ขณะที่พระโสดาบันเจริญสติปัฎฐาน มีวิรตีเจตสิกเกิดร่วมด้วยหรือไม่
ขอเรียนถามท่านผู้รู้ช่วยให้ความกระจ่างด้วยค่ะว่า..
ตามที่ดิฉันเข้าใจว่า "พระโสดาบันเป็นผู้ไม่ล่วงศีล 5 ดังนั้นในขณะที่ท่านเจริญสติปัฏฐาน จึงควรมีวิรตีเจตสิกเกิดร่วมด้วย" นี้เป็นความเข้าใจที่ถูกต้องหรือไม่อย่างไรคะ
ขณะที่สติปัฏฐานเกิดเป็นมรรค 5 ถ้ามีวิรตีเจตสิกดวงใดดวงหนึ่งเกิดขึ้นทำกิจวิรัติใน ขณะนั้นก็เป็นมรรค 6 วิรตีเจตสิก 3 จะเกิดพร้อมกันตอนที่ทำกิจประหาณกิเลสเป็น สมุจเฉท มีพระนิพพานเป็นอารมณ์ ขณะนั้นมรรคทั้งแปดดวงจะเกิดพร้อมกันค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ
วิรตีเจตสิกเกิดกับมหากุศล ๘ และโลกุตตรจิต ๘ วิรตีเจตสิก ๓ ดวง
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ได้ความกระจ่างเพิ่มขึ้นอีกมากเลยค่ะ
ขอขอบพระคุณอย่างสูง และขอกราบอนุโมทนาค่ะ
ขอเชิญทุกท่านร่วมสนทนา
ขอเรียนถามท่านผู้รู้เพิ่มเติมว่า.." ถ้าอย่างนั้นแล้ว การเจริญสติปัฏฐานที่มีวิรตีเจตสิกเกิดร่วมด้วย ให้ผลไปในทางที่ส่งเสริมปัญญาให้คมกล้าขึ้น หรือปัญญาที่คมกล้าขึ้นจากการเจริญสติปัฏฐานส่งผลให้วิรตีเจตสิกเกิดบ่อยขึ้น หรือส่งเสริมซึ่งกันและกันเป็นอย่างไหนกันแน่คะ หรือว่าผิดทั้งหมด" ขอความรู้เพิ่มเติมด้วยค่ะ จากความไม่รู้จริงๆ
จากความคิดเห็นที่ 6
ความเข้าใจธรรม และการอบรมเจริญสติปัฏฐาน ย่อมเกื้อกูลต่อกุศลทุกประการและ กุศลทุกประการก็เกื้อกูลต่อสติปัฏฐานด้วยเช่นเดียวกัน ย่อมเกื้อกูลซึ่งกันและกันที่สำคัญ คือ ความเข้าใจถูกเห็นถูก นั่นเอง ปกติในชีวิตประจำวันสำหรับผู้ที่ยังหนาแน่นไปด้วยกิเลส อกุศลย่อมเกิดมากกว่ากุศล เพราะฉะนั้นจึงไม่ควรประมาทในการเจริญกุศลทุกประการ ตามกำลังของตน กิเลสที่มีมาก ถ้าไม่อาศัยการขัดเกลาไปทีละเล็กทีละน้อย พร้อมกับการอบรมเจริญปัญญาแล้ว กิเลสจะลดน้อยลงจนกระทั่งถึงการดับหมดสิ้นได้อย่างไร มุ่งเจริญสติปัฏฐานเพียงอย่างเดียวไม่พอ ครับ
ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ
มุ่งเจริญสติปัฏฐานอย่างเดียว ไม่พอ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ในชีวิตประจำวันกุศลยังเกิดยากเลย แล้วจะเจริญสติปัฏฐานอย่างเดียวยิ่งยากใหญ๋ ต้องอาศัยการฟังธรรมทุกๆ วัน ฟังบ่อยๆ เนืองๆ ตั้งใจฟัง ฟังแล้วเข้าใจ ก็จะเป็น ปัจจัยให้สังขารขันธ์ปรุงแต่งให้ปัญญาและกุศลทุกอย่างค่อยๆ เจริญขึ้นตามลำดับค่ะ