ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๐๓๖
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจสั้นๆ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย เพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ถึงแม้ว่าจะเป็นข้อความที่สั้น แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์อยู่ในตัว ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
[ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๓๖]
* ไม่มีใครที่ให้ความละเอียดยิ่ง โดยถ่องแท้ โดยถูกต้อง โดยประการทั้งปวง ของสิ่งที่มีจริงในขณะนี้ ได้เท่ากับพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
* เรื่องของการฟังธรรม ไม่ว่าจะเป็นธรรมเรื่องใดทั้งสิ้น เป็นไปเพื่อความรู้ เพื่อความ ขัดเกลา เพื่อการละกิเลส ซึ่งจะต้องอาศัยความอดทนอย่างยิ่ง อดทนในการที่รับฟัง ไปเรื่อยๆ เพื่อจะได้เข้าใจในเหตุผลชัดขึ้น
* ถ้าเป็นผู้ศึกษาพระธรรมโดยละเอียด ก็จะเป็นผู้ค่อยๆ รู้ขึ้น ค่อยๆ รู้ความเป็น จริงของสิ่งที่มีจริงในขณะนี้ละเอียดขึ้น
* อกุศลมีหลายขั้น ยังไม่ถึงทุจริตกรรมหรืออกุศลกรรมก็จริง แต่เกิดแล้วน่ารังเกียจ แล้ว สภาพของอกุศลธรรมทั้งหมดน่ารังเกียจ แต่ถ้าหิริเจตสิกไม่เกิด ก็ไม่รังเกียจ โอตตัปปะไม่เกิด ก็ไม่กลัวในโทษของอกุศลนั้น สติไม่เกิด ก็ไม่สามารถจะระลึกรู้ได้ว่า ขณะนั้นอกุศลธรรมนั้นน่ารังเกียจจริงๆ เพราะเหตุว่าเป็นผู้ที่ชินต่ออกุศลธรรมมาก
* สาวกของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มีการฟังธรรม สนทนาธรรม แสดงธรรม เพิ่มพูนความรู้ซึ่งกันและกัน
* ถ้าว่าง่ายก็ง่ายต่อการเจริญกุศล แต่ถ้าว่ายากก็ยากเหลือเกินที่จะเห็นคุณของกุศล เพราะเหตุว่าถ้าสะสมอกุศลธรรมมามากประกอบด้วยมานะความถือตน สำคัญตน ประกอบด้วยความเห็นผิด ยึดมั่นในความเห็นผิด แม้ว่าจะได้ยินได้ฟังสิ่งที่มีเหตุผล แต่ก็ยังเป็นผู้ว่ายาก ไม่สามารถที่จะกระทำตามได้ เพราะอกุศลธรรมที่ได้สะสมมา อกุศลก็จะต้องมีมากแน่ ถ้าเป็นผู้ที่เกียจคร้านในการเจริญกุศล
* เท่าไหร่ก็ไม่พอ โลภะ ไม่มีการหยุดยั้งว่า “พอแล้ว”? ไม่ว่าจะเป็นสภาพธรรมที่ปรากฏทางตา หรือทางหู หรือทางจมูก หรือทางลิ้น หรือทางกาย หรือทางใจ โลภะความยินดีพอใจ ก็เกิดขึ้นติดข้องแล้ว
* ในกาลช่วงหนึ่งก็อาจดูเสมือนว่าตนเองมีกิเลสน้อย แต่ความจริง ถ้ายังไม่ได้ดับกิเลส จะชื่อว่า น้อย ไม่ได้
* พระธรรมมีประโยชน์สูงสุดในชีวิต ที่จะทำให้คลายทุกข์ทุกประการ ไม่ว่าจะเป็น ในกาลใดๆ ทั้งสิ้น แต่ต้องเป็นผู้ที่เข้าใจในพระธรรม ด้วยการศึกษาอย่างละเอียด มิฉะนั้นแล้วก็จะทำให้เข้าใจเพียงผิวเผิน หรือว่าเข้าใจผิด
* การที่จะให้พระธรรมที่ได้ฟังเป็นประโยชน์จริงๆ นั้น ต้องตั้งใจฟัง ไม่คุย ไม่หลับ ไม่ฟุ้งซ่านคิดถึงเรื่องอื่น
* ทำกรรมแทนกันไม่ได้ ปรารถนาจะให้ผู้ที่สิ้นชีวิตไปสู่สุคติ แต่ก็ย่อมแล้วแต่ กรรมของเขาว่าเป็นอย่างไร เขาก็ย่อมไปสู่คติ (ที่เกิด) ของตนอย่างนั้นตามกรรม ถ้า กรรมดีให้ผล ก็ทำให้เกิดในสุคติภูมิ แต่ถ้าอกุศลกรรมให้ผล ก็ทำให้เกิดในอบายภูมิ
* บางท่านก็เศร้าโศกเหลือเกิน เวลาที่ผู้ที่เป็นที่รักหรือว่าญาติมิตรสหายของท่านสิ้นชีวิตลง ลืมคิดไปว่า ได้ประโยชน์อะไรกับการเศร้าโศกนั้น? ผ่ายผอม รับประทานไม่ได้ นอนไม่หลับ นอกจากตัวท่านเองจะเป็นทุกข์แล้ว คนที่ใกล้ชิด พลอยเป็นทุกข์ไปกับท่านด้วย
* กรรมเป็นสภาพที่ปกปิด คือ ขณะที่ทำกรรม ก็ไม่รู้ว่ากรรมนี้จะให้ผลเมื่อใด และจะให้ผลทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น หรือ ทางกาย ไม่มีใครสามารถจะรู้ได้เลย
* ธรรม เป็นอนัตตา ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่เรา และไม่ใช่ของเรา ด้วย เป็นแต่เพียงธรรมแต่ละอย่างๆ เท่านั้น
* ถ้าไม่ฟังพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ก็ไม่สามารถอบรมเจริญปัญญาได้
* ความอยาก ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ปัญญาเจริญขึ้น
* ดีใจไหม ที่ได้มีความเข้าใจถูกเห็นถูก แทนความไม่รู้? ขณะที่เข้าใจ จะบอกว่า ไม่ดี ก็ไม่ได้ เพราะขณะที่เข้าใจเป็นกุศล เป็นสิ่งที่ดีงาม
* เกิดมาแล้วตายไป แต่ก็มีคนเป็นจำนวนมากทีเดียว ที่ไม่ได้ฟังพระธรรม
* ชาตินี้กำลังจะเป็นชาติปางก่อนของชาติหน้า ก็ควรที่จะได้สะสมบุญ คือ ตั้งใจฟังพระธรรม
* ที่พึ่งสูงสุด คือ “ปัญญา”
ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ ๓๕ ได้ที่นี่ครับ
ปันธรรม-ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๓๕
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณและขออนุโมทนอาจารย์คำปั่นและทุกท่านด้วยครับ
- กิเลสเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ เบียดเบียนทั้งตนเองและผู้อื่นให้เดือดร้อนด้วย จึงควรจะต้องขจัดขัดเกลาให้เบาบางและให้หมดสิ้นไป
- ความสุขที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่ ทรัพย์สมบัติ รูปสมบัติหรือลาภ ยศ สรรเสริญ แต่อยู่ที่การไม่มีกิเลสเท่านั้น คน ที่มีทรัพย์มากและมีกิเลสมาก กับคนที่มีทรัพย์น้อยและมีกิเลสน้อย ใครจะมีความ สุขมากกว่ากัน
- ควรเริ่มให้อภัยคนที่เราไม่ชอบเสียตั้งแต่เดี๋ยวนี้อภัยทาน (การให้อภัย) ยังให้ ไม่ได้ แล้วจะเจริญธรรมได้อย่างไร
- พระผู้มีพระภาคทรงแสดงสภาพธรรมที่เกิดขึ้นปรากฏเป็นไปทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ทุกวันทุกขณะโดยละเอียด เพื่อให้เห็นโทษของอกุศลธรรมและภัยของสังสารวัฏฏ์ ซึ่งเมื่อยังไม่เห็นโทษภัยของสังสารวัฏฏ์ ก็ย่อมไม่เพียรอบรม เจริญวิปัสสนาซึ่งเป็นปัญญาที่ประจักษ์แจ้งลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามปกติตามความเป็นจริงจนดับกิเลสได้
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
"เพียงสิ่งที่ปรากฎ เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป"
"ไม่มีอะไรที่เป็นเรา เป็นสัตว์ เป็นบุคคล"
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ได้คุยกับหลายท่าน เขาบอกว่าศึกษาธรรมแล้วเหมือนกิเลสน้อยลง หรือเหมือนหายไปเลย แต่วันหนึ่งกิเลสนั้นกลับมาได้อย่างไรก็ไม่รู้?
"ในกาลช่วงหนึ่งก็อาจดูเสมือนว่าตนเองมีกิเลสน้อย แต่ความจริง ถ้ายังไม่ได้ดับกิเลส จะชื่อว่า น้อย ไม่ได้"
ขอขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ถ้าเป็นผู้ศึกษาพระธรรมโดยละเอียด ก็จะเป็นผู้ค่อยๆ รู้ขึ้น ค่อยๆ รู้ความเป็นจริงของสิ่งที่มีจริงในขณะนี้ละเอียดขึ้น
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณคำปั่น อักษรวิลัย
และ ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ
อย่างที่ท่านอาจารย์สุจินต์ กล่าวอยู่บ่อยๆ ว่า ศึกษาพระธรรม เพื่อความเข้าใจ ไม่ใช่เพื่อ อย่างอื่น บ่อยครั้งพอทุกข์ใจ ก็ระลึกถึงคำพูดท่านอาจารย์สุจินต์ ก็คลายทุกข์ได้ดี
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน คะ
ชาตินี้กำลังจะเป็นชาติปางก่อนของชาติหน้า ก็ควรที่จะได้สะสมบุญ คือ ตั้งใจฟังพระธรรม
ขออนุโมทนาค่ะ
* กรรมเป็นสภาพที่ปกปิด คือ ขณะที่ทำกรรม ก็ไม่รู้ว่ากรรมนี้จะให้ผลเมื่อใด และจะให้ผลทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น หรือ ทางกาย ไม่มีใครสามารถจะรู้ได้เลย
* ถ้าไม่ฟังพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ก็ไม่สามารถอบรมเจริญปัญญาได้
* ที่พึ่งสูงสุด คือ “ปัญญา”
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตทุกท่านค่ะ
ที่พึ่งสูงสุด คือ “ปัญญา”
ธรรม เป็นอนัตตา ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่เรา และไม่ใช่ของเรา ด้วย เป็นแต่เพียงธรรมแต่ละอย่างๆ เท่านั้น ถ้าไม่ฟังพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ก็ไม่สามารถอบรมเจริญปัญญาได้ น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ