นิยตมิจฉาทิฏฐิกรรม
นิยตมิจฉาทิฏฐิกรรม 3 อย่าง น่ากลัวมากนะคะ เป็นความเชื่อที่ร้ายแรง ไปนรกทันทีในชาติต่อไป ไม่มีระหว่างคั่น น่ากลัวมากๆ ไปโลกันตนรกใช่มั้ยคะ
1. นัตถิกทิฏฐิ
2. อเหตุกทิฏฐิ
3. อกริยทิฎฐิ
ขอความกรุณาอธิบาย นิยตมิจจาทิฏฐิกรรมทั้ง 3 ข้อด้วยค่ะ
และคนที่ชอบพูดว่า ไม่รู้ว่าชาติหน้าจะมีจริงรึป่าว ทำดีได้ดีมีที่ไหนทำชั่วได้ดีมีถมไป หรือที่พูดว่า ถ้าหากชาติหน้ามีจริง คำพูดเหล่านี้เป็นคำพูดของ นิยตมิจฉาทิฏฐิกรรม ใช่มั้ยคะ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ความเห็นผิดมีโทษมาก ความเห็นผิดมีโทษมาก สามารถทำบาปได้ทุกอย่างเพราะมีความเห็นผิดเป็นปัจจัย ความเห็นผิดที่ดิ่ง มี 3 อย่างคือ นิยตมิจฉาทฎฐิ ๓ ได้แก่ คลิกอ่านที่นี่
... นิยตมิจฉาทิฏฐิ
- อเหตุกทิฎฐิ เห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นเองเป็นเอง ไม่อาศัยเหตุปัจจัยให้เกิดให้มีขึ้น ไม่เชื่อในเหตุ คลิก...อเหตุกทิฏฐิ
- นัตถิกทิฎฐิ เห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ผลอันเนื่องมาแต่เหตุผลของการทำดีทำชั่ว ไม่มีโลกนี้โลกหน้า สัตว์บุคคลไม่มี เป็นแต่ธาตุประชุมกันตายแล้วสูญไม่เกิดอีก เชื่อว่าไม่มีอะไรทั้งนั้น คลิก... นัตถิกทิฏฐิ
- อกิริยทิฎฐิ เห็นว่าการกระทำใดๆ ไม่ชื่อว่าเป็นอันกระทำ ผลบาปบุญไม่มีแก่ผู้ทำกระทำแล้วก็เป็นอันแล้วกันไป ปฏิเสธการกระทำโดยประการทั้งปวง
คลิกอ่านที่นี่ครับ
.. อกิริยทิฏฐิ
มิจฉาทิฏฐิที่ดิ่งเป็นนิยตมิจฉาทิฏฐิ มีโทษมากกว่าอนันตริยกรรม (ฆ่า บิดา มารดา (เป็นต้น) เพราะอนันตริยกรรมยังพอกำหนดอายุที่จะไปอบายได้ เช่น ไปนรก 1 กัปดังเช่น พระเทวทัตทำสังฆเภท (ทำสงฆ์ให้แตก) ซึ่งเมื่อครบกำหนดอายุกรรมแล้วก็สามารถไปเกิดในสุคติภูมิและบรรลุธรรมภายหลังได้ ดังเช่น พระเทวทัต ภายหลังท่านก็ได้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าในอนาคตกาล แต่ว่ามิจฉาทิฏฐิไม่สามารถออกจากวัฏฏะได้เลย (ตอวัฏฏะ) และยังเป็นเหตุให้ที่ทำบาปกรรมต่างๆ มากมายด้วย มีการทำอนันตริยกรรม เป็นต้น จึงไม่สามารถไปสุคติภูมิได้และไม่มีทางบรรลุมรรคผล จึงมีโทษมากดังนี้
ด้วยเหตุนั้นนั่นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรามองไม่เห็นธรรมอย่างหนึ่ง อันอื่นที่มีโทษมาก เหมือนอย่างมิจฉาทิฏฐิเลย กระบวนโทษทั้งหลาย มิจฉาทิฏฐิมีโทษอย่างยิ่ง
เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ.....
ความเห็นผิด ยังแบ่งเป็นอีก 2 อย่างคือ
1. สัสสตทิฏฐิ คือ ความเห็นผิดว่าเที่ยง ไม่เกิดดับ หรือ ตายแล้วต้องเกิดอีกแน่นอน
2. อุจเฉททิฏฐิ คือ ความเห็นผิดว่าขาดสูญ คือ ตายแล้วไม่เกิดอีก เป็นต้น
และคนที่ชอบพูดว่า ไม่รู้ว่าชาติหน้าจะมีจริงหรือเปล่า เป็นความผิดที่เรียกว่าอุจเฉททิฏฐิ ที่เป็นความเห็นผิดว่าขาดสูญครับ เพราะคิดว่า ตายแล้วก็จบ ชาติหน้าไม่มีครับ
ส่วนคำพูดที่ว่า ทำดีได้ดีมีที่ไหนทำชั่วได้ดีมีถมไป เป็นความเห็นผิดที่ไม่เชื่อเรื่องกรรมและผลของกรรม หรือ บางนัยก็เข้าในข้อที่เป็นอกิริยาทิฏฐิ เพราะ มีความเห็นผิดว่า การกระทำที่เป็นกุศลไม่มี การกระทำที่เป็นอกุศลไม่มี การกระทำไม่มีผลอะไร ครับ ปฏิเสธเรื่องกรรมและผลของกรรมครับ ทำดีไม่ได้ดีหรอก หรือที่พูดว่า ถ้าหากชาติหน้ามีจริง...เป็นความเห็นผิดที่เป็น สัสสตทิฏฐิ คือ สำคัญว่าตายแล้วเกิด โดยสำคัญผิดว่ามีสัตว์ บุคคล จริงๆ ที่เกิดแล้วก็ต้องตาย แล้วก็ต้องเกิดอีก แต่ในความเป็นจริง เป็น จิต เจตสิก ที่เกิดขึ้นครับ ดังนั้นจึงสำคัญผิดว่า ชาติหน้า คือ สัตว์จะต้องเกิดชาติหน้าอีกครับ
คำพูดเหล่านี้เป็นคำพูดของ นิยตมิจฉาทิฏฐิกรรม ใช่มั้ยคะ
เพราะฉะนั้นบางอย่างก็เป็น นิยตมิจฉาทิฏฐิ คือ เป็นความเห็นผิดที่ดิ่ง ฝังลึกแก้ไมได้ ก็ต้องดูด้วยครับว่า ความเห็นผิดของคนนั้น มีกำลังหรือไม่ ถ้ามีกำลังมาก ก็ดิ่ง เป็นนิยตมิจฉาทิฏฐิ ซึ่งก็เนื่องใน 3 ข้อที่กล่าวมาครับ คือ อเหตุกทิฎฐิ นัตถิกทิฎฐิ อกิริยทิฎฐิ ที่สำคัญที่ควรพิจารณา คือ ความเห็นผิดทั้งหมดที่มี เกิดขึ้นได้ เพราะมี สักกายทิฏฐิ คือ ความเห็นผิดว่ามีสัตว์ บุคคล ตัวตนจริงๆ เพราะมีสักกายทิฏฐิ จึงทำให้มีความเห็นผิดว่า ตายแล้วเกิด ตายแล้วไม่เกิดอีก เพราะคิดว่ามีสัตว์ บุคคลทีเกิด หรือ ไม่เกิด สำคัญผิดว่า การกระทำของสัตว์ไม่มีผล สำคัญว่าเป็นสัตว์ บุคคล เป็นต้น ดังนั้นรากเหง้าของความเห็นผิดที่มีได้ด้วย ความเห็นผิด ยึดถือว่าเป็นสัตว์ บุคคลตัวตน คือ สักกายทิฏฐิครับ ซึ่งพระโสดาบันละได้แล้ว และหนทางการละสักกายทิฏฐิ คือ การเจริญสติปัฏฐาน ระลึกลักษณะของสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา โดยเริ่มจากการฟังให้เข้าใจครับ ทุกคนยังมีความเห็นผิดอยู่ มีสักกายทิฏฐิ เป็นต้น แต่สามารถละได้ด้วยการเจริญอบรมปัญญาครับ ขออนุโมทนา
เขิญคลิกอ่านที่นี่ครับ
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ความเห็นผิด หรือ มิจฉาทิฏฐิ นั้น มีโทษมากอย่างยิ่ง เพราะเมื่อมีความเห็นผิดแล้ว ย่อมทำให้การกระทำทางกาย การกระทำทางวาจา และการกระทำทางใจ ก็ผิดไปทั้งหมด และถ้าเป็นความเห็นผิดที่มีกำลังเป็นนิยตมิจฉาทิฏฐิ (ความเห็นผิดที่ดิ่ง) แล้ว ไม่สามารถจะแก้ไขได้เลย มีอบายเป็นที่ไปในเบื้องหน้าแน่นอน นิยตมิจฉาทิฏฐิ (ความเห็นผิดที่ดิ่ง แก้ไขไม่ได้) ๓ ประการ (โดยสรุป) ได้แก่
๑. อกิริยทิฏฐิ ความเห็นว่า ไม่เป็นอันทำ ปฏิเสธการกระทำดี กระทำชั่ว และปฏิเสธผลว่าไม่มี
๒. อเหตุกทิฏฐิ ความเห็นว่าทุกสิ่งไม่มีเหตุ ไม่มีปัจจัย เป็นไปเอง
๓. นัตถิกทิฏฐิ ความเห็นว่า ไม่มีบุญ ไม่มีบาป เป็นการปฏิเสธทั้งเหตุและผล
การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ย่อมเป็นไปเพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูก ทั้งสิ้น แม้แต่ในเรื่องของอกุศล คือ ความเห็นผิด พระองค์ก็ทรงแสดงเพื่อให้ผู้ฟังได้เข้าใจและเห็นโทษ ตามความเป็นจริง ว่า ตราบใดก็ตามที่ยังไม่ได้เป็นพระอริยบุคคล ความเห็นผิดก็ยังมี ยังมีโอกาสเกิดขึ้นได้ และสามารถมีกำลังถึงขั้นที่เป็นความเห็นผิดที่ดิ่ง ดังกล่าวมาแล้ว ได้ เพราะฉะนั้น เป็นเครื่องเตือนสำหรับผู้ที่ยังมีกิเลสอยู่อย่างแท้จริง เพื่อให้เป็นผู้ไม่ประมาทในการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ไม่ประมาทในกุศลแม้เล็กน้อย พร้อมทั้งไม่ประมาทในอกุศลแม้เล็กน้อย ด้วยเช่นเดียวกัน และ ถ้าได้ศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูก ไปตามลำดับ ก็จะเข้าใจอย่างถูกต้อง ว่า เหตุ ย่อมสมควรแก่ผล อกุศลกรรม ย่อมให้ผล เป็นอกุศลวิบาก กุศลกรรม ย่อมให้ผลเป็นกุศลวิบาก ไม่ปะปนกัน ขึ้นอยู่กับว่าจะถึงวาระของกรรมใดจะให้ผล เมื่อเข้าใจอย่างนี้ ความคิดที่ว่า "ทำดีได้ดีมีที่ไหนทำชั่วได้ดีมีถมไป" ก็จะไม่เกิดขึ้น เพราะเป็นความเห็นที่ไม่ถูกต้อง และ เมื่อศึกษาต่อไป ก็จะเข้าใจว่า ตราบใดก็ตาม ที่ยังไม่ได้เป็นพระอริยบุคคลขั้นสูงสุด คือ เป็นพระอรหันต์ เมื่อละจากโลกนี้ไปแล้ว ย่อมเกิดในภพใหม่ ทันที มีจิต เจตสิก รูป เกิดขึ้นอีก (ชาติหน้า มีจริงอย่างแน่นอน) ซึ่งไม่พ้นไปจากความเกิดขึ้นเป็นไปของธรรม กล่าวคือ นามธรรม กับ รูปธรรม เลย
ดังนั้น ควรอย่างยิ่งที่จะฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นทางเดียวที่จะทำให้ละกิเลสทั้งหลาย มี ความเห็นผิด เป็นต้นได้ในที่สุด ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
กราบอนุโมทนาในธรรมทานของอาจารย์ทั้งสองท่านค่ะ
ขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ ได้เข้าเพิ่มเติมจากการเรียนมาแล้วอีกครั้งได้เข้ากระจ่างขึ้นอีกค่ะ ดิฉันนึกถึงคำพูดของญาติพี่น้อง ที่เคยฟังพวกเค้าพูดบ่อย ดิฉันจะนำไปอธิบายให้พวกเค้าได้ทราบว่า ความเข้าใจของเค้าเป็นความเข้าใจผิดที่ร้ายแรงที่สุด ถ้าดิฉันไม่ได้เรียนธรรมะ ดิฉันก็คงพูดตามๆ พวกเค้าไปเห็นเป็นความคิดที่พูดไว้กลางๆ เป็นความคิดของคนที่มีเหตุผล แต่ที่แท้เป็นความเข้าใจผิด นึกคิดพูดออกมากันง่ายๆ แต่มีโทษมหันต์
เป็นบุญแล้วที่ดิฉันได้ศึกษาธรรมะ มีพระพุทธองค์ทรงชี้แนะแนวทางไว้ให้ค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ
"ตราบใดก็ตามที่ยังไม่ได้เป็นพระอริยบุคคล ความเห็นผิดก็ยังมี และสามารถมีกำลังถึงขั้นที่เป็นความเห็นผิดที่ดิ่ง ได้ เป็นเครื่องเตือนให้เป็นผู้ไม่ประมาทในการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ไม่ประมาทในกุศลแม้เล็กน้อย พร้อมทั้งไม่ประมาทในอกุศลแม้เล็กน้อยด้วยเช่นเดียวกัน"
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ