ความละเอียดของ รูปธรรม-นามธรรม
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
สนทนาธรรมกับชาวกัมพูชาโดย อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
เรื่องของจิต เป็นเรื่องที่ละเอียด ทุกคนมีจิต กำลังเห็น ก็เป็นจิตแต่เราก็ต้องพูดกัน เรื่องของจิต จนกว่าจะรู้ชัดจริงๆ เมื่อยังไม่ประจักษ์ ในลักษณะของจิต ก็ต้องฟังบ่อยๆ
ที่ว่า จิต เป็นสภาพธรรม ที่รู้อารมณ์ แสดงให้เห็นว่า จิต และ อารมณ์ จะปราศจากกันไม่ได้
พระผู้มีพระภาค ทรงแสดงว่า ในขณะที่เห็นรูป ได้ยินเสียง ได้กลิ่น ลิ้มรส กระทบสัมผัส รูป ต้องเกิดก่อน เพราะว่า รูป เป็น ปุเรชาตปัจจัย หมายถึง เป็นปัจจัย โดยต้องเกิดก่อน แล้วจึงกระทบปสาทรูป แต่ทันที ที่กระทบปสาทรูปนั้น ยังไม่เห็น ยังไม่ได้ยิน ฯลฯ เวลาที่รูปเกิด โดยยังไม่กระทบกับจิต ก็ตาม หรือ รูปเกิด พร้อมกับภวังคจิต ก็ตาม ในขณะนั้น จิตยังไม่เห็นรูป ยังไม่ได้ยินเสียง
แม้กระนั้น ถ้าพูดถึง ระหว่าง จักขุวิญญาณจิต ที่เห็น กับ สิ่งที่ปรากฏทางตา หรือ ระหว่างโสตวิญญาณจิต ที่ได้ยิน กับ เสียงที่ปรากฏทางหูรูป ต้องเกิดก่อนโดยเป็น ปุเรชาตปัจจัย
อารมณ์ มีหลายอย่าง ต้องเข้าใจว่าอารมณ์ ไม่ใช่มีแต่รูป เท่านั้น และ ที่กล่าวว่า รูป เป็นปุเรชาตปัจจัย คือ เป็นปัจจัย โดยการเกิดก่อน นั้นหมายถึง รูป ที่ปรากฏทางทวาร ทั้ง ๕ เช่น ขณะที่เห็น รูป เกิดก่อน แล้วรูป จึงกระทบ จักขุปสาท แล้วจิตเห็น จึงเกิดขึ้นทีหลัง
โดยสภาพธรรม ตามความเป็นจริงนั้นรูป กับ นาม แยกขาดจากกัน รูป ก็เกิดดับ ไปตามปัจจัย ของรูป เพราะปัจจัย หรือ สมุฏฐานให้เกิดรูป มี ๔ ประการ คือ
รูป เกิดเพราะ กรรม ๑
รูป เกิดเพราะ จิต ๑
รูป เกิดเพราะ อุตุ ๑
รูป เกิดเพราะ อาหาร ๑
ไม่ว่าจิต จะรู้รูปนั้น หรือไม่ รูปนั้น ก็ต้องเกิดดับ ตามสมุฏฐานของตน เพราะฉะนั้นการที่จะกล่าวถึงธรรม ก็ต้องกล่าวโดยละเอียด เช่น รูป ที่เกิดเพราะกรรม คือ กัมมชรูป กัมมชรูป นั้น เกิดตั้งแต่ขณะ ปฏิสนธิจิต เรื่อยมา กัมมชรูป ที่เกิดพร้อมกับปฏิสนธิจิต ต้องอาศัยปฏิสนธิจิตเป็นปัจจัย จึงเกิดขึ้น หลังจากนั้นแล้วกัมมชรูป ก็เกิดเพราะกรรม เป็นปัจจัยไม่อาศัย จิต เป็นปัจจัย อีกเลย
รูป ที่เกิดเพราะ จิต เป็นสมุฏฐานนั้น เกิดพร้อมกับ อุปาทขณะ ของจิตแสดงว่า เป็นรูป แต่ละชนิด ที่เกิดจากสมุฏฐาน ที่ต่างกัน ฉะนั้น ขณะที่รูปหนึ่งรูปใด เป็นอารมณ์ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ รูปนั้น ก็เกิดตามปัจจัย คือ สมุฏฐาน ของรูปนั้นและนาม ก็เกิด ตามปัจจัย ของนาม นั้นๆ เช่น จิต ที่เกิดขึ้น แล้วดับไปเป็น อนันตรปัจจัย ให้จิตขณะต่อไป เกิดขึ้น
อนันตรปัจจัย คือ จิตและเจตสิก ที่ดับไปแล้ว เป็นปัจจัย ให้จิตและเจตสิก ขณะต่อไปเกิดขึ้น นามธรรม เท่านั้น ที่เป็น อนันตรปัจจัย รูปธรรม ไม่เป็น อนันตรปัจจัย ดังนั้น รูปธรรม กับ นามธรรม ต้องแยกกัน เพราะแม้แต่สมุฏฐาน ที่ทำให้เกิด รูปธรรม ก็ต่างกัน และเหตุปัจจัย ที่ทำให้เกิด นามธรรม ก็ต่างกัน
ขออนุโมทนา
ขออุทิศกุศลแด่สรรพสัตว์