โปสาลมาณวกปัญหานิทเทส พระสัพพัญญุตญาณ


    สำหรับพระสัพพัญญุตญาณ ที่พระผู้มีพระภาคทรงสามารถที่จะพยากรณ์ถึงกรรมของบุคคลนั้น ที่ว่า เมื่อจุติจากภพนั้นแล้วจะไปสู่กำเนิดใด ก็เป็นเพราะเหตุว่าพระองค์ได้ทรงสะสมพระบารมีที่เพรียบพร้อมด้วยพระญาณต่างๆ ไม่ใช่ว่าทรงเดาหรือทรงคาดเน

    แต่เวลาที่ญาติพี่น้องมิตรสหายซึ่งเป็นที่รักหรือผู้มีคุณสิ้นชีวิตลง บางท่านอาจจะอยากทราบว่าไปสู่กำเนิดใด สู่ภูมิใด ท่านก็ไปหาบางท่านที่ท่านคิดว่าจะพยากรณ์ได้ แต่ว่าจะถูกหรือจะผิด เพราะผู้นั้นไม่ใช่เป็นผู้ที่มีพระสัพพัญญุตญาณ ไม่สามารถที่จะรู้ความละเอียดของกรรมของแต่ละบุคคลที่ได้สะสมมาที่วิจิตรต่างๆ กัน

    ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส โปสาลมาณวกปัญหานิทเทสที่ ๑๔ มีข้อความว่า

    ท่านโปสาละทูลถามว่า

    พระผู้มีพระภาคพระองค์ใด ไม่ทรงมีความหวั่นไหว ทรงตัดความสงสัยเสีย แล้ว ทรงถึงฝั่งแห่งธรรมทั้งปวง ย่อมทรงแสดงอดีต ข้าพระองค์มีความต้องการ ด้วยปัญหา จึงมาเฝ้าพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น

    คำว่า โย ในอุทเทสว่า โย อตีตํ อาทิสติ ดังนี้

    ความว่า พระผู้มีพระภาคพระองค์ใด เป็นพระสยัมภู ไม่มีอาจารย์ ตรัสรู้พร้อมเฉพาะซึ่งสัจจะทั้งหลายเอง ในธรรมทั้งหลายที่พระองค์ไม่เคยได้ยินมาในกาลก่อน ทรงบรรลุซึ่งความเป็นสัพพัญญูในธรรมเหล่านั้น แล้วทรงบรรลุซึ่งความเป็นผู้ชำนาญในพลธรรมทั้งหลาย

    คำว่า ย่อมทรงแสดงอดีต ความว่า พระผู้มีพระภาคย่อมทรงแสดงแม้อดีต ย่อมทรงแสดงแม้อนาคต ย่อมทรงแสดงแม้ปัจจุบันของพระองค์เอง และของผู้อื่น

    ข้อความต่อไปมีว่า

    พระผู้มีพระภาคย่อมทรงแสดงอดีตของพระองค์อย่างไร พระผู้มีพระภาคย่อมทรงแสดงชาติ ๑ บ้าง ๒ ชาติบ้าง ๓ ชาติบ้าง ๔ ชาติบ้าง ๕ ชาติบ้าง ๑๐ ชาติบ้าง ๒๐ ชาติบ้าง ๓๐ ชาติบ้าง ๔๐ ชาติบ้าง ๕๐ ชาติบ้าง ๑๐๐ ชาติบ้าง ๑,๐๐๐ ชาติบ้าง แสนชาติบ้าง ตลอดสังวัฏกัปเป็นอันมากบ้าง ตลอดวิวัฏกัปเป็นอันมากบ้าง ตลอดสังวัฏวิวัฏกัปเป็นอันมากบ้าง อันเป็นอดีตของพระองค์เองว่า ในภพโน้นเรามีชื่ออย่างนั้น มีโคตรอย่างนั้น มีผิวพรรณอย่างนั้น มีอาหารอย่างนั้น เสวยสุข เสวยทุกข์อย่างนั้น อย่างนั้น มีกำหนดอายุเพียงเท่านั้น ครั้นจุติจากภพนั้นแล้ว ได้ไปเกิดในภพโน้น แม้ในภพนั้น เราก็ได้มีชื่ออย่างนี้ มีโคตรอย่างนั้น มีผิวพรรณอย่างนั้น มีอาหารอย่างนั้น เสวยสุข เสวยทุกข์อย่างนั้น อย่างนั้น มีกำหนดอายุเพียงเท่านั้น ครั้นจุติจากภพนั้นแล้ว ได้มาเกิดในภพนี้ พระองค์ทรงแสดงชาติก่อนเป็นอันมาก พร้อมทั้งอาการ พร้อมทั้งอุทเทส ด้วยประการฉะนี้ พระผู้มีพระภาค ย่อมทรงแสดงอดีตของพระองค์เองอย่างนี้

    ข้อความต่อไปมีว่า พระผู้มีพระภาคย่อมทรงแสดงอดีตของผู้อื่นอย่างไร ซึ่งก็ทรงแสดงโดยนัยเดียวกับที่ทรงแสดงอดีตของพระองค์

    ข้อความต่อไป มีว่า

    พระผู้มีพระภาคตรัสชาดก ๕๐๐ ก็ชื่อว่า ทรงแสดงอดีตของพระองค์เอง และของผู้อื่น ตรัสมหาธนิยสูตร มหาสุทัสสนสูตร มหาโควินทสูตร มฆเทวสูตร ชื่อว่า ทรงแสดงอดีตของพระองค์ และของผู้อื่น สมจริงตามพระพุทธพจน์ที่พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

    ที่มา ... แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 269

    ดูกร จุนทะ ญาณอันตามระลึกถึงชาติก่อนของตถาคต ปรารภถึงอดีตกาลมีอยู่ ตถาคตหวังจะรู้ชาติก่อนเท่าใด ก็ระลึกถึงชาติก่อนได้เท่านั้น

    ดูกร จุนทะ ญาณอันตามระลึกถึงชาติข้างหน้าของตถาคต ปรารภถึงอนาคตกาลมีอยู่

    ดูกร จุนทะ ญาณอันเกิดที่ควงไม้โพธิของตถาคต ปรารภถึงปัจจุบันกาล เกิดขึ้นว่า ชาตินี้มีในที่สุด บัดนี้มิได้มีภพต่อไป

    อินทรียปโรปริยัตติญาณ (ญาณเครื่องกำหนดรู้ ความยิ่ง ความหย่อนแห่งอินทรีย์ของสัตว์ทั้งหมด) เป็นกำลังของตถาคต, อาสยานุสยญาณ (ญาณกำหนดรู้ฉันทะ และกิเลสอันนอนเนื่องตามของสัตว์ทั้งหลาย) เป็นกำลังของตถาคต, ยมกปาฏิหาริยญาณ (ญาณเป็นเครื่องนำกลับ ซึ่งเป็นปฏิปักข์ธรรมอันเป็นคู่) เป็นกำลังของตถาคต, มหากรุณาสมาปัตติญาณ (ญาณในมหากรุณาสมาบัติ) เป็นกำลังของตถาคต, สัพพัญญุตญาณ เป็นกำลังของตถาคต, อนาวรณญาณ (ญาณเนื่องด้วยอาวัชชนะ ไม่มีอะไรกั้น) เป็นกำลังของตถาคต, อนาวรณญาณ (อันไม่ข้อง ไม่มีอะไรขัดในกาละทั้งปวง) เป็นกำลังของตถาคต

    พระผู้มีพระภาคย่อมทรงแสดง ทรงประกาศ แม้อดีต แม้อนาคต แม้ปัจจุบัน ของพระองค์ และของผู้อื่น ด้วยประการอย่างนี้

    เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า พระผู้มีพระภาคทรงแสดงอดีต

    คนอื่นเป็นอย่างนี้ได้ไหม ไม่ได้เลย และได้มีกรรมที่ได้กระทำแล้วแต่ไม่ทราบว่าหลังจากจุติจิตแล้ว กรรมไหนในชาตินี้ หรือว่าในชาติก่อนๆ จะถึงความแก่กล้าที่จะให้ผล คือ ทำให้ปฏิสนธิในภพใด ภูมิใด แต่ถ้าเป็นพระอริยเจ้าจะไม่เกิดในกำเนิดอบายภูมิเลย


    ที่มา ...

    แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 270


    หมายเลข 13236
    27 พ.ย. 2567