ที่พึ่งอย่างแท้จริง ... ๒ ...
ต่อจาก ... ที่พึงอย่างแท้จริง ... ๑ ...
เพราะฉะนั้น ทานกุศลมักจะเป็นสิ่งที่ทุกท่านพึ่งเวลาที่ทุกท่านมีทุกข์ แต่ละเลยกิเลสซึ่งมีอยู่ในใจ ซึ่งเป็นเหตุให้ท่านกระทำกายทุจริต วจีทุจริต ลืมจริงๆ ค่ะ คิดแต่จะพึ่งสิ่งอื่น หรือว่าพึ่งคนอื่น พึ่งวัตถุภายนอก พึ่งทาน แต่ศีลของท่านเป็นอย่างไร? ... ลืม ...
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
และสำหรับบางท่าน ซึ่งเป็นผู้ที่รักษาศีลเป็นปกติเพราะว่าเห็นโทษของกาย วาจาที่ทุจริต ที่เป็นอกุศล แต่แม้กระนั้นก็ยังไม่ใช่ที่พึ่งอย่างแท้จริง เพราะถึงแม้จะเป็นผู้ที่รักษาศีลอยู่เสมอ เป็นปกติ ก็ยังมีทุกข์ทางกาย ทางใจ ไม่สิ้นทุกข์ เพราะยังมีกิเลสอีก ซึ่งยังเป็นเหตุที่จะให้เกิดทุกข์ มีความไม่พอใจในบุคคลอื่น มีความขุ่นเคืองใจเวลาที่ประสบกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่ไม่น่าพอใจ เพราะฉะนั้น แม้ว่าจะเป็นผู้ที่เพียบพร้อมสมบูรณ์เพราะท่านได้กระทำทานกุศล เป็นผู้รักษาศีล วิรัติทุจริตทางกาย ทางวาจาก็ยังเป็นผู้ที่มีทุกข์อยู่ เพราะยังไม่ได้ที่พึ่งอย่างแท้จริง
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
เพราะฉะนั้น บางท่านเวลาที่ฟังธรรมและพิจารณาธรรมมากขึ้น ก็รู้ว่าขณะใดที่กิเลสเกิด ขณะนั้นจิตไม่สงบเป็นทุกข์ เพราะฉะนั้น เมื่อเห็นคุณของกุศลจิต เช่น เมตตาว่าเป็นสภาพธรรมที่ทำให้ปราศจากความอาฆาต ความพยาบาท ความขุ่นเคืองใจในบุคคลอื่น ซึ่งจะเป็นเหตุให้เกิดการกระทำทางกาย ทางวาจา ซึ่งเป็นอกุศล ท่านเหล่านั้นก็มีหลายขณะในชีวิตซึ่งเริ่มจะเจริญความสงบของจิตใจ ด้วยการพิจารณาอย่างแยบคายที่จะเกิดความเมตตา แทนจิตที่ไม่สงบ ที่เดือดร้อนเพราะอกุศล คือโทสะ เป็นต้น แต่แม้กระนั้นก็ไม่ใช่ที่พึ่งอย่างแท้จริง
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
ซึ่งพระผู้มีพระภาค มิได้ทรงแสดงว่า ธรรมอื่นเป็นที่พึ่ง นอกจาก "สติปัฏฐาน ๔" การระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏที่กาย ระลึกรู้ลักษณะของเวทนา ระลึกรู้ลักษณะของจิต ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ เพราะบางท่าน แม้ในครั้งที่พระผู้มีพระภาคยังไม่ปรินิพพาน ได้อบรมเจริญความสงบ จนกระทั่งมั่นคงขึ้นประกอบด้วยสมาธิขั้นอุปจารสมาธิ อัปปนาสมาธิ เป็นฌานจิต ก็ยังไม่สิ้นทุกข์ เพราะแม้ฌานจิตก็ดับ ไม่เที่ยง
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
หรือหลายท่านทีเดียวค่ะ ซึ่งมีความสงบเกิดขึ้นเล็กๆ น้อยๆ ชั่วขณะ ยังไม่ถึงอุปจารสมาธิ ยังไม่ถึงอัปปนาสมาธิ แต่ท่านก็เห็นว่าช่วงขณะซึ่งเป็นกุศลที่สงบเล็กน้อยมากกว่าขณะที่เป็นอกุศลที่ไม่สงบ ด้วยโลภะ โทสะ โมหะ เพราะฉะนั้นถ้าท่านจะอบรมเจริญความสงบ ถึงแม้ว่าจะสงบขึ้น มั่นคงขึ้น ความสงบนั้นไม่เที่ยง เมื่อไม่เที่ยงแล้วก็มีเหตุปัจจัยที่จะให้เกิดทุกข์เพราะอกุศลต่างๆ กิเลสต่างๆ ซึ่งยังไม่ได้ดับเป็นสมุจเฉท
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
เพราะฉะนั้น ก็มีหนทางเดียว ที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงไว้ในพระไตรปิฎกว่า “ธรรมที่เป็นเกาะ คือ ธรรมที่เป็นที่พึ่งนั้น ได้แก่ สติปัฏฐาน ๔ ไม่ใช่ทานกุศล หรือว่าไม่ใช่ศีลกุศล ไม่ใช่การอบรมเจริญสมถะ แต่ต้องเป็นการอบรมเจริญสติปัฏฐาน ๔”
บรรยายโดย ... ท่าน อ. สุจินต์ บริหารวนเขตต์ข้อความบางตอนจาก ... แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ ๘๔๑
เพราะฉะนั้น ก็มีหนทางเดียว ที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงไว้ในพระไตรปิฎกว่า “ธรรมที่เป็นเกาะ คือ ธรรมที่เป็นที่พึ่งนั้น ได้แก่ สติปัฏฐาน ๔ ไม่ใช่ทานกุศลหรือว่าไม่ใช่ศีลกุศล ไม่ใช่การอบรมเจริญสมถะ แต่ต้องเป็นการอบรมเจริญสติปัฏฐาน ๔”
ขออนุโมทนาครับ
เพราะทางสายเอกสายเดียว คือ มรรค และ มรรค คือ สติปํฏฐาน ๔.
ขออนุโมทนาในธรรมทานค่ะ.