สัทธา (1)
ข้อความบางตอนจากการบรรยายธรรมโดยท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์
สำหรับ สัทธา ก็เช่นเดียวกับ โสภณเจตสิก อื่นๆ ซึ่งยากที่จะสังเกตรู้ได้ แต่มีการกระทำที่แสดงให้เห็นถึง โสภณธรรม ในขณะนั้น ซึ่งก็จะต้องเป็นผู้ที่สังเกต จึงสามารถที่จะพิจารณา แล้วก็ค่อยๆ อบรมเจริญสัทธาขึ้น จากการฟังพระธรรมและพิจารณาตนเอง
สัทธาในกุศล มีมากมายหลายอย่าง เวลาที่เห็นจิตใจที่ดีงามของคนอื่น พร้อมกันนั้นก็พิจารณาตนเองได้ว่า ท่านมีจิตใจที่่ดีงามอย่างนั้นหรือไม่ อย่างถ้าเห็นบางคนที่เป็นผู้เอาใจใส่ญาติผู้ใหญ่ แล้วก็มีการช่วยเหลือเกื้อกูลสุขทุกข์ของท่าน มีวาจาที่ทำให้ท่านสบายใจ ถ้าเป็นผู้ที่ละเอียด ย่อมพิจารณาตนเองว่า ท่านได้ทำอย่างนั้นด้วยหรือเปล่า หรือเพียงแต่ชื่นชมอนุโมทนา ในกุศลจิตของคนอื่น ซึ่งเป็นผู้ที่มีจิตใจงาม สามารถที่จะทำได้อย่างนั้น
เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นผู้ที่ตรง นอกจากจะเป็นโสภณธรรม ซึ่งเป็นธรรมฝ่ายดี เป็นกุศลของบุคคลอื่นแล้ว ก็ยังควรที่จะน้อมมาพิจารณาตนเองว่า แล้วตนเองมีสัทธาที่จะกระทำอย่างนั้นแล้วหรือยัง ถ้าขณะใดที่ไม่ได้กระทำกุศลสิ่งหนึ่งสิ่งใด ซึ่งเห็นและพิจารณาแล้วว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่ยังไม่ได้กระทำ ก็เพราะว่าสัทธานั้นยังไม่ได้เกิดกับท่าน เพียงแต่ท่านรู้ว่าดีและชื่นชม เวลาที่คนอื่นกระทำ
เพราะฉะนั้น กุศลแต่ละอย่างนี้ ที่จะเพิ่มขึ้น ก็ต่อเมื่อ ท่านได้พิจารณา แล้วมีความตั้งใจที่จะเจริญสัทธา ในสิ่งที่ท่านอาจจะยังไม่เคยเกิด หรือว่า ยังไม่เคยกระทำเลย ให้เพิ่มขึ้นได้
เพราะฉะนั้น เมื่อได้ฟังพระธรรมแล้ว ก็พิจารณาตนเอง เพื่อที่จะให้สัทธา ในสิ่งที่ยังไม่เคยเกิด ได้เกิดเพิ่มขึ้น เช่น บางท่าน อาจจะเป็นคนที่ให้อภัยให้คนอื่นยาก และมักจะเห็นแต่อกุศลของคนอื่น ถ้าพิจารณาตนเอง แล้วก็ดูสัทธา เพียงสภาพธรรม ที่เป็นสัทธาว่าท่านมีสัทธา ที่จะให้อภัยหรือยัง เท่านั้นเองค่ะ มิฉะนั้นแล้วสัทธา ก็ไม่มีวันจะเกิด สัทธาก็จะไม่เพี่มขึ้น ต่อเมื่อใดพิจารณาแล้วเห็นว่ายังขาด สัทธา ในเรื่องนี้ ก็จะเป็นเหตุทำให้สัทธาในการที่จะให้อภัยให้คนอื่่นเกิดได้
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในไมตรีจิตของคุณหมอ ที่ให้ธรรมเป็นทาน เพื่อให้ผู้ศึกษาพระธรรมได้เข้าใจพระธรรมตามความเป็นจริง ครับ
ขอบคุณ คุณ คำปั่นมาก และอนุโมทนา ครับ ผมพยายามเจริญกุศลธรรมทานเท่าที่สามารถจะทำได้ เท่าที่มีเวลาและโอกาส เป็นความสุข ความปิติ อย่างยี่ง ครับ
"...ถ้าขณะใดที่ไม่ได้กระทำกุศลสิ่งหนึ่งสิ่งใด ซึ่งเห็นและพิจารณาแล้วว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่ยังไม่ได้กระทำ ก็เพราะว่าสัทธานั้นยังไม่ได้เกิดกับท่าน..."
"ต่อเมื่อใดพิจารณาแล้วเห็นว่ายังขาดสัทธาในเรื่องนี้ ก็จะเป็นเหตุทำให้ สัทธาในการที่จะให้อภัยให้คนอื่่น เกิดได้"
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ