หดหู่ เหงา ท้อแท้
๑.ความหดหู่ ความเหงา ความท้อแท้ ในการดำเนินชีวิตเกิดจากอกุศลธรรมผู้ที่มีความขยันหมั่นเพียร มีจุดหมายที่ดีในชีวิต ย่อมไม่เป็นเช่นนั้น
๒.ความเข้าใจพระธรรม แม้ขั้นการฟังก็จะช่วยบรรเทาอกุศลธรรมเหล่านั้นได้ตามลำดับของปัญญา คือถ้าปัญญาคมกล้าถึงขั้นโลกุตระ ย่อมดับอกุศลธรรมเหล่านั้นได้เป็นสมุจเฉท ไม่เกิดขึ้นอีกเลยก็มี หรือข่มไว้ด้วยสมาธิขั้นฌานก็มีหรือละได้ชั่วขณะก็มี สำหรับผู้ที่ยังดับไม่ได้เป็นสมุจเฉท เมื่อมีปัจจัยอกุศลเหล่านั้นย่อมเกิดขึ้นได้เป็นธรรมดา
สงสัยเหมือนกันค่ะ
ข้อปฏิบัติเวลาที่เกิดความหดหู่ ท้อแท้ คือ ถึงเฉพาะลักษณะของความรู้สึกนั้นๆ
ถูกหรือผิดคะ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
เพราะกิเลสเป็นเหตุทำให้เกิดความหดหู่ ความเหงา ความท้อแท้ เมื่อมีความต้องการ เป็นผู้ยินดีพอใจในรูป เสียง กลิ่น เป็นปกติ เมื่อไม่ได้ในสิ่งที่พอใจตามที่เคยได้ ตามที่เคยมี ก็ย่อมเกิดอาการเหงา เมื่อไม่ได้ในสิ่งที่หวังย่อมท้อแท้ การอบรมปัญญาจึงไม่ได้หมายความว่าให้ละอกุศลเหล่านี้ ในเมื่อปัญญาไม่มี เพราะทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันก็คือธรรม ความเหงาก็เป็นธรรม มีจริงท้อแท้ก็มีจริง หดหู่ก็มีจริง ควรเริ่มเข้าใจขั้นการฟังว่า เป็นธรรม เมื่อปัญญาเห็นถูกอย่างนี้จึงเข้าใจว่า ปัญญาย่อมควรเข้าใจก่อนว่าเป็นธรรมไม่ใช่เราครับ เป็นธรรมและเป็นธรรมดาครับ สำคัญที่ตรงนี้ ความหดหู่แห่งจิตมีอยู่การทำให้มากซึ่งอโยนิโสมนสิการในธรรมเหล่านี้ นี้เป็นอาหารเพื่อความเกิดแห่งถีนมิทธะที่ยังไม่เกิด
ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
1. ความหดหู่ ความเหงา ความท้อแท้ เกิดจากอกุศลคือโทสะค่ะ
2. ขึ้นอยู่กับว่าเข้าใจพระธรรมมากน้อยแค่ไหน ขณะที่เข้าใจ ขณะนั้นจะไม่หดหู่ แต่
การสะสมความหดหู่ ความเหงา ความท้อแท้ ก็สามารถเกิดขึ้นอีกได้ เมื่อมีเหตุปัจจัยค่ะ
พระโอวาทานุสาสนี คนใดมีจิตไม่ท้อถอย มีจิตไม่หดหู่บำเพ็ญกุศลธรรมเพื่อบรรลุธรรมที่เกษมจากโยคะพึงบรรลุธรรมเป็นที่สิ้นสังโยชน์ทั้งปวงได้
shumporn.t ความคิดเห็นที่ 14
เศร้าเพราะไม่รู้ว่าเป็นธรรมที่มีโทษและไม่มีประโยชน์เลย เศร้าตั้งหลายวันโดยไม่รู้ความจริงว่ากำลังสะสมสิ่งที่ไม่ดี สะสมให้เกิดบ่อยเนืองๆ อาจเป็นปัจจัยให้ไปเกิดในอบายภูมิได้ ถ้ารู้ความจริงอย่างนี้แล้ว จะเศร้าไปเพื่ออะไร
ขออนุโมทนาค่ะ