ความเป็นผู้รู้จักประมาณในโภชนะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น
โภชเน มตฺตญฺญุตา
(ความเป็นผู้รู้ประมาณในโภชนะ เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย)
ความเป็นผู้รู้จักประมาณในโภชนะนั้น มี ๒ ลักษณะ คือ
๑. รู้ประมาณในการรับ แม้หากว่าไทยธรรมมีมาก ผู้ให้ประสงค์จะให้น้อยผู้รับ ย่อมรับน้อยตามความประสงค์ของผู้ให้ ไทยธรรมมีน้อย ผู้ให้ประสงค์จะให้มากผู้รับย่อมรับแต่น้อย ด้วยอำนาจของไทยธรรม ไทยธรรมมีมาก แม้ผู้ให้ก็ประสงค์จะให้มาก ผู้รับรู้กำลังของตน ย่อมรับแต่พอประมาณ
๒. รู้ประมาณในการบริโภค คือ พิจารณาโดยแยบคายแล้วจึงบริโภคอาหาร ไม่บริโภคเพื่อเล่น ไม่บริโภคเพื่อมัวเมา เป็นต้น.
ขอเชิญคลิกอ่านข้อความโดยตรงจากพระไตรปิฎกที่นี่ครับ...
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเพื่อความเป็นผู้รู้จักประมาณในการบริโภคอาหารไว้ว่า ควรงดฉันข้าว ๔-๕ คำไว้แล้ว ดื่มน้ำ เพียงพอเพื่อจะอยู่อย่างสบายสำหรับภิกษุ ผู้มีใจเด็ดเดี่ยว.
ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมจากพระไตรปิฎกที่นี่ครับ...
ตัวอย่างบุคคลที่ตระกละ (กินจุ) ๕ จำพวก ซึ่งไม่ควรเอาเยี่ยงอย่างครับ
๑. ผู้บริโภคมาก จนกระทั่งลุกไม่ขึ้น ต้องให้คนอื่นช่วยจับมือตนเพื่อให้ลุกขึ้นได้.
๒. ผู้บริโภคมาก แม้จะลุกขึ้นได้ แต่ไม่อาจนุ่งผ้าได้ (กินจนท้องโต) .
๓. ผู้บริโภคมาก จนไม่สามารถลุกขึ้นได้ นอนกลิ้งอยู่ตรงนั้นเลย.
๔. ผู้บริโภคมาก จนล้นถึงปาก จนถึงกับพวกกาสามารถบินมาจิกกินได้เลย.
๕. ผู้บริโภคมาก จนกระทั่งอาเจียนออกมาตรงนั้นเลย.
ขอเชิญคลิกอ่านข้อความโดยตรงจากพระไตรปิฎกที่นี่ครับ...
พราหมณ์ตะกละ ๕ คน [ธรรมสังคณี]
ขอความเจริญมั่นคงในกุศลธรรม จงมีแด่ทุกๆ ท่าน ครับ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
[เล่มที่ 13] พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้าที่ ๑๖๒
บทว่า มตฺตญฺญุตา คือ รู้ประมาณด้วยสามารถการรับและการบริโภค.
การรับควรพิจารณาด้วยปัญญาว่าควรรับมากหรือน้อยอย่างไร ตามความเหมาะสมครับ หากไม่รับเพราะเป็นผู้สันโดษในของๆ ตนก็ควร แต่ถ้าจะรับควรพิจารณา ถ้าไม่รับเพราะไม่ชอบบุคคลผู้ให้ไม่ควรเพราะเป็นการทำลายมิตรครับ หากรับ รับตามความเหมาะสมรับน้อยเพราะ ตามพระไตรปิฎกที่ยกมา และอาจรับมากก็ได้เพื่อแจกจ่ายให้บุคคลอื่นไม่ใช่นำไปเก็บ ไม่ชื่อว่ามักมากแต่ก็ยังชื่อว่าเป็นผู้สันโดษ ดังเช่น พระอานนท์รับจีวร ๕๐๐ ผืนจากนางสนมของพระเจ้าอุเทน เพื่อนำไปแจกจ่ายกับพระภิกษุผู้มีจีวรเก่า ดังนั้น แม้การรับหรือไม่รับก็เป็นเรื่องของปัญญา ตามความเหมาะสมครับ
ขออนุโมทนา
เชิญอ่านข้อความในพระไตรปิฎกเรื่อง การรับ
การรู้จักประมาณในการบริโภค เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ซึ่งเป็นเรื่องยาก หากไม่ได้สะสมปัญญาความเข้าใจมาเพียงพอ ย่อมถูกอำนาจกิเลสให้บริโภคเกินประมาณ ซึ่งปริมาณที่จะทำให้อิ่มของแต่ละคนไม่เท่ากัน จึงบริโภคในปริมาณไม่เท่ากัน แต่เมื่อพิจารณาด้วยปัญญาเมื่อปัญญาเกิด ย่อมพิจารณาว่า เมื่อไหร่เริ่มอิ่มแล้ว ก็ควรบริโภคน้ำตาม ซึ่งเป็นเรื่องของปัญญาจริงๆ ครับ ซึ่งในพระไตรปิฎกแสดงว่า ผู้บริโภคพอประมาณย่อมเป็นผู้มีโรคน้อยด้วย รวมทั้งเป็นไปเพื่อการประพฤติปรารภความเพียรในการปฏิบัติธรรมของพระภิกษุ เป็นต้น
เชิญคลิกอ่านข้อความในพระไตรปิฎกในเรื่องการรู้จักประมาณในการบริโภค
โทณปากสูตร .. คาถากันบริโภคอาหารมาก
ปุตตมังสสูตร .. การบริโภคอาหารเปรียบดั่งเนื้อของบุตร
ขออนุโมทนาผู้ตั้งกระทู้ด้วยครับ เป็นเครื่องเตือนและขัดเกลากิเลสได้ดีในชีวิตประจำวัน
ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
การบริโภคอาหารที่มีประโยชน์แต่บริโภคน้อยทำให้ร่างกายเบาสบาย อายุยืน ไม่ง่วงนอนค่ะ
ถูกต้องค่ะ เพราะการบริโภคมากจนเกินไป ทำให้ร่างกายต้องทำงานหนักในการย่อยอาหาร เป็นเหตุให้เกิดอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุให้ภูมิคุ้มกันลดลง และเป็นตัวกระตุ้นโรคร้ายหลายชนิด โดยเฉพาะ "โรคมะเร็ง" ค่ะ
พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราฉันโภชนะ เว้นการฉันในราตรีเสียทีเดียว และเมื่อเราฉันโภชนะเว้นการฉันในราตรีเสีย ย่อมรู้คุณคือการเป็นผู้มีอาพาธน้อย มีโรคเบาบาง กระปรี้กระเปร่า มีกำลังและอยู่เป็นสำราญ"