เรื่อง นิสัย การพูดคนเดียว
จะเป็นสัมผัปปลาปหรือไม่ ขึ้นอยู่กับเจตนา ความจงใจของผู้พูดเป็นสำคัญครับถ้าเรามีเจตนาจะพูดเพ้อเจ้อให้ผู้อื่นฟัง ผู้ฟังได้ยินแต่ไม่ถือเอา ก็ยังไม่ถึงความเป็นอกุศลกรรมบถที่ครบองค์ แต่ถ้าเขาฟังแล้วถือเอา ขณะนั้นโทษมีแล้ว ยิ่งถ้าเขาฟังแล้วมีการถือเอาเป็นจริงเป็นจังมากเท่าไร โทษก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น และการที่จะมีโทษมาก - น้อย ก็ขึ้นอยู่กับกิเลสที่เป็นปัจจัยให้พูดด้วย ว่าเป็นกิเลสที่มีกำลังกล้า หรือ เป็นกิเลสมีกำลังอ่อนครับ
แต่ถ้าเราพูดขึ้นมาลอยๆ คนเดียว ไม่มีใครรับฟัง ไม่ได้เบียดเบียนใคร ก็ยังไม่ครบองค์ของอกุศลกรรมบถ แต่อกุศลที่เกิดแล้ว ไม่หายไปไหน สั่งสมเป็นอุปนิสัย เป็นปัจจัยให้เกิดการเสพคุ้นการคิด - การพูดด้วยอกุศลประเภทนั้นต่อไป เช่น พอคิดแล้ว จิตก็เป็นปัจจัยให้พูดเสียงที่กำลังคิดออกมา ซึ่งต่างกับขณะที่เพียงคิดเสียงในใจ แต่ไม่พูดออกมาครับ
แต่การคิดและการพูดในสิ่งที่จะเป็นประโยชน์จริงๆ นั้น ควรจะเป็นการคิดไตร่-ตรอง - การพูดทบทวนธรรมที่ได้ฟังให้ค่อยๆ เข้าใจขึ้นดีกว่าครับ หรือจะคิด จะพูดในทางกุศลประการอื่นก็ได้ เช่นคิดถึงการให้ - พูดเรื่องการแบ่งปัน, คิดถึงการไม่เบียด-เบียน - พูดเรื่องการให้ความช่วยเหลือ, คิดถึงความเป็นมิตร - พูดให้อภัยผู้ที่กระทำผิดเป็นต้น ถ้าสะสมการคิด - การพูดในทางกุศลจนมีกำลังมากขึ้นๆ ก็จะเป็นปัจจัยให้สามารถกระทำกุศลได้จริงยิ่งขึ้น แทนที่จะเป็นแต่เพียงคิดไว้ หรือเพียงพูดไว้ว่าจะทำกุศลอย่างนั้นเท่านั้นครับ
ส่วนการคิด - การพูดด้วยอกุศลจิต เป็นส่วนที่เมื่อฟังพระธรรม อบรมปัญญาต่อไป มีความเห็นถูกเพิ่มขึ้นเมื่อไร รู้ตัวว่ากำลังคิด กำลังพูดด้วยอกุศล ก็จะค่อยๆ มีการขัดเกลาสิ่งไม่ดีเหล่านี้ไปทีละเล็กทีละน้อยตามลำดับ โดยไม่มีใครมีตัวตนที่สามารถจะลด ละ หรือต้านทานอุปนิสัยที่สะสมมาได้ แต่ปัญญาสามารถที่จะรู้ชัดสิ่งที่ปรากฏแล้วละอกุศล อกุศลในเบื้องต้นที่ควรละก่อนคือการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตนครับไม่มีการห้ามไม่ให้คิด หรือ พูดแต่อย่างใด เพราะห้ามไม่ได้ แต่ควรอบรมปัญญาครับ
ขอเชิญคลิกอ่านที่นี่ >>> • สัมผัปปลาป [มังคลัตถทีปนี]