สนทนา ฟังธรรมให้เข้าใจธรรมที่ได้ฟัง
ผู้ฟัง เรื่องภวังคจิตในขณะที่หลับ และก็มีเจตสิกเกิดร่วมด้วย ขณะนั้นไม่มีสภาพธรรมที่สามารถจะตรึกนึกถึงภวังคจิตขณะนั้นได้เลย มีเพียงสนทนากันเรื่องหัวข้อตามพระธรรมคำสั่งสอนเพียงเท่านั้นใช่ไหม
ท่านอาจารย์ สนทนาให้รู้ว่าสภาพธรรมนั้นมีจริงต่างกับสภาพที่กำลังเห็น
ผู้ฟัง จะต้องรู้จักตัวเองดีพอสมควรใช่ไหมว่า ส่วนไหนของพระไตรปิฎกควรเข้าใจได้ ส่วนไหนที่ยังไม่สามารถเข้าใจได้ เป็นความเข้าใจที่ตรง หรือท่านอาจารย์จะแนะนำอะไรเพิ่มเติม
ท่านอาจารย์ คือขณะใดที่กำลังฟังธรรมให้เข้าใจธรรมเรื่องที่ได้ยินได้ฟัง เช่น การที่พูดถึงภวังคจิต คงไม่มีใครสงสัยอีกแล้วในคำนี้ใช่ไหม มีภวังคจิตไหม มีแน่นอน เพราะอะไรที่ว่ามีแน่นอน
ผู้ฟัง เพราะว่าขณะที่หลับสนิทนั้นไม่รู้อารมณ์ในชาตินี้เลย ก็เพียงแต่รู้แค่นี้
ท่านอาจารย์ เพียงคำธรรมดาที่เราใช้ว่า หลับกับตื่น หลับก็มีจริงๆ ตื่นก็มีจริงๆ แต่ขณะนั้นเป็นเราที่ไม่รู้เลยว่าหลับคืออะไร แต่เมื่อได้ฟังพระธรรมก็รู้ว่าเป็นจิต ขณะนั้นไม่ใช่คนตาย คนตายเราไม่ใช้คำว่าหลับ เพราะฉะนั้นหลับก็คือจิตที่ทำกิจหนึ่ง จิตเกิดขึ้นแล้วต้องทำกิจหนึ่ง และเมื่อทำกิจนั้นแล้วจะไม่มีการเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น การลิ้มรส การรู้สิ่งที่กระทบสัมผัส และไม่มีการคิดนึกเลย เพราะฉะนัันขณะนั้นไม่คิดถึงว่าเรารู้อะไร แต่คิดว่าขณะนั้นเป็นสภาพของจิตซึ่งทำกิจนั้น เป็นธรรมชนิดหนึ่ง เป็นจิต และเจตสิกซึ่งทำกิจนั้น ฟังก็เพื่อเข้าใจ แล้วก็เข้าใจ แล้วก็เข้าใจ เพื่อที่จะเข้าใจว่าเป็นธรรมเพิ่มขึ้น
เริ่มเห็นความเป็นธรรม และความเป็นอนัตตาไปเรื่อยๆ เพิ่มความเข้าใจในความเป็นธรรม และเป็นอนัตตายิ่งขึ้น
ที่มา ...