การศีกษาสิ่งที่เรารู้ไม่ได้มีประโยชน์หรือไม่

 
Sam
วันที่  4 ก.ย. 2552
หมายเลข  13456
อ่าน  1,434

รูปธรรมมีถึง ๒๘ แต่เรารู้ได้จริงๆ เพียง ๗ รูปเท่านั้น ส่วนนามธรรมทั้งจิต ๘๙

และเจตสิก ๕๒ นั้น เรารู้จริงๆ ได้ก็ไม่เท่าไร... ทำให้ผมคิดว่าพระธรรมที่ทรงแสดง

ไว้โดยละเอียดนั้น ส่วนใหญ่เป็นสิ่งที่เกินความสามารถของพวกเราในยุคนี้ที่จะรู้ได้

จริงๆ ถ้าเป็นดังนี้แล้ว การศึกษาชื่อและเรื่องราวที่เรารู้ไม่ได้จะมีประโยชน์หรือไม่ครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 4 ก.ย. 2552

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

ก่อนจะไปประเด็นเรื่อง การศึกษาชื่อและเรื่องราวที่เรารู้ไม่ได้จะมีประโยชน์หรือไม่

ก็ต้องกลับมาว่าจุดประสงค์ของการศึกษาธรรมที่ถูกต้องคืออะไรก่อนครับ จุดประสงค์

ของการศึกษาธรรมที่ถูกต้องคือเพื่อละ ละอะไร ละกิเลส แต่ต้องเป็นไปตามลำดับคือ

ละความเห็นผิดว่าเป็นเรา เป็นสัตว์ บุคคล เริ่มจากการฟังธรรมให้เข้าใจ ว่าธรรมคือ

อะไร ซึ่งจะละกิเลสก็ต้องเป็นปัญญา โดยเริ่มจากการฟังให้เข้าใจ คราวนี้เราก็ทราบจุด

ประสงค์ที่แท้จริงแล้วว่าการศึกษาธรรมที่ถูกต้องนั้นคืออะไร เพราะฉะนั้น ในการศึกษา

พระไตรปิฎกที่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าเพื่ออะไร ก็เพื่อละ ละกิเลส ละความเห็นผิด

ว่าเป็นเรา โดยนัยตรงกันข้าม ศึกษาเพื่อได้ อยากรู้ โดยถูกโลภะมาแนบเนียน ขณะนั้น

ถูกต้องหรือไม่ เป็นไปเพื่อให้สติเกิดระลึกลักษณะของสภาพธรรม อันเป็นไปเพื่อละ

ความเห็นผิดหรือไม่ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 4 ก.ย. 2552

กลับมาที่ประเด็นที่ว่า

การศึกษาชื่อและเรื่องราวที่เรารู้ไม่ได้จะมีประโยชน์หรือไม่ครับ

ผู้ที่มีความมั่นคงในเรื่องของการเข้าใจสภาพธรรมจริงๆ ไม่ว่าศึกษาในส่วนใด ก็

ไม่ลืมเสมอว่าก็เป็นสภาพธรรมในขณะนี้ ตรงนี้สำคัญมาก แต่ไม่ใช่การไปหา ไปขวน-

ขวายหาชื่อ ขณะนั้นกำลังมั่นคงหรือเปล่าว่าเพื่อเข้าใจสภาพธรรมในขณะนี้ หรืออยากรู้

เท่านั้น ศึกษาส่วนใดก็เพื่อละ มั่นคงว่าเป็นธรรม สิ่งใดรู้ไม่ได้และเกินกำลังปัญญา ก็

ศึกษาเท่าที่รู้ได้ตามกำลังปัญญา นั่นคือสภาพธรรมที่มีในขณะนี้นั่นเองที่ควรศึกษา

และต้องไม่ลืมว่าที่เรากำลังศึกษา จิตอย่างละเอียด รูปอย่างละเอียดในขณะนั้น เพื่อที่จะเข้าใจธรรมจริงในขณะนี้จริงๆ หรือเปล่า ก็ต้องเป็นผู้ตรง จะเป็นประโยชน์ไม่เป็นประโยน์ก็ตรงนี้ครับ

นางวิสาขาเรียนอภิธรรมไหมตอนได้เป็นพระโสดาบันตอน 7 ขวบ แต่ท่านรู้ตัว

อภิธรรมในชีวิตประจำวัน ดังนั้นการเรียนอภิธรรม ไม่ใช่การท่องจำ พยายามรู้ให้ได้

มากๆ นั่นย่อมไม่เป็นประโยชน์ตามที่ประเด็นกระทู้กล่าวไว้ แต่การศึกษาอภิธรรมเพื่อ

เข้าใจสภาพธรรมในขณะนี้ ย่อมเป็นประโยชน์ เพราะประโยชน์คือการรู้ลักษณะของ

สภาพธรรมในขณะนี้เพื่อละความเห็นผิดว่าเป็นเรานั่นเอง

จึงควรเข้าใจคำว่าศึกษาที่ถูกต้อง (จุดประสงค์ที่ถูกต้องคือเพื่อรู้ลักษณะธรรมใน

ขณะนี้) คำว่าประโยชน์ที่ถูกต้อง (การรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่มีในขณะนี้ไม่ใช่การจำ

ชื่อเรื่องราว) ก็จะเข้าใจในประเด็นที่ถามนั่นเอง และตามทีได้กล่าวมาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
paderm
วันที่ 4 ก.ย. 2552

ข้อความจากกระทู้ คำเตือนจากท่านอาจารย์

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ได้ถามท่านอาจารย์ว่า ในชีวิตประจำวันมีรูปที่รู้ได้

เพียง ๗ รูปเท่านั้น แต่ผู้มีปัญญามากสามารถรู้ปสาทรูปได้ จึงกราบเรียนถามว่า

ต้องปัญญาขั้นไหนจึงจะรู้ปสาทรูปได้ คำตอบที่ได้ เป็นคำเตือนที่มีค่ายิ่ง หาก

ท่านอาจารย์ตอบว่าปัญญาขั้นนี้...ปัญญาขั้นนั้น... พอเราได้คำตอบ เราก็พอใจ

อีกไม่นานเราก็ลืม ลืมคำตอบที่เราอยากได้ แต่ท่านอาจารย์ให้ความเข้าใจ

ซึ่งไม่มีวันลืม พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ รู้ความจริงทุกๆ อย่าง

พระอริยบุคคล... ผู้มีปัญญาที่ได้สะสมมาเมื่อมีปัจจัยให้รู้ปสาทรูป ผู้นั้นก็รู้

เอง แล้วเราล่ะสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฎอยู่ขณะนี้ไม่ว่า ทางตา ทางหู ...

และทางใจ ยังไม่รู้เลย แล้วจะไปรู้ปสาทรูปได้อย่างไร จึงควรอบรมเจริญ

ปัญญารู้ลักษณะสภาพธรรมที่กำลังปรากฎเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เมื่อปัญญา

ถึงวาระที่สมบูรณ์ วันไหนก็วันนั้น... เพราะฉะนั้น "เลิกหวัง " แต่ให้ค่อยๆ

เข้าใจ ยิ่งฟังยิ่งเข้าใจ ฟังแล้วให้เข้าใจสิ่งที่กำลังฟังซึ่งเป็นหนทางเดียว...

ฟังเรื่องสภาพธรรมที่กำลังมีอยู่ จนกว่าจะรู้ว่า เป็นเพียงธรรมไม่ใช่เรา ไม่ว่า

ทางตา ทางหู....และทางใจ ขออนุโมทนาค่ะ

เชิญคลิกฟังที่นี่

พื้นฐานอภิธรรมอยู่ที่ไหน

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
h_peijen
วันที่ 5 ก.ย. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
พุทธรักษา
วันที่ 5 ก.ย. 2552

เป็นหัวข้อที่น่าสนใจ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
พุทธรักษา
วันที่ 5 ก.ย. 2552

ขออนุญาตแสดงความเห็นส่วนตัว...ซึ่ง เข้าใจ ว่า
การศึกษาเรื่องใดก็ตาม ควรทราบจุดประสงค์ (ของตนเอง) ว่า ศึกษาเพื่อ "ประโยชน์" อะไร.!เมื่อมั่นใจแล้ว ว่า เป็นหนทางที่ตรงกับจุดประสงค์ก็ควร "ศึกษาให้ถึงที่สุด"

ในระหว่าง การศึกษาเรื่องนั้นๆ ....ควรศึกษาอย่างละเอียด ไม่เผิน ไม่คิดเข้าข้างตัวเอง ว่า พอแล้ว...รู้แล้วเพราะความคิดเช่นนั้น...เป็นเครื่องขัดขวางให้หยุดที่จะก้าวหน้าต่อไปเพราะถ้าศึกษาเผินๆ .....ไม่ละเอียด จะ "เข้าใจอย่างลึกซึ้ง" ได้อย่างไร.?

เพียงแต่ ต้องรู้กำลังของตนเอง ว่าเข้าใจได้...แค่ไหน..อย่างไร.?มีเหตุปัจจัยอะไร ที่ทำให้ ลืมจุดประสงค์ที่แท้จริง ไปหรือเปล่า...?ไม่ลืม ว่า การศึกษาอย่างละเอียด รอบคอบนั้นๆ เกื้อกูลต่อ "ความเข้าใจ"อันเป็นเหตุ ให้ เกิดผล...คือ บรรลุจุดประสงค์ที่ตั้งไว้ หรือเปล่า.!

ที่สำคัญ........คำว่า "ประโยชน์" นั้น.......เป็นเรื่องเฉพาะตน.!เพราะเราอยู่ในโลกคนละใบ...............โลกแต่ละใบ ย่อมสั่งสมมาไม่เหมือนกันแม้เกื้อกูลกันได้.........ก็ต้องเป็นไป ตามเหตุ ตามปัจจัย....ค่ะ.

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
paderm
วันที่ 5 ก.ย. 2552

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

จากคำกล่าวที่ว่า

ที่สำคัญ........คำว่า "ประโยชน์" นั้น.......เป็นเรื่องเฉพาะตน.! เพราะเราอยู่ในโลกคนละใบ............... โลกแต่ละใบ ย่อมสั่งสมมาไม่เหมือนกัน แม้เกื้อกูลกันได้.........ก็ต้องเป็นไป ตามเหตุ ตามปัจจัย....ค่ะ.

การรู้ความจริงของสภาพธรรมที่มีในขณะนี้เป็นเรื่องเฉพาะตน เพราะต้องเป็นปัญญา

ของบุคคลนั้นเอง ส่วนคำว่าประโยชน์ในพระพุทธศาสนา ไม่เป็นเรื่องที่จะเปลี่ยนไป

ตามแต่ละคน เพราะเป็นสัจจะ หากเป็นเรื่องเฉพาะตนแล้ว แต่ละคนก็สำคัญในสิ่งที่ผิด

ว่าเป็นประโยชน์ หรือสำคัญว่าพอใจในสิ่งใด มีอัธยาศัยชอบในสิ่งใด สิ่งนั้นก็เป็น

ประโยชน์แล้ว ประโยชน์ไม่ได้ขึ้นอยู่กัยบอัธยาศัย แต่ประโยชน์ที่แท้จริงในการศึกษา

ธรรมคือต้องเป็นกุศลและที่สำคัญคือเป็นไปในการรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่มีในขณะ

นี้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา นี่คือประโยชน์ที่เป็นสัจจะ เป็นประโยชน์ที่แท้จริง เป็น

ประโยชน์ที่ถูกต้องในการศึกษาพระธรรม เพราะเป็นไปเพื่อละ ละความเห็นผิดว่าเป็น

เรา เป็นสัตว์ บุคคลตัวตน จนถึงการดับกิเลสในที่สุด

ที่สำคัญทุกคนก็กำลังมีโลกที่ไม่ต่างกันเลย คือโลกทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจที่สำคัญเป็นสิ่งที่ควรรู้ยิ่งด้วยอันเป็นไปเพื่อละความเห็นผิดว่าเป็นเรา เป็นสัตว์บุคคลกำลังมีในขณะนี้เองครับ เพราะทุกท่านจะไม่พ้นไปจากสภาพธรรม อันเป็นสิ่งที่ควรรู้

นั่นคือ พระอภิธรรมในชีวิตประจำวันครับ

เชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมที่นี่ครับจะทำให้เข้าใจว่า ประโยชน์ที่แท้จริงในการศึกษาธรรม

คืออะไร โดยจะไม่แปรเปลี่ยนไปตามแต่ละบุคคลเลย ประโยชน์ที่แท้จริงในการศึกษา

ธรรมเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น เชิญคลิกอ่านครับ

ประโยชน์อย่างแท้จริงของการศึกษาพระธรรม รู้ว่าเป็นอนัตตา..แต่ก็ยังยินดีเกื้อกูลอยู่

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
khampan.a
วันที่ 5 ก.ย. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
wannee.s
วันที่ 6 ก.ย. 2552

การศึกษาพระอภิธรรมมีประโยชน์คือทำให้รู้ความจริงของชีวิตว่า ธรรมทั้งหลายเป็น

อนัตตา มีเหตุปัจจัยจึงเกิด ต่อเมื่อมีปัญญาจึงจะรู้ว่าไม่มีสัตว์ บุคคล ตัวตนค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 6 ก.ย. 2552

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
พุทธรักษา
วันที่ 6 ก.ย. 2552

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
Sam
วันที่ 7 ก.ย. 2552

ขอขอบคุณทุกๆ ความคิดเห็น

และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
วิริยะ
วันที่ 7 ก.ย. 2552

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
ประสาน
วันที่ 7 ก.ย. 2552

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ