ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๐๒๒
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมในแต่ละครั้งรวบรวมเป็นธรรมเตือนใจสั้นๆ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย เพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ถึงแม้ว่าจะเป็นข้อความที่สั้น แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์อยู่ในตัว ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
[ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๒๒]
[1] ต่อไปนี้ สำหรับผู้ที่เข้าใจในเหตุในผลแล้ว ถ้ามีใครมาขอพรกับท่าน ท่านจะให้อะไรกับผู้นั้น? ที่ถูกแล้วควรจะเป็น ขอให้เขาเจริญกุศลทุกประการ นี้แหละเป็นพร คือ เป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุดในชีวิต
[2] ทุกคนมาแล้วสู่ภูมินี้ อันเป็นมนุษย์ภูมิ ซึ่งก็ไม่สามารถทราบได้ว่าในอดีตอนันตชาติ (นับชาติไม่ถ้วน) กี่ชาติ จะเคยนั่ง นอน ยืน เดินอยู่ที่ไหนก็ไม่มีใครทราบได้ จะกระทำกรรมที่เป็นกุศลกรรม เป็นอกุศลกรรม มากน้อยอย่างไร ก็ไม่มีใครสามารถที่จะทราบได้ แต่ขณะนี้ทุกคนก็ได้เกิดมาแล้วในมนุษย์ภูมินี้ แต่จะไปที่ไหนต่อ
[3] สามารถที่จะทราบได้อีกเหมือนกัน ถ้าไม่ศึกษาเรื่องของภูมิที่จะไปเลย ก็จะเป็นผู้ที่ประมาท แล้วก็ไม่ทราบว่าความจริงแล้ว การที่แต่ละคนมีความสุขอยู่ในโลกมนุษย์นี้ ก็ไม่ใช่สิ่งที่ถาวร มั่นคงตลอดไป ถึงแม้ชีวิตในโลกนี้ วันนี้มีความสุข ความสะดวกสบาย อีกไม่นานก็อาจจะเป็นความทุกข์ยากลำบากแสนสาหัส ก็ได้ เมื่อละจากโลกนี้ไปแล้ว จะไปสู่ที่ๆ ลำบากยิ่งกว่าโลกนี้มากมาย ก็ได้
[4] น่ากลัวมากทีเดียวสำหรับอบายภูมิ เพราะเหตุว่าใกล้ ไม่ไกล ถ้ารู้สึกว่าไกลก็ไม่ค่อยกลัว แต่ถ้าคิดว่าใกล้ อาจจะเป็นวันนี้ พรุ่งนี้ เดือนนี้ ปีนี้ ก็อาจจะเห็นโทษ แล้วก็เจริญกุศลยิ่งขึ้น อีกไม่นาน ไม่มีใครทราบได้ว่า ใครจะหายไปจากโลกนี้ก่อนใคร?
[5] จุดประสงค์ในชีวิตนั้นก็ควรจะเป็นการอบรมการเจริญปัญญา เพื่อจะรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง เพราะมิฉะนั้นแล้ว ถ้าพลาดจากสุคติภูมิไปสู่อบายภูมิแล้ว ย่อมหมดโอกาสที่จะเจริญปัญญาจนกระทั่งจะให้รู้แจ้งอริยสัจจธรรมได้
[6] ถ้ามีสิ่งที่พอใจเกิดขึ้นขณะใด ให้ทราบว่าเป็นเหตุที่จะให้เกิดทุกข์ข้างหน้า ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่มีชีวิต หรือ สิ่งที่ไม่มีชีวิตก็ตาม ถ้าพลัดพรากจากสิ่งนั้น ขณะนั้นย่อมเป็นทุกข์ เพราะเหตุว่า ถ้ามีความพอใจ แสวงหาอารมณ์นั้น ก็ไม่ต้องการที่จะให้อารมณ์นั้นพลัดพรากจากไป เมื่อความพอใจมีอยู่ในที่ใด ย่อมมีทุกข์ซึ่งจะเกิด เพราะสิ่งนั้นในภายหลัง
[7] ศึกษาพระธรรม เพื่อละความไม่รู้ในสิ่งที่กำลังปรากฏ
[8] ขณะใดที่โกรธ ผู้นั้น ไร้ปัญญา
[9] เคารพในความจริง เคารพในความเห็นที่ถูกต้อง ไม่ใช่เคารพในความเห็นผิด
[10] ภักดีต่อพระธรรม ด้วยการศึกษาพระธรรมด้วยความละเอียดรอบคอบ ไม่ประมาทพระธรรมว่าง่าย ไม่ใช่ภักดีต่อบุคคล เพราะบุคคลเดี๋ยว ดี เดี๋ยว ร้าย แต่ธรรมไม่เคยเปลี่ยน
[11] พระธรรม แต่ละคำ เป็นปัญญาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหมด ผู้เคารพในพระธรรม ย่อมฟังพระธรรมด้วยความเคารพ
[12] แต่ละคนหลากหลาย เป็นแต่ละหนึ่งๆ เมื่อว่าโดยขณะแล้ว ก็เป็นจิตแต่ละขณะๆ
[13] ถ้าไม่ละเอียด ย่อมละความเป็นตัวตนไม่ได้เลย
[14] ถ้าเป็นกัลยาณมิตร เป็นมิตรที่ดีแล้ว ย่อมจะไม่ให้สิ่งที่ไม่ดี มีแต่ให้สิ่งที่ดี รวมไปถึงความเข้าใจธรรม ด้วย
[15] ชั่วขณะที่ฟังพระธรรม ในวันนี้ ก็เป็นบุญที่ได้กระทำแล้วแต่ชาติปางก่อน ถ้าเราคิดถึงขณะจิต ไม่คิดถึงชาติ เพราะแต่ละชาติ ก็เป็นหนึ่งขณะที่สะสม
[16] สะสมการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมไว้ เพื่อเข้าใจ เมื่อได้ฟังต่ออีก ความเข้าใจก็มีมากขึ้น
[17] ไม่มีเราที่แทรกอยู่ในจิต เจตสิก เลย
[18] กว่าจะรู้ กว่าจะละ กว่าจะคลาย ความเป็นตัวตน ไม่มีทางอื่นเลย นอกจากปัญญา
[19] วัตถุทาน หรือ อามิสทาน สำเร็จได้ด้วยการมีอามิส มีวัตถุสิ่งของที่จะให้ ถ้าไม่มีสิ่งของ ก็ให้ไม่ได้ อภัยทาน สำเร็จได้ด้วยศีล ถ้ามีศีล ความประพฤติที่ดีงาม ไม่ประทุษร้ายเบียดเบียนผู้อื่น ก็ย่อมเป็นการให้ความปลอดภัย ให้ความไม่มีภัยแก่ผู้อื่น
[20] ธรรมทาน สำเร็จได้ด้วยปัญญา เพราะมีปัญญา จึงสามารถเกื้อกูลให้ผู้อื่นได้เข้าใจธรรมตามความเป็นจริง ตรงตามพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง แต่ถ้าไม่มีปัญญา ก็ไม่สามารถให้ความเข้าใจถูกเห็นถูกแก่ผู้อื่นได้เลย
[21] เพราะกิเลสของตนเอง จึงเดือดร้อนเมื่อเห็นความไม่ดีของคนอื่น
[22] ไม่มีใครทำให้กิเลสของเราเกิดได้ นอกจากกิเลสของเราเอง
[23] อกุศลมากมาย อย่างแรงถึงกับล่วงเป็นทุจริตกรรม ถ้าเป็นอกุศลกรรมทั้งชาติล่ะ แล้วจะเป็นอย่างไร?
ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ ๒๑ ได้ที่นี่ครับ
ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๒๑
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
เป็นธรรมเตือนใจได้ดีมากค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
เป็นของขวัญปีใหม่ที่มีค่ายิ่งในชีวิตค่ะ
กราบขอบคุณ และ ขออนุโมทนาในกุศลจิตค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนา อ.คำปั่น และกุศลเจตนาของทุกๆ ท่านค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ไม่มีใครทำให้กิเลสของเราเกิดได้ นอกจากกิเลสของเราเอง
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์...
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของ อ.คำปั่น ด้วยค่ะ
"ภักดีต่อพระธรรม ด้วยการศึกษาพระธรรมด้วยความละเอียดรอบคอบ ไม่ประมาทพระธรรม ว่าง่าย ไม่ใช่ภักดีต่อบุคคล เพราะบุคคลเดี๋ยว ดี เดี๋ยว ร้าย แต่ธรรมไม่เคย เปลี่ยน"
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ขอบคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของ อ.คำปั่น ด้วยค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
[10] ภักดีต่อพระธรรม ด้วยการศึกษาพระธรรมด้วยความละเอียดรอบคอบ ไม่ประมาทพระธรรมว่าง่าย ไม่ใช่ภักดีต่อบุคคล เพราะบุคคลเดี๋ยว ดี เดี๋ยว ร้าย แต่ธรรมไม่เคยเปลี่ยน