ปฐมทารุขันธสูตร ... วันเสาร์ที่ ๗ มกราคม ๒๕๕๕

 
มศพ.
วันที่  8 ต.ค. 2554
หมายเลข  19875
อ่าน  5,079

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส

พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ
ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ
สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

สนทนาธรรมที่

มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา (มศพ.)

พระสูตร ที่จะนำมาสนทนาที่มูลนิธิฯ วันเสาร์แรกที่เปิดสนทนาธรรม

๔. ปฐมทารุขันธสูตร

(ว่าด้วยอุปมาการท่องเที่ยวในสังสารวัฏฏ์กับท่อนไม้ลอยน้ำ)

[เล่มที่ 28] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เล่ม ๔ ภาค ๑- หน้าที่ ๔๐๙

(ภาพแสดงบรรยากาศการสนทนาธรรมที่มูลนิธิฯ ในวันอาทิตย์ที่ ๖ มี.ค. ๒๕๕๔)

...นำสนทนาโดย...

ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และ คณะวิทยากร


[เล่มที่ 28] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เล่ม ๔ ภาค ๑- หน้าที่ ๔๐๙

๔. ปฐมทารุขันธสูตร (ว่าด้วยอุปมาการท่องเที่ยวในสังสารวัฏฏ์กับท่อนไม้ลอยน้ำ)

[๓๒๒] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้า ประทับอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำคงคาแห่งหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ทอดพระเนตรเห็นท่อนไม้ใหญ่ท่อนหนึ่ง อันกระแสน้ำพัดลอยมาริมฝั่งแม่น้ำคงคา แล้วตรัสถามภิกษุทั้งหลายว่าดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ท่านทั้งหลายเห็นท่อนไม้ใหญ่โน้นอันกระแสน้ำพัดลอยมาในแม่น้ำคงคา หรือไม่ ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า เห็น พระเจ้าข้า. พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ถ้าท่อนไม้จะไม่เข้ามาใกล้ฝั่งนี้หรือฝั่งโน้น จักไม่จมเสียในท่ามกลาง จักไม่เกยบก ไม่ถูกมนุษย์หรืออมนุษย์จับเอาไว้ไม่ถูกน้ำวน วนไว้ จักไม่เน่าในภายใน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ด้วยประการดังกล่าวมานี้แล ท่อนไม้นั้นจักลอยไหลเลื่อนไปสู่สมุทรได้ ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะเหตุว่า กระแสน้ำแห่งแม่น้ำคงคาลุ่มลาดไหลไปสู่สมุทร ฉันใด ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ถ้าท่านทั้งหลาย จะไม่แวะเข้าฝั่งข้างนี้หรือฝั่งข้างโน้น ไม่จมลงในท่ามกลาง ไม่เกยบก ไม่ถูกมนุษย์หรืออมนุษย์จับไว้ไม่ถูกเกลียวน้ำวน วนไว้ จักไม่เป็นผู้เสียในภายในไซร้ ด้วยประการดังกล่าวมานี้ ท่านทั้งหลายจักโน้มน้อมเอียงโอนไปสู่นิพพาน ข้อนั้นเพราะเหตุไร? เพราะเหตุว่า สัมมาทิฏฐิ ย่อมโน้มน้อมเอียงโอนไปสู่นิพพาน ก็ฉันนั้นเหมือนกัน.

[๓๒๓] เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้แล้ว ภิกษุรูปหนึ่งได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ฝั่งนี้ได้แก่อะไร ฝั่งโน้นได้แก่อะไร การจมลงในท่ามกลางได้แก่อะไร การเกยบกได้แก่อะไร มนุษย์ผู้จับคืออะไร อมนุษย์ผู้จับคืออะไร เกลียวน้ำวน วนไว้คืออะไร ความเป็นของเน่าในภายในคืออะไร. พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภิกษุคำว่า ฝั่งนี้ เป็นชื่อแห่งอายตนะภายใน ๖ คำว่าฝั่งโน้น เป็นชื่อแห่งอายตนะภายนอก ๖ คำว่าจมในท่ามกลางเป็นชื่อแห่งนันทิ-ราคะ คำว่าเกยบก เป็นชื่อแห่งอัสมิมานะ ดูก่อนภิกษุ ก็มนุษย์ผู้จับเป็นไฉน? คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้เป็นผู้คลุกคลี เพลิดเพลิน โศกเศร้าอยู่กับพวกคฤหัสถ์ เมื่อเขาสุขก็สุขด้วย เมื่อเขาทุกข์ก็ทุกข์ด้วย ย่อมถึงการประกอบตนในกิจการอันบังเกิดขึ้นแล้วของเขา ดูก่อนภิกษุ นี้เรียกว่ามนุษย์ผู้จับ, ดูก่อนภิกษุ อมนุษย์จับเป็นไฉน? คือ ภิกษุบางรูปในธรรมวินัยนี้ ย่อมประพฤติพรหมจรรย์ปรารถนาเป็นเทพนิกายหมู่ใดหมู่หนึ่งว่า ด้วยศีล ด้วยวัตร ด้วยตบะหรือด้วยพรหมจรรย์นี้ เราจักได้เป็นเทวดาหรือเทพยเจ้าองค์ใดองค์หนึ่ง ดูก่อนภิกษุ นี้เรียกว่าอมนุษย์ผู้จับ ดูก่อนภิกษุ คำว่าเกลียวน้ำวนวนไว้เป็นชื่อแห่งกามคุณ ๕ ดูก่อนภิกษุ ความเป็นของเน่าในภายในเป็นไฉน? คือ ภิกษุบางรูปในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ทุศีล มีธรรมอันลามกไม่สะอาด มีความประพฤติน่ารังเกียจ มีการงานปกปิดไว้ ไม่เป็นสมณะ ก็ปฏิญาณว่าเป็นสมณะ ไม่เป็นพรหมจารี ก็ปฏิญาณว่าเป็นพรหมจารี เป็นผู้เน่าในภายในมีใจชุ่มด้วยกาม เป็นดุจขยะมูลฝอย ดูก่อนภิกษุ นี้เรียกว่า ความเป็นผู้เน่าในภายใน.

[๓๒๔] ก็โดยสมัยนั้นแล นายนันทโคบาล ยืนอยู่ในที่ไม่ไกลพระผู้มีพระภาคเจ้า ณ ที่นั้นแล นายนันทโคบาล ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ไม่เข้าใกล้ฝั่งนี้ ไม่เข้าใกล้ฝั่งโน้น ไม่จมลงในท่ามกลาง ไม่ติดบนบก ไม่ถูกมนุษย์จับ ไม่ถูกอมนุษย์จับ ไม่ถูกเกลียวน้ำวนๆ ไว้ จักไม่เน่าในภายใน ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ขอประทานพระวโรกาส ข้าพระองค์พึงได้บรรพชาอุปมสมบทในสำนักของพระผู้มีพระภาคเจ้า พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่าดูก่อนนันทะ ถ้าอย่างนั้น ท่านจงมอบโคให้เจ้าของเขาเถิด นันทโคบาล กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ โคที่ติดลูกจักไปเอง.

พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสว่า ท่านจงมอบโคให้แก่เจ้าของเถิด นันทะ. ครั้งนั้นแล นายนันทโคบาลมอบโคให้แก่เจ้าของแล้ว เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ครั้นแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่าข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์มอบโคให้เจ้าของแล้ว ข้าพระองค์พึงได้บรรพชาอุปสมบทในสำนักของพระผู้มีพระภาคเจ้า นายนันทโคบาลได้บรรพชาอุปสมบทแล้วในสำนักของพระผู้มีพระภาคเจ้า ก็แล ท่านพระนันทะ อุปสมบทแล้วไม่นาน เป็นผู้ผู้เดียว หลีกออกจากหมู่ไม่ประมาท มีความเพียร มีใจเด็ดเดี่ยวอยู่ ไม่นานนัก ก็ทำให้แจ้งซึ่งที่สุดแห่งพรหมจรรย์อันยอดเยี่ยม ซึ่งกุลบุตรทั้งหลายผู้ออกบวชเป็นบรรพชิตโดยชอบต้องการด้วยปัญญาอันยิ่งด้วยตนเองในปัจจุบันเข้าถึงอยู่ รู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้ มิได้มี ก็ท่านพระนันทะ ได้เป็นพระอรหันต์องค์หนึ่ง ในจำนวนพระอรหันต์ทั้งหลาย.

จบ ปฐมทารุขันสูตรที่ ๔


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 8 ต.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ข้อความโดยสรุป

ปฐมทารุขันธสูตร * (ว่าด้วยอุปมาการท่องเที่ยวในสังสารวัฏฏ์กับท่อนไม้ลอยน้ำ)

พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงแสดงธรรมแด่ภิกษุทั้งหลาย ด้วยข้ออุปมาท่อนไม้ที่ลอยอยู่ในแม่น้ำคงคา ว่า ถ้าท่อนไม้นี้ ไม่เข้าใกล้ ฝั่งนี้และฝั่งโน้น ไม่จมลงในท่ามกลาง จักไม่เกยบก ไม่ถูกมนุษย์หรืออมนุษย์จับเอาไว้ ไม่ถูกเกลียวน้ำวน วนไว้ จักไม่เน่าในภายใน ก็จะสามารถไหลเลื่อนไปสู่มหาสมุทร ได้ เปรียบเหมือนกับผู้อบรมเจริญปัญญา ถ้าไม่เข้าใกล้ฝั่งนี้ คือ อายตนะภายใน ๖ ไม่เข้าใกล้ฝั่งโน้น คือ อายตนะภายนอก ๖ ไม่จมลงในท่ามกลางด้วยนันทิราคะ (ความติดข้องด้วยอำนาจแห่งความเพลิดเพลิน) ไม่เกยบก ด้วยอัสมิมานะ ไม่ถูกมนุษย์จับไว้ คือ ไม่คลุกคลีกับด้วยคฤหัสถ์ ไม่ถูกอมนุษย์จับไว้ คือ ไม่พระพฤติพรหมจรรย์ เพื่อเกิดเป็นเทวดาในสวรรค์ชั้นหนึ่งชั้นใด ไม่ถูกเกลียวน้ำวน คือ กามคุณ ๕ วนไว้ ไม่เป็นผู้เน่าในภายใน คือ ไม่เป็นคนทุศีล ก็จะไปสู่พระนิพพานได้ เพราะสัมมาทิฏฐิ (ปัญญา) ย่อมน้อมไปสู่พระนิพพาน จากการแสดงพระธรรมในครั้งนี้ นายนันทโคบาล ซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลจากพระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ยินได้ฟังในสิ่งที่พระองค์ทรงแสดง เห็นตามความเป็นจริงดังที่พระองค์ทรงแสดง ทูลขออุปสมบทในพระพุทธศาสนา และในที่สุดก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ ดับกิเลสทั้งปวงได้หมดสิ้น.

หมายเหตุ คำว่า ทารุขันธะ ซึ่งเป็นชื่อของพระสูตร แปลว่า ท่อนไม้ ขอนไม้

ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมเพื่อความเข้าใจยิ่งขึ้นได้ที่นี่ครับ

สภาวะที่ชื่อว่าราคะ [ธรรมสังคณี]

กิเลสตัณหา

ภิกษุทุศีล ดีกว่า ฆราวาสมีศีล?

มรรคองค์แรกคือสัมมาทิฎฐิ

ฟังเพื่อประโยชน์...ไม่ประมาท

มีใครรู้ได้ว่าจะตายเมื่อไหร่ ..เป็นผู้ไม่ประมาท หมั่นศึกษาพระธรรม

เป็นผู้ไม่ประมาท ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญา

มานะ [ธรรมสังคณี]

นิพพานปรมัตถ์

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
nong
วันที่ 9 ต.ค. 2554

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
j.jim
วันที่ 9 ต.ค. 2554

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wittawat
วันที่ 10 ต.ค. 2554

ขอขอบคุณและอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
orawan.c
วันที่ 10 ต.ค. 2554

ขอขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
SRPKITT
วันที่ 21 ต.ค. 2554

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Jans
วันที่ 28 ต.ค. 2554

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 29 ต.ค. 2554

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
jaturong
วันที่ 31 ต.ค. 2554

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 1 พ.ย. 2554

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
เซจาน้อย
วันที่ 1 พ.ย. 2554

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
Graabphra
วันที่ 1 พ.ย. 2554

น้ำลดแต่กิเลสยังอยู่ ขอพึ่งพาพระธรรมเพื่อดับมหันตภัยที่ยิ่งกว่าน้ำท่วมครับ

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

ขอบุญกุศลใดๆ จงบันดาลให้พ่อแม่พี่น้องพ้นจากภัยทั้งมวลครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
tanakase
วันที่ 4 พ.ย. 2554

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
tusaneenui
วันที่ 7 พ.ย. 2554
-ขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
prasittia
วันที่ 17 พ.ย. 2554

แจ่มแจ้งแล้ว ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
raynu.p
วันที่ 16 ธ.ค. 2554

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
pattarat
วันที่ 21 ธ.ค. 2554

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
pornpaon
วันที่ 27 ธ.ค. 2554

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
มกร
วันที่ 7 ม.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 20  
 
apichet
วันที่ 27 ธ.ค. 2565

กราบอนุโมทนาสาธุครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ