ขอคำแนะนำในการอ่านพระไตรปิฏกภาษาไทย

 
homenumber5
วันที่  3 มี.ค. 2555
หมายเลข  20677
อ่าน  1,542

ได้อ่านพระอภิธรรม และอรรถกถาแปลฉบับ ภาษาไทย ของ มจร พ.ศ. ๒๕๒๔ อ่านได้สามสี่หน้า ก็ไม่เข้าใจอะไรเลย เรียนถามขอคำแนะนำด้วยค่ะว่าสามารถหาหนังสืออื่นใดมาอ่านได้อีกบ้าง ฟังเทป อภิธรรมและอ่านปรมัตถธรรม อ.สุจินต์ พอรู้เรื่อง แต่ยังไม่ชัดเจน คือไม่สามารถเชื่อมโยง ไปถึงการที่จะถึง ขั้นอริยมัคค ผลได้เลย และไม่เข้าใจว่าคนจะพ้นทุกข์ พ้นจาก การเวียนว่ายตายเกิดได้อย่างไร


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 3 มี.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระอภิธรรม เป็น สภาพธรรมที่มีจริงที่ละเอียดลึกซึ้ง ละเอียดยิ่ง คือ สภาพธรรมที่มีจริง ที่เป็น จิต เจตสิก รูปและนิพพาน อันแสดงถึงความไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน อันเป็นพระปัญญาที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ จึงยากที่จะเข้าใจได้

ดังนั้นการอ่านพระอภิธรรมที่เป็นพระไตรปิฎกโดยตรงนั้นยากที่จะเข้าใจได้ ต้อง อาศัยผู้รู้ที่สามารถอ่านหรือศึกษาพระไตรปิฎก พระอภิธรรมได้เข้าใจ อธิบายให้เข้าใจอีกที เป็นตัวหนังสือ หรือ เสียง โดยอาศัยการอ่านและการฟังจากหนังสือ หรือ คำ บรรยายที่อธิบายในเรื่องอภิธรรม โดยผู้รู้ นั่นคือ ท่านอาจารย์สุจินต์ ซึ่งได้อธิบายให้ เข้าใจในพระอภิธรรมที่ละเอียดลึกซึ้ง ได้เข้าใจได้เป็นอย่างดีครับ ซึ่งก็อ่านหนังสือ ปรมัตถธรรม หรือพระอภิธรรมในชีวิตประจำวัน ซึ่งสามารถดาวน์โหลดหนังสือไปอ่านได้ ในหมวดหนังสือ ครับ

ซึ่งปัญญาจะไม่ใช่ก้าวกระโดดทันทีที่จะรู้ความจริงที่เป็นพระ อภิธรรม ปัญญาจะค่อยๆ เจริญขั้นการฟัง เพียงเล็กน้อย เพราะสะสมกิเลส มีความไม่รู้มามาก และสะสมปัญญามาน้อย จึงต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 3 มี.ค. 2555

การจะถึงการบรรลุ มรรคผลโดยรวดเร็วโดยการเริ่มศึกษาอภิธรรมคงเป็นไปไม่ได้ แต่จะขอกล่าวถึงการเชื่อมโยงระหว่าง การศึกษาพระอภิธรรม กับ การบรรลุมรรคผล ว่าเชื่อมโยง เกี่ยวข้องกันอย่างไร ครับ

พระพุทธเจ้าทรงแสดงครับว่า ปริยัติ ปฏฺบัติ ปฏิเวธ อาศัยการศึกษาพระธรรม คือ ปริยัติ ย่อมถึงการปฏิบัติ คือ การรู้ความจริงของสภาพธรรมที่มีในขณะนี้ และเมื่อระลึก รู้ความจริงบ่อยๆ ย่อมถึง ปฏิเวธ คือ การบรรลุธรรม ครับ

ดังนั้นการศึกษาพระอภิธรรมที่เป็นปริยัติ การศึกษาพระอภิธรรมที่ถูกต้องที่เป็นปริยัติ อันจะนำไปสู่การปฏิบัติ ไม่ใช่เป็นการท่องจำได้ว่ามี จิต เท่าไหร่ เจตสิกเท่าไหร่ ท่องได้ จำได้ แต่การศึกษาพระอภิธรรมที่ถูกต้อง คือ ศึกษาว่าขณะนี้เป็นพระอภิธรรม เห็น เป็นพระอภิธรรมและกำลังมีจริง เป็นแต่เพียงสภาพธรรม เสียง กลิ่น ได้ยิน ก็เป็นแต่ เพียงธรรมในขณะนี้ สำคัญคือ ให้เข้าใจว่าเป็นความจริงในขณะนี้ และเข้าใจว่ายังยึดถือและยังไม่รู้ลักษณะของสภาพธรรมเหล่านี้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ที่สำคัญที่สุด ฟังและศึกษาพระอภิธรรมเพื่อเข้าใจถูกต้องว่า ไม่มีเรา มีแต่ธรรม แม้ในขั้นการฟัง การเข้าใจถูกต้องอย่างนี้ ย่อมเป็นปัจจัยให้นำไปสู่การปฏิบัติได้ ดังนั้น จึงฟังพระอภิธรรม คือ เรื่องราวของสภาพธรรม เพื่อเป็นไปเพื่อถึงลักษณะของสภาพธรรมที่เป็นปฏิบัติ เพราะอาศัยการศึกษาที่ถูกต้องอย่างนี้ โดยไม่ต้องจำ แต่ค่อยๆ เข้าใจว่า ธรรมที่ศึกษา คือขณะนี้ เข้าใจว่าเป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา เพราะมีแต่พระอภิธรรมในชีวิตประจำวัน (เห็น ได้ยิน เป็นต้น) ย่อมเป็นปัจจัยให้สติและปัญญาเกิดระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมในขณะนี้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา เป็นปฏิบัติ และย่อมถึงการบรรลุธรรม เมื่อมีการปฏิบัติบ่อยๆ คือ สติและปัญญาระลึกลักษณะของสภาพธรรมในขณะนี้ว่าเป็นธรรม ไม่ใช่เรา บ่อยๆ ครับ นี่คือการเชื่อมโยงระหว่างปริยัติที่เป็นการศึกษาพระอภิธรรมที่จะนำไปสู่การบรรลุ มรรคผลที่เป็นปฏิเวธ ครับ

หนทางที่ถูกต้อง คือ ฟังและศึกษาพระธรรมในเรื่องของสภาพธรรมไปเรื่อยๆ ปัญญา จะค่อยๆ เจริญและทำหน้าที่เอง จนเป็นปัจจัยให้เกิดสติปัฏฐานที่เป็นปฏิบัติ และย่อมถึงการบรรลุมรคผลในอนาคตได้ ครับ ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมจากผู้รู้ มีท่าน อาจารย์สุจินต์ เป็นต้น ครับ

ขออนุโมทนา

เชิญคลิกดาวน์โหลดหนังสือพระอภิธรรมได้ที่นี่ครับ

พระอภิธรรมในชีวิตประจำวัน

ปรมัตถธรรมสังเขป

เชิญคลิกฟังที่นี่นะครับ มีประโยชน์มาก

พื้นฐานพระอภิธรรมในชีวิตประจำวัน

พื้นฐานอภิธรรมอยู่ที่ไหน

เริ่มต้นที่พระอภิธรรม

พระอภิธรรมเป็นพื้นฐานความเข้าใจพระธรรมวินัยทั้งหมด

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 3 มี.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงพระธรรม เพื่อให้ผู้ฟัง ผู้ศึกษา ได้พิจารณาไตร่ตรอง เป็นความเข้าใจของผู้ฟังเอง ขอเพียงเป็นผู้เห็นประโยชน์ มีศรัทธามีความจริงใจ มีความอดทนที่จะฟังที่จะศึกษาจริงๆ ความเข้าใจก็จะค่อยๆ เจริญขึ้น สะสมไปทีละเล็กทีละน้อย (เก็บเล็กผสมน้อย) และที่สำคัญ การศึกษาธรรม เป็นเรื่องเบาสบายเข้าใจแค่ไหนก็แค่นั้น กล่าวคือ เข้าใจธรรมตามกำลังปัญญาของตนเอง เมื่อไม่ขาดการศึกษา จะด้วยจากการฟัง การอ่าน การพิจารณา ไตร่ตรองในสิ่งที่ได้ยินได้ฟัง การสนทนา การถาม ล้วนเป็นเหตุที่จะทำให้ปัญญาเจริญขึ้นทั้งนั้น การสะสมปัญญา ต้องค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไปจริงๆ พระธรรมมีค่ามาก มีค่ายิ่งกว่าทรัพย์สมบัติใดๆ ในโลกทั้งปวง ซึ่งถ้าไม่มีโอกาสได้ฟัง ไม่มีโอกาสได้ศึกษา ย่อมไม่มีทางที่จะเข้าใจเลย บุคคลผู้ที่ฟัง ศึกษาด้วยความละเอียดรอบคอบเท่านั้น ถึงจะเข้าใจและได้รับประโยชน์จากพระธรรมอย่างแท้จริง,

และที่สำคัญการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม เป็นโอกาสที่หายากในชีวิต เมื่อมีโอกาสแล้ว ได้พบพระธรรมในแนวทางที่ถูกต้องแล้ว ก็ไม่ควรจะปล่อยโอกาสนั้นให้ผ่านไป ควรตั้งใจฟัง ตั้งใจศึกษาต่อไป ดังข้อความธรรมที่ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ได้กล่าวไว้ น่าคิดทีเดียวว่า ธรรมเป็นเรื่องยาก ถ้าไม่เริ่มฟัง แล้วเมื่อไหร่จะเข้าใจ แต่ถ้าเริ่มฟังจริงๆ ตั้งใจฟังจริงๆ ไม่มีวันที่จะไม่เข้าใจ ซึ่งถ้าไม่เริ่มศึกษา ไม่มีปัญญาความเข้าใจถูก เห็นถูกตั้งแต่ต้น ก็จะไม่สามารถถึงขั้นรู้แจ้งอริยสัจจธรรม บรรลุมรรคผล นิพพพานได้เลย ครับ.

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
เซจาน้อย
วันที่ 3 มี.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
pat_jesty
วันที่ 4 มี.ค. 2555

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ING
วันที่ 5 มี.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอขอบพระคุณ และขออนุโมทนากับทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
orawan.c
วันที่ 6 มี.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ