เราเกิดมาทำไม

 
สุนิสา
วันที่  23 ส.ค. 2554
หมายเลข  19551
อ่าน  1,849

รู้สึกเหนื่อย และท้อแท้กับทุกปัญหาในชีวิตมาก จนบางครั้งคิดว่า เกิดมาทำไม..เบื่อที่จะเกิด


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 23 ส.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

เป็นธรรมดาที่มีความรู้สึกท้อแท้ครับ เพราะยังมีกิเลสที่สะสมมามาก ดังนั้นที่เกิดมาก็

เพราะมีกิเลสนั่นเองจึงเกิดได้ ถ้าไม่มีกิเลสก็จะไม่เกิดเลยครับ แต่เมื่อเกิดแล้ว เกิดมา

ด้วยการสะสมกิเลสมา อกุศล ความท้อแม้ก็เกิดได้ ดังนั้นผู้มีปัญญาย่อมพิจารณาความ

จริงว่าเมื่อเกิดแล้ว ชีวิตที่มีอยู่คือการทำความดีเท่าที่ทำได้ เพราะสิ่งที่ดีจะมีได้ก็เพราะ

ทำความดี แต่ความดีก็มีหลายระดับ และผู้ที่มีปัญญาก็พิจารณาว่า ความท้อแท้เกิดจาก

อะไร ก็เกิดจากกิเลส ดังนั้นเหตุให้เกิดทุกข์คือกิเลสที่สะสมมา ดังนั้นควรทำความดี ที่

เป็นไปเพื่อดับกิเลส เพื่อดับเหตุแห่งทุกข์ คือการฟังพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง

ตามความเป็นจริงครับ ก็จะค่อยๆ เข้าใจชีวิต เข้าใจความจริงของการท้อแท้ที่เกิดขึ้น

ชีวิตเกิดมาเป็นมนุษย์ก็ยากแล้ว ควรใช้ชีวิตที่ดี ด้วยการทำกุศลและอบรมปัญญาคือ

การฟังพระธรรมครับ และเข้าใจความจริงว่า ความท้อแท้และความทุกข์จะไม่หมดไป

เลยตราบใดที่ยังมีกิเลสที่สะสมมาซึ่งหนทางดับกิเลสคือการฟังพระธรรมครับ

เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ... ทำไมเราต้องเกิดมา และเกิดมาเพื่ออะไรกัน

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนาครับ

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 23 ส.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ชาตินี้ได้เกิดมาแล้ว และในชาติก่อนๆ ก็เคยได้เกิดมาแล้วเช่นเดียวกัน (ซึ่งไม่สามารถทราบได้ว่าเกิดเป็นอะไรมาก่อน) แม้ไม่ได้ตั้งข้อสงสัยว่า เกิดมาทำไม แต่ก็ได้เกิดมาแล้ว มีชีวิตที่ดำเนินไปแล้วในภพนี้ชาตินี้ ตราบใดที่ยังมีอวิชชา ความไม่รู้ อีกทั้งยังมีตัณหา ความติดข้อง ยินดีพอใจเป็นเครื่องผูกไว้ จึงยังมีการเกิดอยู่ร่ำไปหมุนเวียนอยู่ในสังสารวัฏฏ์ จากภพหนึ่งไปสู่อีกภพหนึ่ง เกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิดอย่างไม่มีวันจบสิ้น ที่สุดของสังสารวัฏฏ์ย่อมไม่ปรากฏ ซึ่งแต่ละบุคคลก็ได้เกิดมาแล้วนับชาติไม่ถ้วน เคยเป็นมาแล้วทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นพระราชา คนมั่งมี คนตกทุกข์ได้ยาก คนมีความสุข เป็นสัตว์นรก เป็นเปรต เป็นต้น เมื่อได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว มีโอกาสได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญา สะสมความเข้าใจสภาพธรรมไปทีละเล็กทีละน้อย อีกทั้งไม่ประมาทในการเจริญกุศลประการต่างๆ ดำรงชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท ถ้าเป็นอย่างนี้ได้ย่อมเป็นชีวิตที่มีค่าเป็นอย่างยิ่ง และยังเป็นการสะสมเสบียงเครื่องเดินทางอย่างดีในสังสารวัฏฏ์ จนกว่าจะดับกิเลสทั้งหลายทั้งปวงได้อย่างเด็ดขาดไม่มีการเกิดอีกเลยในสังสารวัฏฏ์ "ไม่ควรท้อแท้ ไม่ควรท้อถอย เพราะการท้อแท้ท้อถอย ไม่เกิดประโยชน์ เนื่องจากเป็นอกุศลธรรม ชีวิต ยังมีค่า และจะมีค่าก็ต่อเมื่อเป็นไปกับด้วยกุศล ด้วยการเป็นคนดี และ ได้ฟังพระธรรมให้เข้ายิ่งขึ้น" ครับ. ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 23 ส.ค. 2554

การเกิดเป็นมนุษย์ เป็นผลของมหากุศล ดีกว่าเกิดในอบายภูมิ ที่มีแต่ความทุกข์ทรมาน

ในสังสารวัฏฏ์ที่ยาวนานนับไม่ได้ เราก้เคยทำกรรมดีและไม่ดี เกิดมาเพื่อใช้กรรม และ

อีกส่วนหนึ่ง เพื่อทำกรรมใหม่ทั้งดีและไม่ดี สังสารวัฏฏ์ก็วนเวียนอย่างนี้ไม่จบ จนกว่าจะ

พบพระธรรมที่ถูกต้อง ได้ฟังธรรม อบรมเจริญอริยมรรคมีองค์แปด จึงจะเป็นหนทางนำ

ไปสู่การพ้นทุกข์ทั้งหลายค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
pat_jesty
วันที่ 23 ส.ค. 2554

ธรรมเกิดดับอยู่ตลอดเวลา ทุกขณะเป็นสิ่งใหม่หมด เพราะฉะนั้น อย่าเสียเวลากับสิ่งที่ล่วงเลยไปแล้ว และคิดถึงสิ่งที่ยังมาไม่ถึงมากไป ตอนนี้เท่านั้นคือสิ่งที่มีจริง ทำตอนนี้ให้ดีที่สุดด้วยการเป็นคนดี และศึกษาธรรมให้เข้าใจมากขึ้นค่ะ...

อดีตที่ไม่ดีย่อมไม่สามารถสร้างอนาคตที่ดีได้ และทุกขณะที่ผ่านไป... กำลังเป็นอดีตค่ะ

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 24 ส.ค. 2554

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาทุกท่านครับ

เมื่อได้อ่านคำอธิบายแล้ว จึงเข้าใจจริงๆ เลยว่า ที่เราท้อแท้ได้ถึงเพียงนี้ ก็เพราะสะสมที่จะ

ท้อแท้มาโดยตลอด เมื่อดูผู้อื่น เช่น คนพิการ ก็คิดว่าเขาน่าจะท้อแท้มากๆ เลย เพราะเกิดมา

ไม่มีแขน มีขา หรือตาบอด หูหนวก แต่กลับกลายเป็นคนที่ทำประโยชน์ได้สาระพัด และที่

สำคัญ ที่น่าเจ็บใจมากๆ คือ พวกเขานั้นเองกลายมาเป็นครู เป็นตัวอย่าง ให้แก่ คนปกติ ที่มี

มือไม้แขนขาตาหูดี แต่ทำไมจึงท้อแท้ ทำประโยชน์อะไรไม่ได้เลย แม้แต่ประโยชน์แก่ตน

เอง

ผมจึงเข้าใจได้จริงๆ เลยครับว่า ที่เราท้อแท้ ก็เพราะต้องเป็นเราที่ได้สะสมความท้อแท้มายาวนาน และหากไม่อาจเข้าใจต้นสายปลายเหตุของลักษณะอาการนี้ได้จริงๆ แล้ว ก็จะต้องสะสมความท้อแท้กันต่อๆ ไป เปรียบเสมือนกับเดินลงไปในเหวลึก โอกาสเห็นเดือนเห็นตะวัน คงลดลงไปเรื่อยๆ นะครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
สมศรี
วันที่ 24 ส.ค. 2554

นับเป็นกุศลแล้วที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ขอให้ใช้โอกาสอันดีนี้ ศึกษา อบรม ฟังธรรม เกิดความเข้าใจถูก เห็นถูกในสภาพธรรม ซึ่งมีคุณค่ามาก นับเป็นโชคดีที่มีกัลยาณมิตรที่เอาใจช่วยคุณ ให้มีกำลังใจ มิฉะนั้นจะพลาดโอกาสที่ได้เกิดมาในยุคที่มีพระพุทธศาสนา การสะสมความท้อแท้ซึ่งเป็นเรื่องทำให้เกิดความทุกข์ ไร้สาระ ไม่เป็นประโยชน์อันใดเลย ขอบคุณและอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 25 ส.ค. 2554

เกิดมาทำไม..เบื่อที่จะเกิด..เลือกที่จะไม่เกิดได้ไหม (ไม่ได้) เพราะมีเหตุต้องเกิดตราบใดที่ยังมีกิเลส...ในขณะที่มีความสุขคงไม่มีใครถามว่าเกิดมาทำไม.....สุขหรือทุกข์เกิดเพราะผลของกรรมที่ได้กระทำแล้วก็มี เช่นสุขหรือทุกข์ทางกายบังคับบัญชาไม่ได้..สุขหรือทุกข์ทางใจ เช่นท้อแท้เป็นทุกข์ทางใจที่เกิดจากอกุศลจิตที่มีเหตุปัจจัยให้เกิดก็เกิด (บังคับบัญชาไม่ได้เช่นกัน) และเกิดในขณะที่เป็นชวนะวิถึสะสมอกุศลไว้ในจิต (เพิ่มอกุศลเช่นความท้อแท้) ถ้ารู้ว่าความท้อแท้เป็นอกุศลที่เกิดขึ้นแล้วจะสะสมในจิตเพิ่มมากขึ้น...ทุกข์มากขึ้น..จึงคิดที่จะละ..และรู้ว่าปัญญาเท่านั้นที่จะละอกุศล..สิ่งต่างๆ เหล่านี้ไม่สามารถรู้ได้ด้วยตนเองต้องอาศัยพระปัญญาคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงรู้ได้ด้วยการศึกษาพระธรรม..ฟังธรรมเพื่อสะสมปัญญาทีละเล็กละน้อย.......จนกว่าจะละได้ทั้งกุศลและอกุศลจึงไม่เกิดอีก เชิญคลิกอ่าน... เศร้า

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
Sam
วันที่ 25 ส.ค. 2554

รู้สึกท้อแท้ เพราะชีวิตไร้เป้าหมาย หรือเป้าหมายนั้นไม่มีความหมายเพียงพอ ผู้ที่ไร้

เป้าหมายคืออยู่ไปวันๆ แล้วแต่สิ่งแวดล้อมจะพัดพาไป แต่บางคนก็มีเป้าหมายที่จะมีฐานะ

ดี มีบ้าน มีรถ มีครอบครัวที่ดี มีชื่อเสียง ฯลฯ ซึ่งในที่สุดเมื่อต้องตายจากโลกนี้ไป สิ่งเหล่า

นั้นก็ไร้ความหมาย

เมื่อได้เกิดมาเป็นคนไทย ได้พบกับพระธรรมที่ถูกต้องแล้ว ก็ควรมีเป้าหมายที่

ประเสริฐ คือ มีความเข้าใจที่ถูกต้องว่า ชีวิตในวันนี้ ในขณะนี้ เป็นธรรมะอย่างไร โดยอาศัย

การค่อยๆ ฟัง และสอบถามปัญหา เมื่อเรามีความเข้าใจชีวิตว่าเป็นธรรมะอย่างไรแล้ว ความ

ท้อถอยหดหู่ก็จะลดลง และจะพลอยได้คำตอบให้กับตัวเองด้วยว่า "เราเกิดมาทำไม?" หรือ

"ทำไมเราต้องเกิดมาเป็นอย่างนี้?"

ขอให้กำลังใจคุณสุนิสา

และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
Sam
วันที่ 25 ส.ค. 2554

รู้สึกท้อแท้ เพราะชีวิตไร้เป้าหมาย หรือเป้าหมายนั้นไม่มีความหมายเพียงพอ ผู้ที่ไร้

เป้าหมายคืออยู่ไปวันๆ แล้วแต่สิ่งแวดล้อมจะพัดพาไป แต่บางคนก็มีเป้าหมายที่จะมีฐานะ

ดี มีบ้าน มีรถ มีครอบครัวที่ดี มีชื่อเสียง ฯลฯ ซึ่งในที่สุดเมื่อต้องตายจากโลกนี้ไป สิ่งเหล่า

นั้นก็ไร้ความหมาย

เมื่อได้เกิดมาเป็นคนไทย ได้พบกับพระธรรมที่ถูกต้องแล้ว ก็ควรมีเป้าหมายที่

ประเสริฐ คือ มีความเข้าใจที่ถูกต้องว่า ชีวิตในวันนี้ ในขณะนี้ เป็นธรรมะอย่างไร โดยอาศัย

การค่อยๆ ฟัง และสอบถามปัญหา เมื่อเรามีความเข้าใจชีวิตว่าเป็นธรรมะอย่างไรแล้ว ความ

ท้อถอยหดหู่ก็จะลดลง และจะพลอยได้คำตอบให้กับตัวเองด้วยว่า "เราเกิดมาทำไม?" หรือ

"ทำไมเราต้องเกิดมาเป็นอย่างนี้?"

ขอให้กำลังใจคุณสุนิสา

และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
สุนิสา
วันที่ 9 ก.ย. 2554

ขออนุโมทนาบุญ ขอบคุณคะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ