ปเจตนสูตร ... วันเสาร์ ๑๔ ส.ค. ๒๕๕๓

 
บ้านธัมมะ
วันที่  9 ส.ค. 2553
หมายเลข  16892
อ่าน  1,769

••• ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย ••

... สนทนาธรรมที่ ...

มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา

พระสูตร ที่นำมาสนทนาที่มูลนิธิฯ

วันเสาร์ ๑๔ ส.ค. ๒๕๕๓ เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๒.๐๐ น. คือ

ปเจตนสูตร (ว่าด้วยความคดของไม้กับความคดของคน)

จาก ... [เล่มที่ 34] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต เล่ม ๓๔ - หน้า ๔๑ - ๔๕

... นำสนทนาโดย ...

ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และคณะวิทยากร

[เล่มที่ 34] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต เล่ม ๓๔ - หน้า ๔๑ - ๔๕

๕. ปเจตนสูตร (ว่าด้วยความคดของไม้กับความคดของคน)

[๔๕๔] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ อิสิปตนมิคทายวัน ใกล้กรุงพาราณสี พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายในที่นั้นแล ด้วยพระพุทธดำรัสว่า ภิกฺขโว (ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย) ภิกษุเหล่านั้นกราบทูลขานรับต่อพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยคำว่า ภทนฺเต (พระพุทธเจ้าข้า) แล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสพระธรรม-เทศนานี้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว ยังมีพระราชา ทรงพระนามว่า ปเจตนะ ครั้งนั้น พระเจ้าปเจตนะ ตรัสเรียกช่างทำรถมารับสั่งว่า แน่ะสหายช่างทำรถ แต่นี้ล่วงไป ๖ เดือน สงความจักมีแก่ข้า เจ้าอาจทำล้อรถใหม่คู่หนึ่งให้ข้าได้หรือไม่?ช่างทำรถทูลรับต่อพระเจ้าปเจตนะว่า ได้พระเจ้าข้า. ครั้งนั้น ช่างทำรถ ทำล้อได้ข้างเดียวสิ้นเวลาถึง ๖ เดือน หย่อนอยู่ ๖ วัน (คือ ๕ เดือน ๒๔ วัน) พระเจ้าปเจตนะ จึงตรัสเรียกช่างทำรถมารับสั่งถามว่า แน่ะสหายช่างทำรถ แต่นี้ล่วงไป ๖ วัน สงครามจักเกิดละ ล้อรถคู่ใหม่สำเร็จแล้วหรือ? ช่างทำรถ ทูลว่า ขอเดชะ โดยเวลา ๖เดือนหย่อนอยู่ ๖ วันนี้ ล้อสำเร็จได้ข้างเดียว. พระราชารับสั่งว่า ก็เจ้าจะทำล้อข้างที่๒ ให้สำเร็จโดยเวลา ๖ วันนี้ได้หรือไม่? ช่างทำรถ ทูลรับว่า ได้ แล้วก็ทำล้อข้างที่๒ สำเร็จโดยเวลา ๖ วัน แล้วนำล้อคู่ใหม่ไปเฝ้าพระเจ้าปเจตนะ ครั้นเข้าไปถึงแล้วกราบทูลว่า นี่พระเจ้าข้า ล้อรถคู่ใหม่ของพระองค์สำเร็จแล้ว. พระราชา รับสั่งว่าสหายช่างทำรถ ล้อข้างที่ทำแล้ว ๖ เดือนหย่อน ๖ วัน กับ ล้อข้างที่ทำแล้ว ๖ วัน นี้ต่างกันอย่างไร ข้าไม่เห็นความต่างกันสักหน่อย. ช่างทำรถ ทูลว่า มีอยู่ พระเจ้าข้าความต่างกันของล้อทั้งสองนั้น ขอเชิญพระองค์ทอดพระเนตรความต่างกัน ว่าแล้วช่างทำรถก็หมุนล้อข้างที่ทำแล้ว ๖ วัน มันกลิ้งไปพอสุดกำลังหมุนแล้วก็ตะแคงล้มลงดิน แล้วก็หมุนข้างที่ทำ ๖ เดือนหย่อน ๖ วัน มันกลิ้งไปสุดกำลังหมุนแล้วก็ตั้งอยู่ราวกะติดอยู่กับเพลา. พระเจ้าปเจตนะตรัสถามว่า เหตุอะไร ปัจจัยอะไร สหายช่างทำรถ ล้อข้างที่ทำแล้ว ๖ วันนี้ กลิ้งไปสุดกำลังหมุนแล้วจึงตะแคงล้มลงดิน, เหตุอะไร ปัจจัยอะไรสหายช่างทำรถ ล้อข้างที่ทำแล้ว ๖ เดือนหย่อน ๖ วันนั้น กลิ้งไปสุดกำลังหมุนแล้วจึงตั้งอยู่ราวกะติดอยู่กับเพลา.

ช่างทำรถ ทูลชี้แจงว่า ข้าแต่สมมติเทพ ล้อข้างที่ทำแล้ว ๖ วันนี้ กงของมันก็ประกอบด้วยไม้ที่คด ที่มีโทษ ที่มีกสาวะ (คือเป็นไม้ที่แก่นและกระพี้ ยังมียาง) กำ ... ดุมก็ประกอบด้วยไม้ที่คด ที่มีโทษที่มีกสาวะ เพราะความที่กง ... กำ ... ดุมประกอบด้วยไม้ที่คด ที่มีโทษ ที่มีกสาวะ มันกลิ้งไปสุดกำลังหมุนแล้วจึงตะแคงล้มลงดินส่วนล้อข้างที่ทำแล้ว ๖ เดือนหย่อน ๖ วัน กงของมันไม่มีคด ไม่มีโทษ ไม่มีกสาวะ กำ ... ดุมก็ไม่มีคด ไม่มีโทษ ไม่มีกสาวะ เพราะความที่กง ... กำ ... ดุม ไม่มีคดไม่มีโทษ ไม่มีกสาวะ มันกลิ้งไปสุดกำลังหมุนแล้วจึงตั้งอยู่ได้ราวกะติดอยู่กับเพลา.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายคงนึกอย่างนี้ว่า ช่างทำรถ คราวนั้นเป็นคนอื่นเป็นแน่ แต่เธอทั้งหลายอย่าเข้าใจอย่างนั้น เราเองเป็นช่างทำรถสมัยนั้น ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อครั้งนั้น เราเป็นผู้ฉลาดต่อความคดของไม้ โทษของไม้ กสาวะของไม้ แต่กาลบัดนี้ เราเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นผู้ฉลาดต่อความคดทางกาย ... ทางวาจา ... ทางใจ ต่อโทษ ... ต่อมลทิน ทางกาย ... ทางวาจา ... ทางใจ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความคด ... โทษ ... มลทินทางกาย ... ทางวาจา ... ทางใจของผู้ใดผู้หนึ่ง ภิกษุก็ตาม ภิกษุณีก็ตาม ยังละไม่ได้แล้ว ภิกษุ ภิกษุณีเหล่านั้นก็ตกไปจากพระธรรมวินัยนี้ เหมือนล้อรถที่ทำแล้ว ๖ วัน ฉะนั้น ความคด ... โทษ ... มลทินทางกาย ... ทางวาจา ... ทางใจ ของผู้ใดผู้หนึ่ง ภิกษุก็ตาม ภิกษุณีก็ตาม ละได้แล้ว ภิกษุ ภิกษุณีเหล่านั้น ก็ตั้งมั่นอยู่ในพระธรรมวินัยนี้ได้ เหมือนล้อรถที่ทำแล้ว ๖ เดือนหย่อน ๖ วันฉะนั้น. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้น เธอทั้งหลาย พึงศึกษาในข้อนี้อย่างนี้ว่า เราทั้งหลายจักละความคดทางกาย โทษทางกาย มลทินทางกาย จักละความคดทางวาจา โทษทางวาจา มลทินทางวาจา จักละความคดทางใจ โทษทางใจ มลทินทางใจ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลาย พึงศึกษาอย่างนี้แล.

จบปเจตนสูตรที่ ๕

อรรถกถาปเจตนสูตร

พึงทราบวินิจฉัยในปเจตนสูตรที่ ๕ ดังต่อไปนี้ .- ความหมายของคำว่า อิสิปตนะ

บทว่า อิสิปตเน ความว่า อันเป็นที่ที่พวกฤาษี กล่าวคือพระพุทธเจ้า และพระปัจเจกพุทธเจ้า มาพัก เพื่อประกาศธรรมจักร และเพื่อต้องการทำอุโบสถอธิบายว่า เป็นสถานที่ประชุม. บาลีว่า ปทเน ดังนี้ก็มี ความหมายก็อย่างนี้เหมือนกัน. บทว่า มิคทาเย ความว่า ในป่าที่พระราชทานเพื่อต้องการให้เป็นสถานที่ที่ไม่มีภัยสำหรับเนื้อทั้งหลาย. บทว่า ฉหิ มาเสหิ ฉารตฺตูเนหิ ความว่า ได้ยินว่า ช่างรถนั้นจัดแจงอุปกรณ์ทุกชนิด แล้วเข้าป่าพร้อมด้วยอันเตวาสิก (ลูกศิษย์) ในวันที่ได้รับกระแสพระบรมราช-โองการเลยทีเดียว เว้นต้นไม้ที่ขึ้นอยู่ตามประตูหมู่บ้าน กลางหมู่บ้าน เทวสถาน และสุสานเป็นต้น และต้นไม้ที่ถูกไฟไหม้ ต้นไม้ล้มและต้นไม้แห้ง เลือกเอาต้นไม้ที่ขึ้นอยู่ในภูมิประเทศที่ดี ปราศจากโทษทั้งหมด สมควรใช้ทำดุม ซี่กำและกงได้ มาทำเป็นล้อรถนั้น เมื่อช่างไม้เลือกเอาต้นไม้มาทำเป็นล้อรถอยู่นั้น เวลาเท่านี้ ๖เดือนหย่อน ๖ ราตรี ก็ล่วงเลยไป ด้วยเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า ฉหิ มาเสหิ ฉารตฺตูเนหิ ดังนี้. บทว่า นานากรณ ได้แก่ ความแตกต่างกัน. บทว่า เนส ตัดบทเป็น น เอสํ แปลว่า เรามองไม่เห็นความแตกต่างของล้อเหล่านั้น. บทว่า อตฺเถสํ ตัดบทเป็น อตฺถิ เอส แปลว่า ข้าแต่สมมติเทพ ล้อทั้ง ๒ นั้นมีความแตกต่างกันอยู่. บทว่า อภิสงฺขารสฺส คติ ได้แก่ การหมุนไป. บทว่า จิงฺคุลายิตฺวา แปลว่า ตะแคงไป.บทว่า อกฺขาหต มญฺเ ความว่า เหมือนวางสอดเข้าไปในเพลา. บทว่า สโทสา

ความว่า มีปม คือประกอบด้วยที่สูงๆ ต่ำๆ . บทว่า สกสาวา ความว่า ติดแก่นที่เน่าและกระพี้. บทว่า กายวงฺกา เป็นต้น เป็นชื่อของทุจริตทั้งหลาย มีกายทุจริต เป็นต้น. บทว่า เอวํ ปปติตา ความว่า ตกไปโดยพลาดจากคุณความดีอย่างนี้. บทว่า เอวํปติฏฺิตา ความว่า ดำรงอยู่โดยคุณธรรมอย่างนี้. ในบรรดาบุคคลเหล่านั้นโลกิยมหาชน ชื่อว่าตกไปแล้ว จากคุณความดี. ส่วนพระอริยบุคคล มีพระโสดาบันเป็นต้น ชื่อว่า ตั้งมั่นอยู่แล้ว ในคุณความดี. แม้ในจำนวนของพระอริยบุคคล ๔ ประเภทเหล่านั้น พระอริยบุคคล ๓ ประเภทข้างต้น ชื่อว่าตกไปแล้วจากคุณงามความดีในขณะที่กิเลสทั้งหลายฟุ้งขึ้น. ส่วนพระขีณาสพ ชื่อว่าตั้งมั่นอยู่แล้วโดยส่วนเดียวโดยแท้. บทว่า ตสฺมา ความว่า เพราะเหตุที่พระอริยเจ้า ๓ ประเภทข้างต้น ผู้ยังละความคดทางกายไม่ได้ เป็นต้น จึงตกไป ส่วนพระขีณาสพทั้งหลาย ผู้ละความคดทางกายเป็นต้นได้แล้ว ย่อมตั้งมั่นอยู่ ในคุณความดี. อนึ่ง พึงทราบการละความคดทางกายเป็นต้น ดังต่อไปนี้ ก่อนอื่นอกุศลกรรมบถ๖ ข้อเหล่านั้น คือ ปาณาติบาต อทินนาทาน มิจฉาจาร มุสาวาท ปิสุณาวาจามิจฉาทิฏฐิ พระอริยบุคคลย่อมละได้ด้วยโสดาปัตติมรรค. สองอย่างคือ ผรุสวาจาพยาบาท จะละได้ด้วยอนาคามิมรรค, สองอย่างคือ อภิชฌา สัมผัปปลาปะ จะละได้ด้วยอรหัตตมรรค.

จบอรรถกถาปเจตนสูตรที่ ๕.


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 9 ส.ค. 2553

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ข้อความโดยสรุป

ปเจตนสูตร (ว่าด้วยความคดของไม้ กับ ความคดของคน)

พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงแสดงธรรมแก่พระภิกษุทั้งหลาย โดยเล่าเรื่องในอดีตเปรียบเทียบ ดังต่อไปนี้ คือ พระเจ้าปเจตนราช ทรงรับสั่งให้ช่างทำรถ ทำล้อรถ ๑ คู่ให้แล้วเสร็จภายใน ๖ เดือน เนื่องจากว่าสงครามจะเกิดขึ้นแล้ว ทำให้เสร็จเพื่อใช้ในศึกสงคราม ช่างทำรถ ได้ทำล้อรถข้างหนึ่งเสร็จ โดยใช้เวลา ๕ เดือน ๒๔ วันอีกข้างหนึ่งยังไม่ได้ทำเลย พระเจ้าปเจตนราชจึงตรัสสั่งให้ทำให้เสร็จภายใน ๖ วันช่างทำรถ ก็กระทำเสร็จภายในเวลา ๖ วัน แล้วนำไปถวาย พระเจ้าปเจตนราชได้ตรัสถามถึงความแตกต่างของล้อรถทั้งคู่ ช่างทำรถ ได้กราบทูลอธิบายว่า ล้อรถที่ทำในเวลา ๖ วัน คุณภาพไม่ดี แล่นไปหน่อยหนึ่งก็ล้ม เพราะไม้คด เป็นไม้มีปุ่มปม และเป็นไม้ที่แก่นและกระพี้ยังมียางอยู่ส่วนล้อรถที่ทำ ๕ เดือน ๒๔ วัน คุณภาพดี แล่นไปไม่มีล้ม เพราะไม้ไม่คด ไม่มีปุ่มปมและเป็นไม้ที่มีแก่นและกระพี้ไม่มียาง ต่อจากนั้น พระผู้มีภาคเจ้า ทรงแสดงว่า เมื่อครั้งนั้น พระองค์ ทรงเป็นช่างทำรถที่ฉลาดในความคด ปุ่มปม เป็นต้น ของไม้ แต่ปัจจุบัน พระองค์ทรงเป็นพระสัมมา-สัมพุทธเจ้า ทรงฉลาด คือ ทรงรู้ตามความเป็นจริง ในความคด โทษ และมลทินของกาย วาจา ใจ ผู้ที่ยังละความคด โทษ และมลทินของกาย วาจา ใจ ไม่ได้ ย่อมตกจากพระธรรมวินัย เหมือนล้อรถที่ทำ ๖ วัน ในทางตรงกันข้าม ผู้ที่ละความคด โทษและมลทินของกาย วาจา ใจได้แล้ว ย่อมดำรงมั่นในพระธรรมวินัย เหมือนล้อรถที่ทำ๕ เดือน ๒๔ วัน จึงควรอย่างยิ่งที่จะละความคด โทษ และมลทินทางกาย ทางวาจาและทางใจ ซึ่งได้แก่ กุศลกรรมบถ ๑๐ ประการ. ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมเพื่อความเข้าใจยิ่งขึ้นได้ที่นี่ ครับ อกุศลกรรมบถ ๑๐ [สังคีติสูตร]

ผู้ตรง...ไม่ลืมพิจารณาตนเอง ตรง เจตนากระทำอกุศลกรรมบถ ๑๐ ความประพฤติเสมอ ฯลฯ ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
hadezz
วันที่ 11 ส.ค. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
pamali
วันที่ 11 ส.ค. 2553

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
orawan.c
วันที่ 11 ส.ค. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
บัวขาว
วันที่ 12 ส.ค. 2553

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
อนุโมทนา
วันที่ 12 ส.ค. 2553
จัดประดับต้นเทียนได้สวยมากค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
เมตตา
วันที่ 14 ส.ค. 2553

ขอบคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
ruttikarn
วันที่ 14 ส.ค. 2553

ขอบคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ