ขันติ เป็นตบะอย่างยิ่ง
ขันติ เป็น ตบะอย่างยิ่ง
พระพุทธพจน์นี้เตือนให้เราผู้ศึกษาธรรม มีความอดทนที่จะฟังให้เข้าใจต่อไปๆ ไม่เบื่อที่จะฟังซ้ำๆ ไม่ท้อแท้ แม้สติยังไม่เกิด เพราะพระอภิธรรมนั้น ละเอียดและลุ่มลึก ยากที่จะฟังให้เข้าใจแล้วสติเกิดระลึกสภาพธรรมตามความเป็นจริง ได้เร็วๆ ตามที่เราต้องการ เพราะนั่นคือ โลภะ ซึ่งเป็นสภาพธรรม ที่คอยลวงให้หลงทาง จึงทำให้ได้เห็นผู้คนมากมาย ที่ได้มีโอกาสมาฟังศึกษาธรรมจากท่านอ.สุจินต์แล้วก็หันไปหาทาง ที่จะทำให้สติเกิดเร็วๆ หรือหาทางที่จะละ ความโกรธ ความติดข้อง เพราะเห็นว่าฟังเป็นปีแล้วยังไม่ได้อะไรเลย หรือฟังนานแล้ว สติยังไม่เกิดเลย โกรธก็ยังเหมือนเดิม ติดข้องก็ยังมีมากอยู่ส่องให้เห็นถึงความไม่เข้าใจ และแสดงให้เห็นถึงความยาก ความละเอียดลึกซึ้งของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏอยู่เดี๋ยวนี้แต่ไม่รู้ เพราะการเข้าใจเพียงพยัญชนะและเรื่องราวของธรรม ยังไม่พอ ที่จะเป็นปัจจัยให้สติเกิดระลึกได้ แต่ต้องรู้ถึงอรรถและลักษณะ ของสภาพธรรมตามความเป็นจริงขณะนี้ เป็นปกติในชีวิตประจำวัน
ขันติเป็นตบะอย่างยิ่ง ระวังจะขันแตกเสียก่อน การที่จะประจักษ์แจ้งสภาพธรรมไม่ใช่ง่าย เมื่อไม่ง่ายก็ยาก แต่ที่ยากเพราะไม่มีปัญญาพอที่จะประจักษ์ คนที่ไม่มีปัญญาพอที่จะรู้ว่าเกลือเค็มอย่างไรยังมี แล้วอีกเมื่อไรจะประจักษ์ ผู้ประจักษ์มีแน่นอน แต่ในยุคนี้จะหาสักคนก็แสนยาก ถ้าจะเปรียบให้เห็นชัดกว่านี้อีก ก็เหมือนกับการเจริญสมถ ภาวนาจนได้ฌานจิตเกิด จะมีไหมในยุคนี้ ถ้ามีปัญญาทุกอย่างก็ง่าย ธรรมที่ว่ายากก็ไม่ยาก ประจักษ์แจ้งที่ว่ายากก็ไม่ยาก ปัญหาคือจะมีปัญญาได้อย่างไร จึงควรเจริญปัญญา ทีเขียนมานี้ไม่ใช่ให้หมดหวังหรือไม่ให้กำลังใจที่จะศึกษาธรรม แต่เป็นการเตือนให้สนใจมากขึ้น เพราะไม่สนใจหรือสนใจน้อยก็จะไม่ได้ประโยชน์ เพราะเมื่อได้เกิดมาเป็นเพื่อนร่วมโลกไม่ว่าจะเกิดเป็นอะไรก็แล้วแต่ การเจริญปัญญาโดยเจริญสติปัฎฐานเป็นสิ่งที่ดีเลิศไม่ว่าจะยากแสนยากหรือนานแสนนานขนาดไหน จึงไม่ใช่ประเด็นของความอดทน แต่เป็นการประพฤติปฎิบัติเพื่อชีวิตที่ดีจนนิพพาน ครับ
ที่ไม่อดทนเพราะคงจะลืมไปว่า ผู้ที่ทรงอดทนบำเพ็ญพระบารมีมาถึง ๔ อสงไขยแสนกัปป์ทรงอดทนอย่างยากลำบากและยาวนานเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ใคร? ถ้าไม่ใช่เพื่อผู้ที่อดทนมา ๑ อสงไขย ๑๐๐,๐๐๐ กัปป์เพื่อผู้ที่อดทนมา ๑๐๐,๐๐๐ กัปป์เพื่อผู้ที่อดทนมาหลายหมื่นกัปป์และเพื่อผู้ที่อดทนน้อยกว่านั้นที่ยังจะต้องอดทนบำเพ็ญบารมีต่อไปอีก
ขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ในชีวิตนี้ไม่มีอะไรที่จะประเสริฐเท่ากับการได้เข้าใจธรรม ได้รู้ความจริงของสภาพธรรมตามความเป็นจริง แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับการเข้าใจธรรม เพราะจะต้องเป็นผู้ตรงต่อตัวเองว่ายังไม่รู้ (ไม่ประมาทว่ารู้แล้ว) และกิเลสอกุศลก็ยังมีอยู่ครบ ดังนั้นผู้ที่เห็นประโยชน์ของพระธรรม เห็นคุณค่าของกุศลธรรมทั้งหลาย ถึงแม้ว่าจะยังมีกิเลสอกุศลอยู่ครบ ก็จะไม่ท้อถอย แต่จะมีความอดทนที่จะฟัง ที่จะศึกษาพระธรรมต่อไป เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องยิ่งขึ้น สั่งสมความเข้าใจไปทีละเล็กทีละน้อย ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป พร้อมทั้งเป็นผู้ไม่ประมาทในการเจริญกุศลทุกประการ ซึ่งจะเป็นไปเพื่อการขัดเกลากิเลสในชีวิตประจำวันด้วย ครับ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
อดทนด้วยกุศลจิตเพราะรู้ตามความเป็นจริงว่าเป็นหน้าที่ของธรรม ไม่ใช่เราที่จะทำให้เข้าใจ ไม่ใช่เราที่จะทำให้ปัญญาเจริญ ทุกอย่างเป็นไปตามเหตุปัจจัยของสภาพธรรมที่ปรุงแต่งให้ปัญญาค่อยๆ เจริญแต่ทีละเล็กละน้อย เมื่อเป็นหน้าที่ของธรรมย่อมไม่เดือดร้อนในการอบรมปัญญาเพราะไม่มีตัวเราไปจัดการให้เข้าใจครับ สะสมเหตุให้ปัญญาเจริญคือการฟัง เข้าใจก็เข้าใจ ไม่เข้าใจก็ไม่เข้าใจเพราะว่าเป็นหน้าที่ของธรรมจึงอดทนที่จะฟังพระธรรมต่อไปเพราะไม่มีหนทางอื่นเลยที่จะดับกิเลสนอกจากการเริ่มที่ถูกต้องคือฟังให้เข้าใจ ขออนุโมทนาครับ ..
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์