บุญ สามารถส่งผ่านด้วยการระลึกถึงได้หรือไม่
สวัสดีค่ะเพิ่งมาเป็นสมาชิกใหม่ รบกวนด้วยค่ะ
๑. อยากทราบว่าการที่เราทำบุญ หรือใส่บาตร แล้วเราระลึกถึงคนที่เราต้องการให้เขา มาทำบุญกับเรา เขาจะได้บุญไหมคะ
๒. หรือการอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ซึ่งเราไม่เคยรู้จักโดยส่วนตัว แต่รู้จักผ่านคำบอกเล่า ไม่ทราบว่าผู้ที่ล่วงลับจะได้รับส่วนกุศลนี้หรือไม่
๓. คนหนึ่งทำบุญและกรวดน้ำ แต่อีกคนไม่ได้ไปทำบุญ แต่กรวดน้ำ อย่างนี้ใครจะได้รับคะ
ขอบคุณค่ะ
๑. เขาจะได้บุญต่อเมื่อเขาเกิดกุศลจิตอนุโมทนาในบุญนั้น
๒. ถ้าอุทิศส่วนบุญโดยเจาะจงชื่อเขา เมื่อเขารับทราบแล้วอนุโมทนา ชื่อว่าได้รับครับ
๓. ที่ถูกต้องคือ คนที่ทำบุญควรจะกรวดน้ำ (อุทิศส่วนบุญ) ส่วนคนที่ไม่ได้ทำควรจะอนุโมทนาในส่วนบุญที่เขาทำครับ
ขอเชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมที่ ...
ขอบคุณค่ะ และขอบคุณสำหรับข้อมูลบุญใหม่ๆ ด้วยค่ะ
อนุโมทนาค่ะ
๑) เมื่อระลึกถึงคนที่เราต้องการให้มาทำบุญกับเรา แต่เขาไม่รู้ เขาก็จะไม่ได้บุญครับ เราทำบุญตักบาตรแล้วบอกให้เขารู้และเขาอนุโมทนาในการทำบุญ เขาก็จะได้บุญ ครับ
๒) ได้ครับได้ เช่นกล่าวว่า อุทิศส่วนกุศลให้บิดามารดาทั้งในชาตินี้และอดีตอนันตชาติ ถ้าหลายๆ ท่านบิดามารดารู้การอุทิศบุญนี้และอนุโมทนา ก็ได้บุญครับ
๓) คนที่ได้รับเป็นคนที่รู้การอุทิศกุศลโดยการกรวดน้ำและอนุโมทนา คนที่ไม่ได้ทำบุญแต่กรวดน้ำก็ไม่มีบุญจะอุทิศ คนจะรับก็ผิดหวัง ครับ
๑. เราอุทิศส่วนกุศลไปให้เขา เขาจะได้รับหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับภพฎมิ เช่น ถ้าเขาไป เกิดเป็นเทวดา เขารู้เขาก็สามารถอนุโมทนาได้ค่ะ
๒. ถ้าเทวดาเห็นมนุษย์ทำกุศล แล้วเกิดกุศลจิตอนุโมทนาได้ค่ะ ขึ้นอยู่กับการสั่งสม ด้วย อย่างเช่น ถ้าเราเห็นใครทำความดี เราก็ยินดีอนุโมทนา หรือบางครั้งก็เฉยๆ ค่ะ
๓. คนที่ทำกุศลแล้วเป็นผู้อุทิศส่วนบุญค่ะ เปรียบเหมือนคนที่ไม่ได้ทำความดี จะให้เขายินดีได้อย่างไรค่ะ
๑. บุญอยู่ที่จิต จิตของใครก็ของคนนั้น บุญของใครก็ของคนนั้นปัญญาของใครก็ของ คนนั้นจึงต้องเข้าใจก่อนว่า สัตว์ทั้งหลายมีกรรรมเป็นของๆ ตนคือ กรรมคือบุญหรือบาป ของเฉพาะตนครับ
๒. ไม่ว่าใครก็ตามเกิดกุศลจิตอนุโมทนาก็สามารถได้รับผลของบุญที่อุทิศให้ได้ครับ
๓. อนุโมทนาในกุศล ไม่ได้ทำกุศล ก็ไม่มีสิ่งที่ให้ยินดี
อนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
บุญเป็นเครื่องชำระจิตใจให้สะอาด เป็นเครื่องชำระอกุศล เป็นเครื่องตัดซึ่งความชั่ว ขณะใดก็ตามที่จิตเกิดขึ้นเป็นกุศลประเภทต่างๆ ขณะนั้นเป็นบุญ บุญจึงไม่ได้อยู่ที่อื่นแต่อยู่ที่จิต เพราะขณะนั้นเป็นจิตใจที่ดีงาม ในชีวิตประจำวันเมื่อได้เจริญกุศลประการต่างๆ แล้ว ได้อุทิศส่วนกุศล มีความปรารถนาดี เพื่อให้ผู้อื่นได้เกิดกุศลจิตอนุโมทนา (ยินดีในกุศลที่เราได้ทำ) ขณะนั้นก็เป็นบุญ ส่วนผู้อื่นจะเกิดกุศลจิตอนุโมทนาหรือไม่นั้น ย่อมขึ้นอยู่กับการสั่งสมมาของบุคคลผู้นั้น ซึ่งไม่สามารถที่จะบังคับบัญชาอะไรได้ ถ้าเขาเกิดกุศลจิตอนุโมทนาก็เป็นกุศลจิตของบุคคลนั้นเอง เมื่อไม่ได้กระทำกุศลไม่ได้เจริญกุศลด้วยตนเอง ก็ไม่ควรที่จะไปอุทิศเพราะไม่มีอะไรจะไปอุทิศ แต่ควรที่จะอนุโมทนาในกุศลจิตของบุคคลผู้ที่ได้ทำกุศล ครับ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ
๑. การทำบุญกุศลทั้งปวง เขารู้ (เปรตบางชนิด มนุษย์ เทวดา พรหม) นอกนั้นรับบุญไม่ได้ โดยเขายินดีในบุญที่เราทำและอนุโมทนากับบุญที่เราทำเขาก็ได้
๒. เรื่องการกรวดน้ำ ผมว่าจำๆ และกระทำกันตามๆ มามากกว่า
การกรวดน้ำแล้วอุทิศ ในสมัยพระเจ้าพิมพิศาล ในตอนนั้นคือการหลั่งน้ำล้างพระบาทพระพุทธองค์ ก็ได้บุญ อีกนัยหนึ่งคงเพื่อให้จิตเรามีสมาธิในบุญที่เราจะอุทิศให้แก่ญาติที่ล่วงลับไปแล้ว จริงๆ แล้วการให้ทานของที่ออกจากมือเราไป บุญได้เกิดขึ้นแล้ว ดังเรื่องของนายนันทิยะ ให้วิหารทาน บุญได้เกิดที่เทวโลกเป็นวิมาน หากมีผู้ที่ยินดีในทานที่เราทำ เขาอนุโมทนา เขาก็ได้ส่วนแห่งบุญที่เราทำเช่นกัน อีกนัยหนึ่งบุญจริงๆ แล้วเ กิดตั้งแต่จิตเริ่มคิดให้ทานแล้วครับ มีพระไตรปิฏกกล่าวไว้หลายตอนครับ