เจริญเมตตาไม่มีประมาณ

 
pirmsombat
วันที่  7 เม.ย. 2554
หมายเลข  18159
อ่าน  2,264

ผู้ใดมีสติเฉพาะหน้า

เจริญเมตตาไม่มีประมาณ

สังโยชน์ของผู้เห็นความสี้นแห่งอุปธินั้น

ย่อมเบาบาง


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chaiyut
วันที่ 8 เม.ย. 2554

ผู้ที่ฟังพระธรรม อบรมปัญญา มีปรกติเจริญสติฯ เข้าใจถูกว่าสติเป็นอนัตตา แม้สภาพธรรมจะมีปรากฏเฉพาะหน้า แต่เมื่อไม่มีปัจจัยให้ระลึก ขณะนั้นก็คือหลงลืมสติ ซึ่งขณะที่หลงลืมสติ มีมากกว่า ขณะที่สติเกิด ในชีวิตประจำวัน เราหลงลืมสติโดยไม่รู้ตัว หลังเห็น หลังได้ยิน.. ส่วนใหญ่อกุศลจิตเกิด คิดถึงคน , สัตว์ เป็นไปกับเรื่องราว ด้วยความยินดีบ้าง ยินร้ายบ้าง ใจหวั่นไหว ไม่มั่นคง เพราะสั่งสมกุศล มามากกว่า กุศล แต่กระนั้น การคิดถึงสัตว์ บุคคลของผู้ที่สั่งสมกุศลมามาก มีปัญญามาก กำลังอบรมกุศลอยู่ สติก็เกิดได้มาก ระลึกเป็นไปในสัตว์ บุคคลโดยอุบายอันแยบคาย มีญาณเครื่องพิจารณาว่าควรอบรมเมตตาในสัตว์ทั้งหลายให้มากขึ้นทีละหนึ่งๆ ..ๆ ...ๆ ....ไปจนถึงไม่มีประมาณ จนเป็นผู้มีปรกติอยู่ด้วยเมตตาอันไพบูลย์ คือ เจริญจนได้ฌาน มีวิหารธรรมอันเป็นสุข สงบระงับจากกิเลส และเมื่อได้ฟัง ได้เข้าใจพระธรรมด้วย ปัญญาของเขาย่อมค่อยๆ ขัดเกลา สังโยชน์ ทั้งหลายให้เบาบาง เพราะได้รู้หนทางแห่งการสิ้น อุปธิคือ การฟังพระธรรมเพื่อเข้าใจสภาพธรรมที่ปรากฏเฉพาะหน้าตามความเป็นจริง ส่วนผู้ที่เริ่มฟัง เริ่มเข้าใจพระธรรม ยังอีกไกลกว่าจะมีเมตตาถึงระดับที่ไม่มีประมาณได้ แต่เริ่มอบรมได้ด้วยความเข้าใจประโยชน์ของเมตตา ความเห็นโทษของอกุศล เช่น โทสะมานะ เป็นต้น เมื่อเข้าใจพระธรรมขึ้น ปัญญาเจริญขึ้น กุศลบริวารทั้งหลายรวมทั้งเมตตา ย่อมจะค่อยๆ เจริญขึ้นทีละเล็กทีละน้อยโดยเป็นปกติ คือ เป็นไปตามกำลังของปัญญานั่นเองครับ

ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาคุณหมอครับ

(ปล. ผมจะหาอ่านข้อความที่คุณหมอนำมาโพสต์เพิ่มเติมได้จากเล่มไหนครับ)

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
pirmsombat
วันที่ 8 เม.ย. 2554

ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาคุณ chaiyut

คุณเขียนแสดงความคิดเห็นได้ดีมากครับ

ข้อความจาก พุทธศาสนภาษิต (เล่ม ๒)

หลักสูตรนักธรรมและธรรมศึกษาชั้นโท

คณะกรรมการแผนกตำรา

มหามงกุฏราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์

(พุทธ) อง. อฏฐก ๒๓/๑๕๒ซึ่งอ้างอิงจากพระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย อัฏฐกนิบาต เมตตสูตรขอเชิญคลิกอ่านได้ที่นี่ครับ .... เมตตา [เมตตสูตร]

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 8 เม.ย. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง เกื้อกูลอุปการะเพื่อความเจริญขึ้นของกุศลธรรมประการต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่กุศลธรรม แม้แต่ในเรื่องของเมตตา ก็เช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นสภาพธรรมฝ่ายดี และเป็นประโยชน์ในที่ทั้งปวง ไม่ว่าจะอยู่ ณ ที่ใดก็ตาม ไม่เป็นพิษเป็นภัยแก่ใครทั้งสิ้น เป็นธรรมที่ควรมี ควรอบรมให้มีขึ้น แทนที่จะโกรธกันหรือไม่พอใจกัน เมตตาเป็นเรื่องที่ง่ายกว่าความโกรธ (ถ้าไม่ได้สะสมมา ก็ไม่ง่าย) เพราะโกรธต้องหาเรื่องที่จะต้องโกรธ ย้อนคิดถึงเรื่องที่ทำให้ตนเองโกรธ แต่ถ้าเป็นเมตตาแล้ว ใจเบาสบาย ไม่หนักด้วยอำนาจของโทสะ ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม ไม่ศึกษาพระธรรมแล้ว นับวันจะมีแต่พอกพูนกุศลให้มีมากขึ้นพอกพูนความไม่รู้ต่อไปอีกนานแสนนานในสังสารวัฏฏ์ เมื่อไม่มีปัญญา ก็ย่อมไม่สามารถดับหรือทำลากิเลสใดๆ ได้เลย, หนทางที่จะเป็นไปเพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูก เป็นไปเพื่อดับกิเลสทั้งหลาย นั้น มีหนทางเดียวเท่านั้น คือ การอบรมเจริญปัญญา ซึ่งพระอริยบุคคลทั้งหลายในอดีต ก็ได้ดำเนินตามหนทางนี้มาแล้ว ครับ ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณหมอ , คุณ chaiyut และ ทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
pirmsombat
วันที่ 8 เม.ย. 2554

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณคำปั่น , คุณ chaiyut และ ทุกๆ ท่านครับ

อ่านข้อความ-แสดงความคิดเห็นของคุณคำปั่น

แล้วใจเบาสบายไม่หนักด้วยอำนาจของโทสะ

มีความสุขสงบอาจหาญร่าเริง

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 8 เม.ย. 2554

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
aurasa
วันที่ 9 เม.ย. 2554

ขอบคุณ และ ขออนุโมทนากับทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
อภิรมย์
วันที่ 12 เม.ย. 2554

ขอบพระคุณและขออนุโมทนากับทุกท่านด้วยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
pamali
วันที่ 12 เม.ย. 2554
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
orawan.c
วันที่ 13 เม.ย. 2554

ขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ