ที่พึ่งอย่างแท้จริง ... ๒ ...

 
สารธรรม
วันที่  22 ส.ค. 2551
หมายเลข  9644
อ่าน  1,485

ต่อจาก ... ที่พึงอย่างแท้จริง ... ๑ ...

เพราะฉะนั้น ทานกุศลมักจะเป็นสิ่งที่ทุกท่านพึ่งเวลาที่ทุกท่านมีทุกข์ แต่ละเลยกิเลสซึ่งมีอยู่ในใจ ซึ่งเป็นเหตุให้ท่านกระทำกายทุจริต วจีทุจริต ลืมจริงๆ ค่ะ คิดแต่จะพึ่งสิ่งอื่น หรือว่าพึ่งคนอื่น พึ่งวัตถุภายนอก พึ่งทาน แต่ศีลของท่านเป็นอย่างไร? ... ลืม ...

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

และสำหรับบางท่าน ซึ่งเป็นผู้ที่รักษาศีลเป็นปกติเพราะว่าเห็นโทษของกาย วาจาที่ทุจริต ที่เป็นอกุศล แต่แม้กระนั้นก็ยังไม่ใช่ที่พึ่งอย่างแท้จริง เพราะถึงแม้จะเป็นผู้ที่รักษาศีลอยู่เสมอ เป็นปกติ ก็ยังมีทุกข์ทางกาย ทางใจ ไม่สิ้นทุกข์ เพราะยังมีกิเลสอีก ซึ่งยังเป็นเหตุที่จะให้เกิดทุกข์ มีความไม่พอใจในบุคคลอื่น มีความขุ่นเคืองใจเวลาที่ประสบกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่ไม่น่าพอใจ เพราะฉะนั้น แม้ว่าจะเป็นผู้ที่เพียบพร้อมสมบูรณ์เพราะท่านได้กระทำทานกุศล เป็นผู้รักษาศีล วิรัติทุจริตทางกาย ทางวาจาก็ยังเป็นผู้ที่มีทุกข์อยู่ เพราะยังไม่ได้ที่พึ่งอย่างแท้จริง

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
สารธรรม
วันที่ 22 ส.ค. 2551

เพราะฉะนั้น บางท่านเวลาที่ฟังธรรมและพิจารณาธรรมมากขึ้น ก็รู้ว่าขณะใดที่กิเลสเกิด ขณะนั้นจิตไม่สงบเป็นทุกข์ เพราะฉะนั้น เมื่อเห็นคุณของกุศลจิต เช่น เมตตาว่าเป็นสภาพธรรมที่ทำให้ปราศจากความอาฆาต ความพยาบาท ความขุ่นเคืองใจในบุคคลอื่น ซึ่งจะเป็นเหตุให้เกิดการกระทำทางกาย ทางวาจา ซึ่งเป็นอกุศล ท่านเหล่านั้นก็มีหลายขณะในชีวิตซึ่งเริ่มจะเจริญความสงบของจิตใจ ด้วยการพิจารณาอย่างแยบคายที่จะเกิดความเมตตา แทนจิตที่ไม่สงบ ที่เดือดร้อนเพราะอกุศล คือโทสะ เป็นต้น แต่แม้กระนั้นก็ไม่ใช่ที่พึ่งอย่างแท้จริง

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

ซึ่งพระผู้มีพระภาค มิได้ทรงแสดงว่า ธรรมอื่นเป็นที่พึ่ง นอกจาก "สติปัฏฐาน ๔" การระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏที่กาย ระลึกรู้ลักษณะของเวทนา ระลึกรู้ลักษณะของจิต ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ เพราะบางท่าน แม้ในครั้งที่พระผู้มีพระภาคยังไม่ปรินิพพาน ได้อบรมเจริญความสงบ จนกระทั่งมั่นคงขึ้นประกอบด้วยสมาธิขั้นอุปจารสมาธิ อัปปนาสมาธิ เป็นฌานจิต ก็ยังไม่สิ้นทุกข์ เพราะแม้ฌานจิตก็ดับ ไม่เที่ยง

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
สารธรรม
วันที่ 22 ส.ค. 2551

หรือหลายท่านทีเดียวค่ะ ซึ่งมีความสงบเกิดขึ้นเล็กๆ น้อยๆ ชั่วขณะ ยังไม่ถึงอุปจารสมาธิ ยังไม่ถึงอัปปนาสมาธิ แต่ท่านก็เห็นว่าช่วงขณะซึ่งเป็นกุศลที่สงบเล็กน้อยมากกว่าขณะที่เป็นอกุศลที่ไม่สงบ ด้วยโลภะ โทสะ โมหะ เพราะฉะนั้นถ้าท่านจะอบรมเจริญความสงบ ถึงแม้ว่าจะสงบขึ้น มั่นคงขึ้น ความสงบนั้นไม่เที่ยง เมื่อไม่เที่ยงแล้วก็มีเหตุปัจจัยที่จะให้เกิดทุกข์เพราะอกุศลต่างๆ กิเลสต่างๆ ซึ่งยังไม่ได้ดับเป็นสมุจเฉท

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

เพราะฉะนั้น ก็มีหนทางเดียว ที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงไว้ในพระไตรปิฎกว่า “ธรรมที่เป็นเกาะ คือ ธรรมที่เป็นที่พึ่งนั้น ได้แก่ สติปัฏฐาน ๔ ไม่ใช่ทานกุศล หรือว่าไม่ใช่ศีลกุศล ไม่ใช่การอบรมเจริญสมถะ แต่ต้องเป็นการอบรมเจริญสติปัฏฐาน ๔

รรยายโดย ... ท่าน อ. สุจินต์ บริหารวนเขตต์ข้อความบางตอนจาก ... แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ ๘๔๑

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
opanayigo
วันที่ 22 ส.ค. 2551

มีวิริยะในกุศลมากค่ะ

ขออนุโมทนานะคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
suwit02
วันที่ 22 ส.ค. 2551

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
paderm
วันที่ 22 ส.ค. 2551

เพราะฉะนั้น ก็มีหนทางเดียว ที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงไว้ในพระไตรปิฎกว่า “ธรรมที่เป็นเกาะ คือ ธรรมที่เป็นที่พึ่งนั้น ได้แก่ สติปัฏฐาน ๔ ไม่ใช่ทานกุศลหรือว่าไม่ใช่ศีลกุศล ไม่ใช่การอบรมเจริญสมถะ แต่ต้องเป็นการอบรมเจริญสติปัฏฐาน ๔

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ปริศนา
วันที่ 22 ส.ค. 2551

เพราะทางสายเอกสายเดียว คือ มรรค และ มรรค คือ สติปํฏฐาน ๔.

ขออนุโมทนาในธรรมทานค่ะ.

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
wannee.s
วันที่ 23 ส.ค. 2551
ผู้ที่มีชีวิตอยู่ร้อยปี แต่ไม่ได้เจริญสติปัฏฐานก็เปรียบเหมือนคนตายค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
prakaimuk.k
วันที่ 24 ส.ค. 2551

ขออนุโมทนาค่ะ ...

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
Noparat
วันที่ 25 ส.ค. 2551

ลึกซึ้งจริงๆ ...

ขออนุโมทนาในกุศลจิตค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
เมตตา
วันที่ 26 ส.ค. 2551

ขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ