ตามดูจิตแล้วนอนไม่หลับ ใครพอจะช่วยผมได้บ้างมั้ยครับ
ผมได้หัดสมาธิและดูจิตตามที่อาจารย์บอกไว้ แต่ตอนแรกจิตก็สงบดีครับ แต่หลังจากฝึกได้ประมาณสองเดือน เริ่มมีอาการนอนไม่หลับ จิตจะรู้ตัวตื่นตลอดเวลา หลับได้ครั้งละไม่เกิน 10 นาที แล้วจะสะดุ้งรู้ตัวตื่นขึ้นมาตลอด มีอาการร้อนออกเนื้อออกตัว นอนไม่ได้ต้องเดิน นั่งดูจิตก็ไม่ได้ เหมือนกำลังจะตาย เนื่องจากจิตระลึกถึงความตายตลอดเวลา กลัวการกลับไปเริ่มนับหนึ่งใหม่ กลัวการเกิด กลัวการตาย กลัวการพลัดพรากจากคนที่เรารัก ทั้งๆ ที่เราก็ฝึกจิต ดูจิต บอกจิตตลอดเวลา ว่ายังไงสักวันความตายก็ต้องเดินทางมาถึง
ตอนยังไม่นอนก็ไม่เป็นไร แต่เวลานอนหลับแล้วเหมือนฝันว่าได้ตายแล้ว จึงไม่กล้าที่จะนอน เป็นได้ 5 วันนอนไม่ได้เลยครับ เลยไปหาหมอได้ยาคลายเครียดมากิน เลิกทำสมาธิดูจิต นอนหลับได้ดีได้แค่ 5 วัน ก็กลับมาทำใหม่อีกครั้งได้ 2 วัน อาการเดิมก็กลับมาอีกครั้ง จนผมท้อใจที่ฝึกแล้ว ตัวผมกลับต้องมาเป็นแบบนี้ ทำให้คนในครอบครัวไม่ได้หลับได้นอนไปกับผมด้วย ผมอยากจะเรียนถามว่า ผมจะแก้อาการต่างๆ เหล่านี้ได้อย่างไรครับ หรือมีใครพอจะช่วยผมได้บ้างมั้ยครับ ช่วยตอบผมหน่อย คิดว่าสงสารเอาบุญ นะครับ
ขอเรียนแนะนำว่า อย่าเพิ่งไปทำอะไรทั้งนั้น เพียงค่อยๆ ฟังพระธรรมให้เข้าใจก็พอ ปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากการฝึกที่ไม่ถูกทาง ขาดความรู้ความเข้าใจในพระธรรมคำสอน ขณะนั้นจิตเป็นอกุศล สมาธิเป็นมิจฉาสมาธิ จิตจึงไม่สงบ
ผู้ที่ฟังพระธรรมด้วยความเคารพและเข้าใจ ขณะนั้นจิตก็สงบจากอกุศล ขณะที่จิตเป็นกุศล จิตสงบจากอกุศล ไม่ควรไปกังวลกับเรื่องสมาธิ เพราะสมาธิเกิดกับจิตทุกขณะอยู่แล้ว
สิ่งที่ควรใส่ใจคือความเข้าใจธรรมะ เพราะบุคคลผู้ที่เข้าใจธรรมะ กุศลทั้งปวงย่อมค่อยๆ เจริญขึ้นตามลำดับ ทุกขณะในชีวิตเป็นเพียงธรรมะที่เกิดเพราะปัจจัย พระอริยบุคคลทั้งหลายท่านรู้แจ้งธรรมะตามความเป็นจริง ท่านจึงหลุดพ้นจากการยึดมั่นถือมั่นได้ ดังนั้นควรเริ่มต้นด้วยการเข้าใจธรรมะก่อน นะครับ
ขอบคุณครับ ที่ช่วยตอบคำถามให้ผม ตอนนี้ผมยังไม่ได้นอนหลับ 2 คืนแล้วครับ ง่วงแสนง่วง แต่จิตไม่ยอมยอมหลับ พยามยามที่จะไม่ตามดูจิต แต่บังคับไม่ได้ พยามยามที่จะไม่คิดก็ทำไม่ได้
ขอบคุณครับขอบคุณจริงๆ จากใจ
คุณสันติพงศ์เริ่มต้นก็ไม่ถูกต้องแล้ว พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่เคยตรัสสอนให้ไปหัดสมาธิและดูจิต เราควรศึกษาตามพระธรรมที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ ทรงชี้ทางที่ผู้ใดประพฤติปฎิบัติตามอย่างถูกต้อง ย่อมสามารถหลุดพ้นจากทุกข์ได้ โดยที่ไม่ใช่ไปเชื่อตามอาจารย์ เพราะไม่ทราบว่าอาจารย์สอนถูกตรงตามพระธรรมหรือไม่
เราจึงควรพิจารณาไตร่ตรองให้ดี ไม่เช่นนั้นปฎิบัติผิดทาง หัดสมาธิก็ผิด ดูจิตก็ไม่ถูกต้อง เป็นผู้ประกอบด้วยความเห็นผิดและปฎิบัติผิด ควรเลิกหัดสมาธิและดูจิตเสีย แล้วศึกษาพระธรรมให้เข้าใจจะมีประโยชน์กว่า เมื่ออบรมความเข้าใจ ปัญญาจะค่อยๆ เจริญขึ้นตามลำดับ
เมื่อมีความเห็นถูก การปฎิบัติถูกตรงตามอริยมรรคมีองค์ ๘ ย่อมเกิดขึ้นได้ค่ะ จึงควรศึกษาพระธรรมให้เข้าใจก่อน การเข้าใจถูกในสภาพธรรมเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุด ปัญญาจะค่อยๆ เจริญขึ้น ตามเหตุตามปัจจัย โดยที่ไม่มีตัวตนไปดู ไปบังคับ หรือไปทำอะไรได้เลยเพราะสำคัญที่สุดคือความเข้าใจถูก เวลาที่ได้ศึกษาพระธรรมค่อยๆ พิจารณาว่าสิ่งที่ถูกต้องคืออย่างไร และเป็นไปตามสภาพธรรมตามความเป็นจริง ตรงตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงหรือเปล่า
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ
อนุโมทนาค่ะ เห็นด้วยอย่างยิ่ง การฟังธรรมให้เข้าใจเป็นบุญกุศลจริงๆ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
วิธีส่วนตัว...แต่ปกติฟังธรรมอยู่แล้ว แต่ใช้วิธีว่า ถ้าไม่หลับใช่ไหม คิดในใจ ดีเลยจะได้ฟังธรรมนานๆ จะได้เข้าใจพระธรรมมากขึ้น ไม่นานหลับเลยครับ สงสัยกิเลสกลัวจะเข้าใจ แต่ต้องเป็นการฟังพระธรรมที่ถูกต้องนะครับ
ลองพิจารณาสิครับว่า สิ่งที่ทำปัญญาเจริญขึ้นไหม หรือว่ามีแต่ความผิดปกติมากขึ้นหยุดสิ่งนั้นก่อน เพราะไม่ใช่เหตุที่ทำให้ปัญญาเจริญ ปัญญาเกิดจากการฟังพระธรรมให้เข้าใจก่อนครับ ถ้าเข้าใจถูก ปฏิบัติก็ถูก ปฏิบัติที่ถูกต้องย่อมไม่ผิดปรกติในชีวิตประจำวันครับ อย่างไรก็ตามขอให้ฟังไฟล์ธรรมในเวปนี้นะครับ จะทำให้เข้าใจมากขึ้น
ส่วนนอนไม่หลับวิธีที่ผมบอกทีแรกนั้น ผมขออนุญาตส่งแผ่นธรรมไปให้ กรุณาบอกชื่อ ที่อยู่มาที่ balamee10@hotmail.com นะครับ จะส่งแผ่นไปให้เพราะควรฟังสิ่งที่ถูกต้อง และ ลองวิธีผมดู หลับแน่ กิเลส อวิชชากลัวนักความเข้าใจถูก ถ้าไม่หลับยิ่งดีใหญ่เลย ฟังพระธรรมที่ถูกต้องเป็นขณะที่หาได้ยากในสังสารวัฏฏ์ คุณสันติพงศ์ อย่าลืม
ติดต่อมาครับ จะส่งไปให้เพื่อความเข้าใจในพระธรรมที่ถูกต้อง
ขออนุโมทนา
คลิกฟังที่นี่นะครับ
ไม่ต้องพยายามจะปฏิบัติ แต่ฟังให้เข้าใจ
ทำไมต้องฟังให้เข้าใจก่อนไปปฏิบัติ
หนทางที่จะรู้มีจริง แต่ต้องเข้าใจตามลำดับ
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ขออนุญาติแสดงควาเห็นส่วนตัวนะคะ
คุณกำลังเดินทางที่ผิดค่ะ เพราะสิ่งที่กระทำอยู่ เป็นผลร้ายกับตัวคุณเอง เมื่อคุณทราบว่าเป็นโทษ และคิดจะแก้ไขด้วยการเลิกหนทางเดิมย่อมเป็นสัญญาณที่ดีค่ะ
ก็ต้องแก้ไขให้เป็นไปตามลำดับ โดยเหมาะสมกับสถานการณ์ของคุณ เริ่มต้นจากการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าก่อนคุณนอนไม่หลับ และกลัวที่จะนอน เพราะนอนแล้วฝันร้าย ข้าพเจ้าเข้าใจดีว่ามันทุกข์ใจมากแค่ไหนเหมือนพยายามหนีสิ่งที่กลัว แต่ไม่มีทางหนี ไม่มีทางไป ความกลัวทำให้เกิดความเครียด ความกังวลในเรื่องอื่นๆ ตามมา ความเครียดมีผล คือทำลายความเป็นปกติ ของร่างกายโดยตรง เช่น กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ฟุ้งซ่าน หวาดกลัวร้ายแรงที่สุด คือ การหนีด้วยการฆ่าตัวตายซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ เพราะไม่ได้ช่วยให้แก้ปัญหาได้จริงๆ .ขณะนี้ คุณพึ่งตัวเองไม่ได้ พึ่งญาติไม่ได้คุณเดือดร้อน คนใกล้ชิดก็เดือดร้อนและที่พึ่งพระธรรมไม่ได้ เพราะคุณเดินผิดทาง
คุณควรรักษาร่างกายให้แข็งแรงก่อน หมอที่เป็นจิตแพทย์ ก็เป็นที่พึ่งหนึ่งและรักษาด้วยยาที่มีผลต่อการนอนไม่หลับโดยตรง แต่ต้องรักษาจริงจัง และอาจต้องใช้เวลา กว่าร่างกายจะดีขึ้น เมื่อยังพอที่จะเยียวยาได้ก็ควรรักษาให้จริงจังต่อเนื่องจนกว่าจะแน่ใจว่า อาการที่คุณเป็นอยู่ดีขึ้นแล้ว.
โดยเฉพาะเรื่องการนอน ปุถุชนที่ไม่นอนเลยเป็นเวลานาน ไม่สามารถดำรงชีพอยู่ได้เพราะร่างกายจะทนไม่ได้ อาการก็ปรากฏให้เห็นอยู่แล้วแทนที่จะเสียเวลาไปกับความทุกข์กาย ทุกข์ใจรักษาสุขภาพร่างกายก่อน ดีไหมคะ.?
เมื่อคุณกลับมาสู่ภาวะที่ร่างกายปกติพอสมควรคุณก็เริ่มต้นใหม่ ด้วยการฟังพระสัทธรรมที่ถูกต้องอย่างเช่นที่ คุณเผดิม (ความเห็นที่ ๕) ประสงค์จะอนุเคราะห์คุณยังมีหนทางที่ถูกที่จะเดินต่อไปได้ยังไม่สายค่ะ อย่างน้อย คุณก็เห็นโทษของทางเดินเก่าๆ ที่คุณเคยเลือก
นี่เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวจากประสพการณ์ ที่เคยประสพกับตัวเองเท่านั้นนะคะ
ธาตุของคนเราไม่เหมือนกันบางคนเข้มแข็ง เยียวยาตนเองได้โดยไม่ต้องพึ่งการแพทย์แผนปัจจุบัน บางคนต้องพึ่งการแพทย์แผนปัจจุบัน จึงจะทำให้อยู่ได้เป็นปกติเพราะขณะที่ "อกุศล" มีกำลังมาก ร่างกายและจิตใจรับไม่ไหว ก็อาจมีปัญหาในการรับฟังธรรม เนื่องจาก"ศีล" ข้อประพฤติที่ผิด ที่เป็นโทษ เป็นผลที่คุณประสพอยู่ ในขณะนี้.และไม่เป็นปัจจัยเกื้อกูลแก่ "สมาธิ" จิตใจที่ไม่สงบ ผล ก็คือ ฟังพระธรรมก็ไม่รู้เรื่อง "ปัญญา" คือความเห็นถูกจะเกิดได้อย่างไร.? เมื่อปัญญาขั้นต้นไม่เกิด อกุศลทุกอย่างก็จะรุมเร้าหนักขึ้นๆ เช่น ดังที่คุณพรรณามาข้างต้น รักษาร่างกายก่อนนะคะ ส่วนจิตใจนั้นรักษาได้ทุกเมื่อ ถ้ามีความพร้อมและมีเวลารักษาจิตใจไปตลอดชีวิต
ด้วยความปรารถนาดี
จากผู้ที่เคยประสพเหตุการณ์ ที่คล้ายคุณ แต่ไม่เหมือนกัน ในรายละเอียด
ท้องฟ้าหลังฝน ย่อมสดใสสำหรับผู้ที่อดทน คุณค่าของชีวิต คือการได้เกิดมาแล้วมีโอกาสทำความดีเท่าที่จะกระทำได้ ร่างกายและจิตใจที่สมดุลย์เกื้อกูลต่อการศึกษาพระธรรม การบริหารร่างกายและจิตใจจึงต้องควบคู่กันไป ร่างกายที่แข็งแรงเกื้อกูลต่อจิตใจที่ควรแก่การงาน จิตใจที่ควรแก่การงานจากการศึกษาพระธรรมที่ถูกต้องเกื้อกูลต่อร่างกายให้ควรแก่การงานในระดับหนึ่ง (โดยเหตุ และผล) การศึกษาพระธรรมที่ถูกต้องจะไม่เป็นโทษต่อร่างกายและจิตใจ แน่นอนค่ะ
โปรดใช้วิจารณญาณ ตามที่เห็นสมควร. ความสวัสดี จงมีแก่คุณ ตามเหตุที่ถูกที่ควร
ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม
วิธีที่ไปหัดสมาธิและดูจิตอาจจะเป็นสาเหตุให้นอนไม่หลับ ขณะที่พยายามดูจิตต้องใช้ความคิด เวลาใช้ความคิดจิตไม่สงบหลับยากเป็นการพยายามฝืนธรรมชาติ บังคับตัวเองทำให้เครียดได้ จากการศึกษาพระธรรม ไม่มีการฝืนธรรมชาติคะ แต่ต้องเป็นไปตามธรรมชาติแบบมีสติลองทำอะไร สบายๆ เปลี่ยนจากดูจิตด้วยการฟังธรรมะ ทำอะไรที่ชอบบ้าง เช่น ฟังเพลง อ่านหนังสือตลกๆ คุยกับคนในครอบครัว หวังว่าคงนอนหลับได้มากขึ้นนะคะ
หากมีความศรัทธาในพระธรรมของพระพุทธองค์ต้องเริ่มด้วยการศึกษาพระธรรม (ปริยัติ) เช่น การฟังธรรมศึกษาพระธรรมเพื่ออบรมปัญญา การอบรมปัญญาต้องเป็นไปตามลำดับขั้น ข้ามขั้นไม่ได้เลย พระพุทธเจ้าก็ทรงแสดงธรรมไว้แล้วว่า พระสัทธรรมมี 3 คือ 1. ปริยัติ 2. ปฏิบัติ 3. ปฏิเวธ ในพระไตรปิฎกยืนยันว่า การอบรมปัญญา ขาดปริยัติไม่ได้ตามข้อความข้างล่างคะ
อ้างอิงจาก : หัวข้อ โดย แล้วเจอกัน
เรื่อง การอบรมเจริญปัญญาขาดปริยัติไม่ได้
[เล่มที่ 77] พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ เล่ม ๒ ภาค ๒- หน้าที่ ๘๘๑
แม้ผู้มีปัญญาทราม ก็จะนั่งในท่ามกลางแห่งอุปัฏฐากทั้งหลาย กล่าวอยู่ว่า เราย่อมสละปริยัติ ดังนี้เป็นต้น ด้วยคำว่า เมื่อเราตรวจดูหมวดสามแห่งธรรมอันยังสัตว์ให้เนิ่นช้าในมัชฌิมนิกายอยู่ มรรคนั่นแหละมาแล้วพร้อมด้วยฤทธิ์ ชื่อว่าปริยัติ ไม่เป็นสิ่งที่กระทำได้โดยยาก สำหรับพวกเราการสนใจในปริยัติ ย่อมไม่พ้นไปจากทุกข์ ดังนี้ ย่อมแสดงซึ่งความที่ตนเป็นคนมีปัญญามาก ก็เมื่อภิกษุนั้นกล่าวอยู่อย่างนี้ ชื่อว่า ย่อมทำลายพระศาสนา ชื่อว่า มหาโจรเช่นกับบุคคลนี้ ย่อมไม่มี เพราะว่า บุคคลผู้ทรงพระปริยัติ ชื่อว่า ย่อมไม่พ้นไปจากทุกข์ หามีไม่
ลองพิจารณาดูนะคะว่า หัดสมาธิและดูจิต เป็นการเริ่มต้นที่ถูกต้องตามพระธรรมหรือไม่
ขออนุโมทนาคะ
วิธีแก้คือให้เลิกทำสมาธิ เลิกดูจิต ให้หันมาตั้งใจฟังธรรมะอย่างเดียวแล้วทุกอย่างจะดีเองค่ะ
อาจารย์สอนว่าให้ตามดูจิต และยังไม่เข้าใจความหมายของตามดู ก็หัดสมาธิการหัดก็ต้องมีผู้หัด ผู้หัดก็ต้องเป็นตัวตนหัด เมื่อมีตัวตนหัดอยู่สองเดือน ก็มีอาการนอนไม่หลับ และมีอาการต่างๆ หลอกหลอนอยู่ตลอดเวลาที่นอนไม่หลับ หัดอยู่สองเดีอนจนนอนไม่หลับได้ผมว่าเก่งนะ แต่เมื่อมีผู้หัดสมาธิอาการต่างๆ ร้อยแปดพันเก้าก็เกิดได้ เพราะเมื่อมีผู้หัดท่านว่าเป็นมิจฉาสมาธิ เมื่อเป็นมิจฉาก็ผิดทาง อาการที่เกิดขึ้นก็ไม่แปลก คนเราเมื่อเห็น ได้ยิน ได้กลี่น ลึ้มรส ถูกต้องสัมผัส คิดนึก จิตที่ตามมาก็จะ ชอบไม่ชอบ เฉยๆ เป็นกุศลหรืออกุศล และถ้ารู้ว่าจิตขณะนั้นเป็นกุศลหรืออกุศลด้วยกำลังของสติที่เกิดได้โดยการฟังธรรม เรียกว่าตามดูจิตหรือเปล่า ถ้าเรียกว่าตามดูได้ในกรณีนี้ไม่มีตัวตนคอยตามดูหรือมีการฝึกตามดู อาจารย์อาจหมายถึงตามดูจิตนี้ คือไม่มีตัวตนตามดู จึงต้องเข้าใจก่อน ก่อนที่จะไปทำ ตอนนี้ก็มีประสพการณ์แล้ว คือเลิกทำจนนอนหลับได้แล้ว แล้วกลับไปทำอีกจนนอนไม่หลับทำไม
ผมต้องขอบคุณ ทุกๆ ท่าน ทีมีจิตเมตตาช่วยบอกทางสว่างให้กับผม และให้แนวทางการปฏิบัติได้ถูกต้องต่อไปครับ ตอนแรกผมนึกว่าคงจะไม่ได้พบทางสว่างในชาตินี้เสียแล้ว ผมขอขอบคุณจริงๆ ครับ
ขออนุโมทนากับทุกท่านครับ
เป็นกุศลแล้วครับที่ได้เข้ามาเว็ปนี้ แต่ก่อนผมก็ทำสมาธิ สงบแต่ไม่รู้อะไร เป็นความติดข้องต้องการ ที่ยังยึดถือว่าเป็นตัวตน แล้วก็มีอาการเพ่งตึง เครียด สุดท้ายก็มาเจอเว็ปมูลนิธิฯ เข้า จึงได้ฟังธรรมจากอาจารย์ท่าน ถ้ามีเวลาก็ไปฟังที่มูลนิธิก็ดีนะครับ ไม่ต้องกังวลว่าเมื่อไหร่เราจะพ้นทุกข์ ยังอีกนานครับ แล้วแต่การสะสม
ขออนุโมทนาครับ
ที่นี่น่ารื่นรมย์ จริงๆ ค่ะ ฟังพระธรรมให้เข้าใจ พิจารณาไตร่ตรองให้เป็นความเข้าใจของเราเองจริงๆ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ จะคอยแนะนำเสมอค่ะ การฟังพระธรรมและปฎิบัติธรรม ต้องเป็นปกติในชีวิตประจำวัน จะต้องไม่ทำอะไรที่ผิดปกติ ท่านจะแนะนำให้ยึดตามพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น และ ควรพิจารณาให้ถูกต้องตรงตามพระธรรม
กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ค่ะ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ
เห็นใจมากค่ะ เพราะ เคยทำอย่างคุณมาบ้าง แต่เพราะเป็นคนเกียจคร้าน จึงไม่เกิดปัญหาเหมือนคุณสันติพงศ์ ได้แต่เปิดธรรมฟังทุกเช้าและก่อนนอน ช่วงหลังๆ คงเป็นเพราะอายุมาก เรื่องนอนไม่หลับคงเป็นเรื่องปกติ แต่พอรู้ตัวว่า เอาอีกแล้ววันนี้สมองตื่นตัว คืนนี้คงยาวนาน ก็จะเปิดธรรมฟังอย่างตั้งใจ แต่ก็หมดสติไปในเวลาไม่นาน มาได้สติอีกครั้งก็เช้าแล้วค่ะ โปรดใช้วิจารณญานในการอ่าน
คงไม่มีสิ่งใดต้องไปทำด้วยตัวตน ครับ ลองอ่านจากข้อความนี้ครับ
"แท้ที่จริงเป็นเพราะกิเลสของเราต่างหาก ที่ทำให้การเจริญความเห็นถูกนั้นยาก ถ้าเรามัวพะวงอยู่ที่ผลที่เราต้องการ ให้เกิดอย่างรวดเร็ว เราก็ยิ่งทำให้ความเห็นถูกนั้นเกิดยากขึ้น
ทำไมเราจึงไม่มีความอดทนพอที่จะอบรมเจริญความเข้าใจถูก ขึ้นทีละน้อย เริ่มตั้งแต่ขณะนี้เลยทีเดียว มีสภาพธรรมต่างๆ ปรากฏตลอดเวลา ซึ่งอย่างน้อยที่สุด เราก็สามารถเริ่มอบรมได้ เราไม่สามารถหวังได้ว่า เราจะรู้ชัดทันทีในสภาพเห็น ได้ยิน ฯลฯ แต่ก็ไม่เป็นไรไม่ใช่หรือ
เมื่อเราใส่ใจอยู่ที่สภาพธรรมที่ปรากฏ เราก็ไม่กังวลกับภพชาติมากมาย ที่เราต้องเกิดอีกกว่าจะมีความรู้ชัดแจ้งจริงๆ อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าเรามีปัญญา แต่ปัญญานั่นแหละที่เจริญขึ้น และทำกิจของปัญญา
ดิฉันมองไม่เห็นวิธีอื่นที่จะรู้ว่า สภาพเห็นทำหน้าที่เห็น ไม่ใช่ตัวตนเห็น สภาพได้ยินทำกิจได้ยิน ไม่ใช่ตัวตนได้ยิน สภาพคิดทำหน้าที่คิด ไม่ใช่ตัวตนคิด ไม่มีทางอื่น นอกจากการรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏ ถ้าเราพยายามจดจ้องกับสภาพธรรมเหล่านี้ หรือ คิดถึงสภาพเหล่านี้ เหมือนพยายามที่จะทำขึ้น นั่นก็เป็นการคิดเรื่องราวของสภาพธรรมเหล่านั้น ไม่ใช่การรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏจริงๆ เมื่อเราคิดถึงการเห็น เราก็ไม่สามารถรู้ลักษณะของการเห็นจริงๆ และเราก็จะอยู่แต่เพียงในโลกของความคิดต่อไป อยู่กับโลภะ โทสะ และโมหะ"
จากคุณ นีน่า วันกอร์คอม (จดหมายของคุณนีน่าครับ)
ขออนุโมทนาครับผม
ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น นอกจากฟังพระธรรมที่ถูกต้องให้เข้าใจจริงๆ โดยเริ่มต้นจากเว็ปนี้ก็ได้ ลองค้นหาด้วยการฟังหรืออ่านว่าจะเริ่มต้นศึกษาธรรมะอย่างไรดี ซึ่งเว็ปนี้มีข้อมูลมากมายให้ค้นคว้า เชื่อว่าอาการนอนไม่หลับจะหายอย่างแน่นอน เพราะดับเหตุของการนอนไม่หลับคือการตามดูจิต เมื่อเลิกตามดูจิตย่อมนอนหลับเป็นปกติ
ลองคลิกอ่าน ...
พระผู้มีพระภาค พระอริยสาวก และกัลยณปุถุชน ล้วนบอกแสดงทางไปสู่ความสุขอันอมตะเป็นกิจของแต่ละบุคคลที่จะทำความรู้จัก และ เดินตามรอยเท้าของบัณฑิตเหล่านั้น ครับ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านครับ
คุณสันติพงศ์ครับ ลองเปิดแผ่นธรรมของมูลนิธิฯฟังก่อนนอนครับ เช่น สารธรรม ฟังไปพิจารณาสิ่งที่ท่านอาจารย์กล่าวให้ฟัง ใจจะรู้สึกเบาสบายผ่อนคลายและคุณจะได้ลิ้มรสพระธรรมที่แท้จริง ลองดูนะครับ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านครับอ้างอิงจาก : ความคิดเห็นที่ 18 โดย คนเจ้าโทสะ
เห็นใจมากค่ะเพราะ เคยทำอย่างคุณมาบ้าง แต่เพราะเป็นคนเกียจคร้านจึงไม่เกิดปัญหาเหมือนคุณสันติพงศ์ ได้แต่เปิดธรรมฟังทุกเช้าและก่อนนอน ช่วงหลังๆ คงเป็นเพราะอายุมาก เรื่องนอนไม่หลับคงเป็นเรื่องปกติ แต่พอรู้ตัวว่า เอาอีกแล้ววันนี้สมองตื่นตัว คืนนี้คงยาวนาน ก็จะเปิดธรรมฟังอย่างตั้งใจ แต่ก็หมดสติไปในเวลาไม่นาน มาได้สติอีกครั้งก็เช้าแล้วค่ะ โปรดใช้วิจารณญานในการอ่าน อาการใกล้เคียงกัน สมัยก่อนโน้น ช่วงที่ชอบไปสำนักปฏิบัติ เป็นโรคนอนไม่หลับปีละสามเดือน เป็นอยู่หลายปี หลับเพียงวันละ..ถ้าเอามานับรวมๆ กันคงประมาณไม่เกิน 2 ช.ม. แต่ที่ไม่ได้เดือดร้อนตอนนั้น เพราะพอดีว่าไม่ได้คิดว่ามันคือปัญหา กับเป็นคนชอบอ่านหนังสือ นั่งๆ นอนๆ เรื่อยเปื่อย เผลอๆ ก็หลับเอง ไปทำงานก็ไม่มีปัญหา ง่วงก็งีบ ขอเลียนแบบนะป้านะ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน..อย่างแรง
ขออนุโมทนาในกุศลจิตและกุศลวิริยะของทุกท่านค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
อบรมปัญญาให้เข้าใจความจริง จะเป็นประโยชน์ทั้งชาตินี้ และชาติต่อๆไป กุศลที่ทำได้เสมอๆ คือ การฟังพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง มีคุณค่ามหาศาลสำหรับชีวิตที่ต้องเดินทางต่อไป อีกแสนไกล และกันดาร
ขอเชิญศึกษาพระธรรม...
รวมลิงก์เมนูต่างๆ ในเว็บไซต์
การที่ได้มีโอกาสศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม ทำให้มีความเข้าใจตามความเป็นจริงว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏแล้วก็หมดไป ไม่ว่าจะเป็นทางตา ทางหูทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ จิตทุกขณะเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป หมดไป ไม่มีอะไรเหลือเลยจริงๆ จากภพหนึ่งไปอีกภพหนึ่ง ดังนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ สิ่งที่ควรสั่งสมไปทุกภพทุกชาติ นั่นก็คือ กุศล (รวมถึงการอบรมเจริญปัญญา ในชีวิตประจำวันด้วย)