุจินต์ จะเป็นผลของ ทิฏฐะธัมมะเวทนียธรรมคือ ชวนจิตดวงที่ ๑ ในชาตินั้น หรือว่าจะเป็นผลของอดีตกรรมในชาติก่อน หรือว่าจะเป็นผลของกรรมที่ได้กระทำมาแล้ว เนิ่นนานในสังสารวัฏฏ์ เพราะเหตุว่า ชวนจิตนะคะ ที่เป็นกุศลเจ็ดขณะ หรืออกุศลเจ็ดขณะ มีกาละที่จะให้ผลต่างกัน คือถ้าเป็นชวนจิตดวงที่ ๑ ให้ผลในปัจจุบันชาตินั้น ทำให้วิบากเกิดขึ้นในปัจจุบันชาตินั้น ถ้าเป็นชวนดวงที่ ๗ ก็ทำให้วิบากเกิดขึ้นในชาติต่อไป ถ้าเป็นชวนดวงที่ ๒ ถึงดวงที่ ๖ ก็เป็นปัจจัยที่จะทำให้วิบากจิตเกิดในชาติหลังๆ ต่อไปอีกได้ ตราบใดที่ยังมีสังสารวัฏฏ์ เพราะฉะนั้น แต่ละกรรมที่ได้กระทำสำเร็จลงไปเนี่ยนะคะ ชวนจิตเกิดอีก ๗ ครั้ง ๗ ครั้ง ๗ ครั้ง กว่ากรรมหนึ่งๆ จะสำเร็จลงไป
ผู้ฟัง ตกลงผมก็ยังไม่เข้าใจว่า การกระทำกรรมสำเร็จครั้งหนึ่งเนี่ย จิตเกิดกี่ดวง หรือยังไง ผมยังไม่เข้าใจ
อ.สุจินต์ ขณะนี้ทางตาที่เห็นนะคะ (ผู้ฟัง - ครับ) มีชวนเกิดแล้ว ๗ ขณะ (ผู้ฟัง - ๗ ขณะ) ที่กำลังได้ยินนะคะ ซึ่งดูเสมือน ว่าทั้งเห็นด้วย ทั้งได้ยินด้วย ความจริงมีภวังคจิตคั่นและมีมโนทวารวิถีจิตคั่น แล้วก็มีชวนทางโสต ทวารวิถีอีก ๗ ขณะ ในขณะที่ดูเหมือนทุกอย่าง เกิดขึ้นพร้อมกัน เพราะฉะนั้น เวลาเกิดความคิดหรือเจตนาที่จะกระทำกรรมหนึ่งกรรมใดเริ่มตั้งแต่ คิดเนี่ยค่ะ ชวนจิตเจ็ดขณะเนี่ยจะเกิดกี่ครั้ง ๗ ขณะ ๗ ขณะ ๗ ขณะ ๗ ขณะ น่ะค่ะ กี่ครั้ง กว่ากรรมหนึ่งๆ จะสำเร็จลง ท่านผู้ฟังคิดจะถวาย ทานนะคะ กี่ขณะจิต...ที่คิดอย่างนั้น มีการนับได้มั้ยคะ ทางตาเห็น ๗ ขณะ ทางหู ๗ ขณะ ทางมโนทวาร ๗ ขณะ เกิดดับสืบต่อกันอย่างรวดเร็ว เพียงชวนเนี่ยค่ะ ๗ ขณะ โดยไม่นับจิตอื่น ซึ่งเกิดก่อนและเกิดหลังชวนนั้น และกว่าจะนึกว่า ถ้าจะถวายทานนะคะจะทำอาหารอะไร ชวนอีกเท่าไร คะ
ผู้ฟัง นับไม่ถ้วน
อ.สุจินต์ ก็นับไม่ถ้วน เพราะฉะนั้นเมื่อกรรมให้ผลนะคะ แล้วก็ยังให้ผลไม่หมด ก็มีเศษของกรรมที่จะให้ผลต่อไปได้คือ กรรมที่ให้ผลแล้ว แต่ยังให้ไม่หมดจึงชื่อว่า เศษของกรรม
ฟังไฟล์นี้