อสุภกรรมฐานจำเป็นมากๆ
การพิจารณาว่ากายนี้เป็นแค่ธาตุ เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ด้วยเหตุปัจจัยหลายอย่าง แต่สำหรับผม และเพื่อนๆ ที่มากด้วยราคะ หลงใหลในกามารมณ์ ยากที่จะเข้าถึงธรรมที่ ละเอียดลึกซึ้งขนาดนั้น แต่แค่อยากได้อสุภกรรมฐานบ้าง ช่วยแนะหน่อยครับ ในสังคม ปัจจุบันที่เต็มไปด้วยสิ่งยั่วอารมณ์มากมาย เพื่อว่า จิตใจจะได้ไม่เศร้าหมองมากครับ
ขอบคุณครับ
อสุภกรรมฐานหรือกายคตาสติ หรือปฏิกูลมนสิการ มีอธิบายไว้ในอรรถกถาหลายแห่งและในคัมภีร์วิสุทธิมรรคก็มีเช่นกัน แต่ต้องทราบความจริงว่า ใช่ว่าทุกคนจะต้องเจริญอสุภะกันทั้งหมด
ที่สำคัญคือ การจะเข้าถึงธรรมที่ละเอียดลึกซึ้งนั้น ต้องอาศัยการฟังการศึกษาพระธรรมอย่างละเอียด แล้วค่อยๆ เข้าใจ เข้าถึงทีละเล็กทีละน้อย ถ้ามัวแต่ไปเพ่งอสุภะอยู่ ท่านจะเข้าใจธรรมะที่กำลังมีกำลังปรากฏได้อย่างไร พระภิกษุในสมัยครั้งพุทธกาลท่านไม่ได้เจริญอสุภะเพียงอย่างเดียว แต่ท่านศึกษาพระธรรมในสำนักของพระอุปัชฌาย์อย่างละเอียด อย่างน้อย ๕ พรรษา คือ ท่านเข้าใจสภาพธรรมที่กำลังปรากฏด้วย คนในยุคนี้จะไปทำตามโดยขาดความรู้ความเข้าใจย่อมไม่สามารถสำเร็จมรรคผลเหมือนกับท่านได้
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
เหมือนจะเลือก กรรมฐานตามใจชอบได้ แต่ให้เข้าใจว่าหากไม่มีความเข้าใจเบื้องต้น ในเรื่องของธรรม ในเรื่องความเป็นอนัตตาแม้ในเรื่องของอสุภกรรมฐานแล้ว ก็เข้าใจ ผิดคิดว่าเป็นกรรมฐาน คิดว่ากำลังอบรมเจริญกรรมฐานอยู่ ดังนั้นควรเข้าใจ อบรม ปัญญาขั้นการฟังเป็นเบื้องต้น เรากำลังถูกโลภะความต้องการที่จะหนีจากกิเลส เดือดร้อนที่กิเลสเกิดขึ้น หาวิธีหากไม่มีความเข้าใจว่าธรรมเป็นอนัตตา ไม่สามารถเลือกให้ เป็นกรรมฐานนั้น กรรมฐานนี้ก็ไม่มีทางที่จะอบรมปัญญาเพื่อดับกิเลสได้เลย กลับมาตั้ง ต้นใหม่กับคำว่า ธรรมคืออะไรก่อนครับ เมื่อปัญญาเจริญขึ้น ปัญญานั้นเองจะทำหน้าที่รู้ ตามความเป็นจริงโดยนัยต่างๆ นั่นก็เป็นกรรมฐานแล้วครับ
ขออนุโมทนา
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์