คนชอบจับผิด

 
oom
วันที่  4 พ.ค. 2551
หมายเลข  8553
อ่าน  9,313

คนที่ชอบจ้องจับผิดคนอื่นๆ แม้กระทั่งเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ชอบทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ในทางศาสนาแสดงว่าคนๆ นี้เป็นคนอย่างไรและผิดศีลข้อใดบ้าง

กรณีคนที่ทำงานด้วยปาก พูดจาดี ผู้ใหญ่รักและหลงเชื่อทุกอย่าง แสดงว่าเขาทำบุญมาทางด้านใดบ้าง จึงสามารถพูดให้คนอื่นๆ ชื่นชอบได้


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 4 พ.ค. 2551

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

ที่สำคัญควรขัดเกลากิเลสเราเป็นประการสำคัญที่สุด ทุกคนสะสมมาต่างกัน ซึ่งก็คือสภาพธรรมที่เป็น จิต เจตสิกที่สะสมสิ่งที่ดีและไม่ดี และเมื่อมีเหตุปัจจัยก็เกิดขึ้น เป็นธรรมและเป็นธรรมดาครับ อย่างไรก็ตาม การเพ่งโทษในสิ่งที่กระทำ มี 2 อย่างคือด้วยกุศลและอกุศลจิต ถ้าเพื่อประโยชน์เกื้อกูลให้บุคคลนั้นเจริญก็เป็นการชี้โทษ เตือนในสิ่งที่เห็น ได้ยิน ด้วยกุศล แต่ถ้าด้วยต้องการทำลายผู้นั้นหรือด้วยความไม่ชอบก็ด้วยอกุศล กิเลสของบุคคลนั้นก็ย่อมเจริญมากขึ้นและย่อมห่างไกลพระนิพพาน การบรรลุครับ

เชิญคลิกอ่านข้อความในพระไตรปิฎกเพิ่มเติมที่นี่ครับ

บุคคลผู้ชี้โทษมี 2 จำพวก
กิเลสย่อมเจริญกับผู้ที่คอยเพ่งโทษด้วยจิตอกุศล

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 4 พ.ค. 2551

กรณีคนที่ทำงานด้วยปาก พูดจาดี ผู้ใหญ่รักและหลงเชื่อทุกอย่าง แสดงว่าเขาทำบุญมาทางด้านใดบ้าง จึงสามารถพูดให้คนอื่นๆ ชื่นชอบได้การที่บุคคลใดจะชื่นชอบ ไม่ชื่นชอบในคำของบุคคลใด ก็เป็นธรรมดา ตามการสะสม

คนที่เป็นพาลด้วยกันก็ย่อมชอบกัน เพราะมีอัธยาศัยเดียวกัน และก็ชอบถ้อยคำที่ไม่มีศรัทธา ถ้อยคำที่เกียจคร้าน ถ้อยคำที่ให้ฟังน้อย ถ้อยคำที่ทำให้หลงลืมสติ และชอบถ้อยคำที่ชักชวนในทางที่ไม่ดี เพราะอัธยาศัยเขาเป็นอย่างนั้น ดังนั้น คนพาลก็ชอบถ้อยคำของคนพาล บัณฑิตก็ชอบถ้อยคำของบัณฑิต เพราะสะสมมาอย่างไรก็ชอบในสิ่งนั้น ซึ่งการเชื่อฟังหรือไม่เชื่อฟังด้วยการสะสมมาของแต่ละบุคลที่มีอัธยาศัยเหมือนกันและไม่เหมือนกันประการหนึ่ง และด้วยผลของกรรมด้วย เช่น การให้ทานด้วยความเคารพ บริวารย่อมเชื่อฟังครับ การให้ทานด้วยความไม่เคารพเมื่อกรรมนั้นให้ผลบริวารย่อมไม่เชื่อฟังครับ แต่ไม่ควรลืมว่าสภาพธรรมทุกอย่างไม่ได้เกิดจากเหตุปัจจัยเดียวและที่ลืมไม่ได้คือ เป็นสภาพธรรมที่มีในขณะนี้ ในชีวิตประจำวัน ควรเข้าใจว่าเป็นธรรม เป็นสิ่งที่เป็นสาระที่สุดครับ ขออนุโมทนา

เชิญคลิกอ่านข้อความในพระไตรปิฎกเพิ่มเติมที่นี่ครับ

เวลามสูตร..ผลบุญที่ให้ทานด้วยความเคารพบริวารย่อมเชื่อฟัง

ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ป้าจาย
วันที่ 4 พ.ค. 2551
อย่าคำนึงถึงคนอื่นเลยค่ะ ดูแลตัวเองดีที่สุด อกุศลของคนอื่น มักทำให้เราเกิดกุศลได้ยาก
 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wirat.k
วันที่ 5 พ.ค. 2551

ช่างเขาเถอะครับ การศึกษาพระธรรมก็เพื่อความเข้าใจ เพื่อขัดเกลาตนเองเท่านั้น

หากเขาทำอกุศลก็น่าสงสารเพราะต้องเป็นผู้ได้รับผลของอกุศลกรรมนั้นๆ เอง

ขณะที่ขุ่นเคืองใจ ขณะนั้นอกุศลจิตก็กลุ้มรุมทำร้ายเราแล้ว เป็นสิ่งที่มีจริง

มีเหตุปัจจัยพร้อมก็เกิด ฟังพระธรรมก็เพื่อเข้าใจว่าเป็นสภาพธรรมแต่ละประเภท

ปฏิบัติกิจของธาตุแต่ละอย่างๆ ไป ไม่มีเรา มีแต่สภาพธรรม

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
oom
วันที่ 5 พ.ค. 2551

สงสารคนอื่นที่เจอแบบนี้ เขาทำงานด้วยความอึดอัด เพราะเรื่องการทำงานผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ เป็นเรื่องปกติ ตราบใดที่เรายังทำงานอยู่ คนที่ไม่ทำผิด คือคนที่ไม่ได้ทำอะไรเลย อยู่เฉยๆ

ดิฉันแปลกใจว่าเรื่องเล็กๆ น้อยๆ สอนน้อง บอกน้องๆ ให้เข้าใจก็พอแล้ว ทำไมต้องไปฟ้องผู้ใหญ่ ให้กลายเป็นเรื่องใหญ่โต ทำให้คนทำงานไม่มีความสุข ต้องหวาดระแวงว่าจะโดนฟ้องอีกเมื่อไร แถมผู้ใหญ่ก็ไม่มีเหตุผล ไม่มองตามความเป็นจริงของมนุษย์ ที่ต้องมีผิดบ้าง จะไม่ให้คนทำผิดเลย จะเป็นไปได้อย่างไร ทำงานทุกวันดิฉันฟังน้องๆ เล่า ก็ได้แต่สงสารคนที่จ้องจับผิดคนอื่น ว่าสร้างวิบากกรรมให้ตัวเองแท้ๆ ก็ได้แต่ปลอบใจน้องๆ ว่าเราคงสร้างกรรมร่วมกันมา จึงต้องเจอแบบนี้ อย่าไปถือสาเขาเลย คนเราต่างจิต ต่างใจ เขาอาจจะไม่รู้ตัวก็ได้ว่าสิ่งที่ทำนั้น เป็นการเบียดเบียนคนอื่นให้เกิดความทุกข์ ถ้าคนที่มีเมตตาคงไม่ทำให้เรื่องวุ่นวายแบบนี้

ดิฉันขอระบายหน่อยค่ะ เพราะบางครั้งก็ยังปล่อยวางได้บ้าง ไม่ได้บ้าง อยากช่วยน้องๆ แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ได้แต่บอกน้องให้แก้ที่ตัวเราเอง อย่าไปแก้ไขคนอื่นเลยคงทำยาก และทำให้เราทุกข์ใจเปล่าๆ ดิฉันคิดถูกไหม

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
shumporn.t
วันที่ 5 พ.ค. 2551

การเกิดขึ้นของชีวิต เป็นการงานที่หนักจริงๆ งานทางตา หู จมูก ลิ้น กาย

และใจ งานอื่นที่ว่ายากลำบาก ต้องใช้ความอดทนสูง เมื่อเทียบกับงานทางทวารทั้ง

6 นี่ ไม่มีวันหยุดเลย แม้ในเวลาหลับ พอตื่นขึ้น มาแล้ว มีทั้งชอบและไม่ชอบ

บางทีก็เฉยๆ หยุดได้เมื่อไรคงสบายจริงๆ นะ ไม่ต้องมานั่ง อดทนต่อความไม่

พอใจ ไม่ต้องอดทนต่อความไม่พอดี....ขอระบายด้วยคนนะ ผู้ร่วมทุกข์ในสังสารวัฏฏ์

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
khampan.a
วันที่ 5 พ.ค. 2551

การดำเนินชีวิตในแต่ละวันของแต่ละบุคคลนั้น ย่อมเป็นไปตามการสั่งสม

อุปนิสัยย่อมแตกต่างกันออกไป ชอบไม่เหมือนกัน จึงเป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะมาเป็นเหมือนกับเรา แม้แต่พี่น้องร่วมท้องเดียวกัน ยังมีอุปนิสัยที่แตกต่างกัน ครับ เมื่อเริ่มมีความเข้าใจธรรมบ้างแล้ว ไม่ว่าใครจะมองเราอย่างไร จะคอยจับผิดเราอย่างไร จะประพฤติปฏิบัติต่อเราอย่างไร ก็ไม่เดือดร้อน ครับ อีกอย่างหนึ่ง ถ้าหากเรามัวแต่ไปสนใจในการจับผิดของบุคคลอื่น ย่อมจะทำให้เสียเวลา และจิตอาจเป็นอกุศลได้ จึงควรที่จะรักษาจิตของตนเองไม่ให้เป็นอกุศลครับ (ศึกษาธรรม อบรมเจริญปัญญา เพื่อเข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง) ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมเพื่อความเข้าใจได้ที่นี่ครับ...

เมื่อเริ่มเข้าใจความจริงของชีวิต

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
พุทธรักษา
วันที่ 5 พ.ค. 2551

พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนให้สาวกพิจารณาโทษของตนเองเพื่อขัดเกลากิเลส

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 5 พ.ค. 2551

เชิญคลิกอ่านข้อความในพระไตรปิฎกเพิ่มเติมที่นี่ครับ

เรื่องปาฏิกาชีวก...พิจารณาตัวเองเป็นสำคัญ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ