ปราภวสูตร ... เสาร์ที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๓
•••..... ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย .....••• ... สนทนาธรรมที่ ...
•••..... มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา ....•••
พระสูตร ที่นำมาสนทนาที่มูลนิธิฯ
วันเสาร์ ๑๓ พ.ย. ๒๕๕๓ เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๒.๐๐ น. คือ
ปราภวสูตร (ว่าด้วยความเสื่อม ๑๒ อย่าง)
... จาก ...
[เล่มที่ 46] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่มที่ ๔๖ - หน้าที่ ๓๐๙ - ๓๒๕
...นำสนทนาโดย...
ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
[เล่มที่ 46] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่มที่ ๔๖ - หน้าที่ ๓๐๙ - ๓๒๕
ปราภวสูตรที่ ๖ (ว่าด้วยความเสื่อม ๑๒ อย่าง)
[๓๐๓] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :- สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล เมื่อปฐมยามสิ้นไปแล้วเทวดาตนหนึ่งมีรัศมีอันงดงามยิ่ง ทำพระวิหารเชตวันทั้งสิ้นให้สว่างไสว เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว ยืนอยู่ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยคาถาว่า [๓๐๔] ข้าพระองค์มา เพื่อจะทูลถาม ถึงผู้เสื่อม และคนผู้เจริญ กะท่านพระโคดม จึงขอทูลถามว่า อะไรเป็นทางของคนเสื่อม. พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสตอบว่า บุคคลผู้เจริญ เป็นผู้อันบุคคลรู้ได้โดยง่าย บุคคลผู้เสื่อม ก็เป็นผู้อันบุคคลรู้ได้โดยง่าย ผู้ใคร่ธรรมเป็นผู้เจริญ ผู้เกลียดธรรมเป็นผู้เสื่อม
เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบชัดข้อนี้ เถิดว่า ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๑. เทวดา กราบทูลว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอพระองค์ โปรดตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๒ อะไรเป็นทางของ คนเสื่อม.
พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสตอบว่า คนมีอสัตบุรุษเป็นที่รัก ไม่กระทำ สัตบุรุษให้เป็นที่รัก ชอบใจธรรมของอสัต- บุรุษ ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม เพราะ เหตุนั้นแล เราจงทราบข้อนี้เถิดว่า ความ เสื่อมนั้นเป็นที่ ๒. เทวดา กราบทูลว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอพระองค์ โปรดตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๓ อะไรเป็นทางของ คนเสื่อม. พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสตอบว่า คนใดชอบนอน ชอบคุย ไม่หมั่น เกียจคร้าน โกรธง่าย ข้อนั้นเป็นทางของ คนเสื่อม เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบชัด ข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๓. เทวดากราบทูลว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอพระองค์ โปรดตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๔ อะไรเป็นทางของ คนเสื่อม. พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสตอบว่า คนใดสามารถ แต่ไม่เลี้ยงมารดาหรือ บิดาผู้แก่เฒ่า ผ่านวัยหนุ่มสาวไปแล้ว ข้อ นั้นเป็นทางของคนเสื่อม เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้น เป็นที่ ๔. เทวดา กราบทูลว่า
ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอพระ- องค์โปรดตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๕ อะไรเป็นทาง ของคนเสื่อม. พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสตอบว่า คนใดลวงสมณะพราหมณ์ หรือแม้ วณิพกอื่นด้วยมุสาวาท ข้อนั้นเป็นทางของ คนเสื่อม เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบชัด ข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๕. เทวดา กราบทูลว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอพระ- องค์โปรดตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๖ อะไรเป็นทาง ของคนเสื่อม.
พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสตอบว่า คนมีทรัพย์มาก มีเงินทอง ของกิน กินของอร่อยแต่ผู้เดียว ข้อนั้นเป็นทางของ คนเสื่อม เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบชัด ข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๖. เทวดากราบทูลว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอพระ- องค์โปรดตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๗ อะไรเป็นทาง ของคนเสื่อม. พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสตอบว่า คนใดหยิ่งเพราะชาติ หยิ่งเพราะ ทรัพย์ และหยิ่งเพราะโคตร ย่อมดูหมิ่น ญาติของตน ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม เพราะเหตุนั้น เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๗. เทวดา กราบทูลว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอพระ- องค์โปรดตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๘ อะไรเป็นทาง ของคนเสื่อม. พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสตอบว่า คนใดเป็นนักเลงหญิง เป็นนักเลง สุรา และเป็นนักเลงการพนันผลาญทรัพย์ ที่ตนหามาได้ ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๘. เทวดา กราบทูลว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอพระ- องค์โปรดตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๙ อะไรเป็นทาง ของคนเสื่อม. พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสตอบว่า คนไม่สันโดษด้วยภริยาของตน ประ- ทุษร้ายในภริยาของคนอื่น เหมือนประทุษร้าย ในหญิงแพศยา ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๙. เทวดา กราบทูลว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอพระ- องค์โปรดตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๑๐ อะไรเป็นทาง ของคนเสื่อม. พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสตอบว่า ชายแก่ ได้หญิงรุ่นสาวมาเป็นภริยา ย่อมนอนไม่หลับ เพราะความหึงหวงหญิง
รุ่นสาวนั้น ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม เพราะเหตุนั้น เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๑๐. เทวดา กราบทูลว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอพระ- องค์โปรดตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๑๑ อะไรเป็นทาง ของคนเสื่อม. พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสตอบว่า คนใดตั้งหญิงนักเลงสุรุ่ยสุร่าย หรือ แม้ชายเช่นนั้นไว้ในความเป็นใหญ่ ข้อนั้น เป็นทางของคนเสื่อม เพราะเหตุนั่น เราจง ทราบชัดข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๑๑. เทวดากราบทูลว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอพระ- องค์โปรดตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๑๒ อะไรเป็น ทางของคนเสื่อม. พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสตอบว่า ก็บุคคลผู้เกิดในสกุลกษัตริย์ มีโภค- ทรัพย์น้อย มีความมักใหญ่ ปรารถนา ราชสมบัติ ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม. บัณฑิต ผู้ถึงพร้อมด้วยความเห็นอัน ประเสริฐ พิจารณาเห็นคนเหล่านี้ ว่าเป็นผู้ เสื่อมในโลก ท่านย่อมคบโลกที่เกษม.
จบปราภวสูตรที่ ๖.
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ข้อความโดยสรุป ปราภวสูตร * (ว่าด้วยความเสื่อม ๑๒ ประการ) เหตุเกิดของพระสูตรนี้ คือ เทวดาทั้งหลาย พอได้ฟังมงคลสูตร (แสดงมงคล ๓๘ ประการ) ซึ่งเป็นทางแห่งความเจริญของสัตว์ทั้งหลายแล้ว เกิดความคิดว่า "พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงทางแห่งความเจริญโดยส่วนเดียวในมงคลสูตร แล้วทางแห่งความเสื่อมจะเป็นอย่างไร" ประสงค์จะฟังพระสูตรที่ว่าด้วยทางแห่งความเสื่อมบ้าง จึงพร้อมใจกันลงมาเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า และในบรรดาเทวดาเหล่านั้น เทวดาตนหนึ่งซึ่งได้รับมอบหมายจากท้าวสักกะให้เป็นผู้ถามปัญหาในเรื่องนี้ จึงได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงทางแห่งความเสื่อมว่ามีอะไรบ้าง เมื่อเทวดาทูลถามแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ได้ตรัสตอบ (ตามที่ปรากฏในพระสูตร) สำหรับทางแห่งความเสื่อมที่ปรากฏในพระสูตรนี้ มีทั้งหมด ๑๒ ประการ สรุปได้ดังนี้ คือ ๑. เกลียดธรรม ๒. รักอสัตบุรุษ ชอบใจคำสอนของอสัตบุรุษ ๓. มักหลับ ชอบคุย เกียจคร้าน โกรธง่าย ๔. ไม่เลี้ยงดูมารดาบิดา ๕. หลอกลวงผู้อื่นด้วยการพูดเท็จ ๖. ตระหนี่ บริโภคของอร่อยแต่เพียงผู้เดียว ๗. หยิ่งเพราะชาิติ ทรัพย์ โคตร ๘. เป็นนักเลงหญิง นักเลงสุรา เล่นการพนันเผาผลาญทรัพย์ ๙. คบชู้ภรรยาของผู้อื่น
๑๐. ชายแก่ มีภรรยาสาว เกิดความหึงหวง ๑๑. แต่งตั้งคนใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายให้เป็นใหญ่ ๑๒. มักใหญ่ใฝ่สูง ในเวลาจบพระธรรมเทศนา เทวดาทั้งหลายฟังทางแห่งความเสื่อมแล้ว ได้บรรลุ-โสดาปัตติผล สกทาคามิผล และอนาคามิผล มีจำนวนนับไม่ได้. ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเหล่านี้เพิ่มเติม นะครับ เพราะไม่ได้ฟังธรรม ย่อมเสื่อมรอบ คนพูดเท็จ ไม่ทำชั่ว นั้นไม่มี ความโกรธเหมือนดังจับถ่านเพลิง การเล่นพนัน ผิดศีลข้อไหนครับ ผมทำงานอยู่ต่างจังหวัด ไมมีเวลาบำรุงมารดาเลย ผมเป็นคนเห็นแก่ตัวหรือเปล่าครับ * หมายเหตุ คำว่า ปราภวะ หมายถึง ความเสื่อม มาจากคำภาษาบาลีว่า ปรา (ซึ่งเป็นบทหน้า หมายถึง กลับความ) + ภวะ (ความเจริญ) เมื่อรวมกันแล้ว สำเร็จรูปเป็น ปราภวะ หมายถึง ความเสื่อม คือ ว่าโดยรูปศัพท์ เมื่อ ปรา อยู่หน้าคำใดจะำทำให้คำนั้น มีความหมายตรงกันข้าม จาก ความเจริญก็เป็นความเสื่อม เพราะ ปรา เป็นคำที่กลับความ เหมือนกับคำว่า ปราชัย มาจากคำว่า ปรา (กลับความ) + ชยหรือ ชัย (ชนะ) เมื่อรวมกันแล้ว เป็น ปราชัย แปลว่า แพ้ ครับ.
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...