สีหสูตร ... วันเสาร์ที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๕

 
มศพ.
วันที่  20 พ.ค. 2555
หมายเลข  21143
อ่าน  2,005

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺสพุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ

ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ
สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ•••..... ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย .....•••
... สนทนาธรรมที่ ...


มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา (มศพ.)

พระสูตร ที่จะนำมาสนทนาที่มูลนิธิฯ

วันเสาร์ที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๕ เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๒.๐๐ น. คือ

๑. สีหสูตร

(ว่าด้วยกำลังของพระตถาคต ๑๐ ประการ)

จาก... พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทสกนิบาต เล่ม ๕- หน้า ๕๖


(ภาพแสดงบรรยากาศการสนทนาธรรมที่มูลนิธิฯ ในวันเสาร์ที่ ๗ ม.ค. ๒๕๕๕)

...นำสนทนาโดย...

ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และ คณะวิทยากร

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทสกนิบาต เล่ม ๕- หน้าที่ ๕๖

๑. สีหสูตร (ว่าด้วยกำลังของพระตถาคต ๑๐ ประการ)

[๒๑] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในเวลาเย็น สีหมฤคราช ย่อมออกจากที่อาศัย ครั้นแล้ว

ย่อมเหยียดดัดตัว ครั้นแล้วย่อมเหลียวดูทิศทั้งโดยรอบ ครั้นแล้วย่อมบันลือสีหนาท

สามครั้ง ครั้นแล้วย่อมหลีกไปเพื่อหากิน ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะมันคิดว่า เราอย่า

ได้ยังสัตว์ตัวเล็กๆ ผู้ไปในที่หากินอันไม่สม่ำเสมอให้ถึงการถูกฆ่าเลย ดูก่อนภิกษุทั้ง

หลายคำว่าสีหะนี้แล เป็นชื่อแห่งพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ดูก่อนภิกษุทั้ง

หลาย การที่ตถาคตแสดงธรรมแก่บริษัท เป็นสีหนาทของตถาคต.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ตถาคตประกอบด้วยกำลังเหล่าใด ย่อมปฏิญาณฐานะของ

ผู้เป็นโจก (ประเสริฐ) บันลือสีหนาท ประกาศพรหมจักรในบริษัท กำลังของตถาคต

มี ๑๐ ประการนี้ ๑๐ ประการเป็นไฉน?

ตถาคตย่อมรู้ชัดซึ่งฐานะ โดยเป็นฐานะ และอฐานะโดยเป็นอฐานะในโลกนี้ ตาม

เป็นจริง ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การที่ตถาคตรู้ชัดซึ่งฐานะโดยเป็นฐานะ และอฐานะ

โดยเป็นอฐานะตามเป็นจริงนี้ เป็นกำลังของตถาคต ที่ตถาคตอาศัยปฏิญาณฐานะ

ของผู้เป็นโจก บันลือสีหนาทประกาศพรหมจักรในบริษัท.

อีกประการหนึ่ง ตถาคตย่อมรู้ชัดซึ่งวิบากแห่งการยึดถือการกระทำ ทั้งที่เป็นอดีต

อนาคต และปัจจุบันโดยฐานะโดยเหตุตามเป็นจริง ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การที่ตถาคต

รู้ชัดซึ่งวิบากแห่งการยึดถือการกระทำที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน โดยฐานะ โดย

เหตุตามที่เป็นจริง นี้ เป็นกำลังของตถาคต ที่ตถาคตอาศัยปฏิญาณฐานะของผู้

เป็นโจกบันลือสีหนาทประกาศพรหมจักรในบริษัท.

อีกประการหนึ่ง ตถาคตย่อมรู้ชัดซึ่งปฏิปทาเครื่องให้ถึงประโยชน์ทั้งปวง ตามเป็น

จริง ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การที่ตถาคตรู้ชัดซึ่งปฏิปทาเครื่องให้ถึงซึ่งประโยชน์ทั้งปวง

ตามเป็นจริง นี้ เป็นกำลังของตถาคต ที่ตถาคตอาศัยปฏิญาณฐานะของผู้เป็นโจก

บันลือสีหนาทประกาศพรหมจักรในบริษัท.

อีกประการหนึ่ง ตถาคตย่อมรู้ชัดซึ่งโลกอันมีธาตุเป็นอเนก มีธาตุต่างๆ ตามเป็น

จริง ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การที่ตถาคตรู้ชัดซึ่งโลกอันมีธาตุเป็นอเนก มีธาตุต่างๆ

ตามเป็นจริงนี้ เป็นกำลังของตถาคต ที่ตถาคตอาศัยปฏิญาณฐานะของผู้เป็นโจก

บันลือสีหนาทประกาศพรหมจักรในบริษัท.

อีกประการหนึ่ง ตถาคตย่อมรู้ชัดซึ่งความที่สัตว์ทั้งหลายเป็นผู้มีอัธยาศัยต่างๆ กัน

ตามเป็นจริง ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การที่ตถาคตรู้ชัดซึ่งความที่สัตว์ทั้งหลายเป็นผู้มี

อัธยาศัยต่างๆ กันตามเป็นจริงนี้ เป็นกำลังของตถาคต ที่ตถาคตอาศัยปฏิญาณฐานะ

ของผู้เป็นโจก บันลือสีหนาทประกาศพรหมจักรในบริษัท.

อีกประการหนึ่ง ตถาคตย่อมรู้ชัดซึ่งความหย่อนและยิ่งแห่งอินทรีย์ของสัตว์อื่นของ

บุคคลอื่นตามเป็นจริง ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การที่ตถาคตรู้ชัดซึ่งความหย่อนและยิ่ง

แห่งอินทรีย์ของสัตว์อื่นของบุคคลอื่นตามเป็นจริงนี้ เป็นกำลังของตถาคต ที่ตถาคต

อาศัยปฏิญาณฐานะของผู้เป็นโจกบันลือสีหนาทประกาศพรหมจักรในบริษัท.

อีกประการหนึ่ง ตถาคตย่อมรู้ชัดซึ่งความเศร้าหมอง ความผ่องแผ้ว การออกแห่ง

ฌาน วิโมกข์ สมาธิ และสมาบัติทั้งหลายตามเป็นจริง ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การที่

ตถาคตรู้ชัดซึ่งความเศร้าหมอง ความผ่องแผ้วการออกแห่งฌาน วิโมกข์ สมาธิ และ

สมาบัติทั้งหลายจามเป็นจริง นี้ เป็นกำลังของตถาคต ที่ตถาคตอาศัยปฏิญาณฐานะ

ของผู้เป็นโจก บันลือสีหนาทประกาศพรหมจักรในบริษัท.

อีกประการหนึ่ง ตถาคตย่อมระลึกชาติก่อนได้เป็นอันมาก คือชาติหนึ่งบ้าง สองชาติ

บ้าง สามชาติบ้าง สี่ชาติบ้าง ห้าชาติบ้าง สิบชาติบ้าง ยี่สิบชาติบ้าง สามสิบชาติบ้าง

สี่สิบชาติบ้าง ห้าสิบูชาติบ้าง ร้อยชาติบ้าง พันชาติบ้าง แสนชาติบ้าง ตลอดสังวัฏกัป

เป็นอันมากบ้างตลอดวิวัฎกัปเป็นอันมากบ้าง ตลอดสังวัฎกัปวิวัฏกัปเป็นอันมากบ้างว่า

ในภพโน้นเรามีชื่ออย่างนี้ มีโคตรอย่างนี้ มีผิวพรรณอย่างนี้ มีอาหารอย่างนี้ เสวยสุข

เสวยทุกข์อย่างนี้ๆ มีกำหนดอายุเพียงเท่านี้ ครั้นจุติจากภพนั้นแล้ว ได้ไปเกิดในภพ

โน้น แม้ในภพนั้น เราก็มีชื่ออย่างนี้มีโคตรอย่างนี้ มีผิวพรรณอย่างนี้ มีอาหารอย่างนี้

เสวยสุขเสวยทุกข์อย่างนี้ๆ มีกำหนดอายุเพียงเท่านี้ ครั้นจุติจากภพนั้นแล้ว ได้มา

เกิดในภพนี้ ย่อมระลึกถึงชาติก่อนได้เป็นอันมาก พร้อมทั้งอาการ พร้อมทั้งอุเทศ ด้วย

ประการฉะนี้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การที่ตถาคตระลึกถึงชาติก่อนได้เป็นอันมาก คือชาติ

หนึ่งบ้าง สองชาติบ้าง ฯลฯ ย่อมระลึกถึงชาติก่อนได้เป็นอันมาก พร้อมทั้งอาการ พร้อม

ทั้งอุเทศ ด้วยประการฉะนี้ เป็นกำลังของตถาคต ที่ตถาคตอาศัยปฏิญาณฐานะของผู้

เป็นโจกบันลือสีหนาทประกาศพรหมจักรในบริษัท.

อีกประการหนึ่ง ตถาคตย่อมเห็นหมู่สัตว์ผู้กำลังจุติ กำลังอุปบัติเลว ประณีต มีผิว

พรรณดี มีผิวพรรณทราม ได้ดี ตกยาก ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ล่วงจักษุมนุษย์ ย่อมรู้

ชัดซึ่งหมู่สัตว์ผู้เป็นไปตามกรรมว่า สัตว์เหล่านี้ประกอบด้วยกายทุจริต วจีทุจริต มโน

ทุจริต ติเตียนพระอริยเจ้า เป็นมิจฉาทิฏฐิ ยึดถือการการทำด้วยอำนาจมิจฉาทิฏฐิ เมื่อ

ตายไปย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ส่วนสัตว์เหล่านั้นประกอบด้วยกายสุจริต

วจีสุจริต มโนสุจริต ไม่ติเตียนพระอริยเจ้า เป็นสัมมาทิฏฐิยึดถือการกระทำด้วยอำนาจ

สัมมาทิฏฐิ เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ตถาคตย่อมเห็นหมู่สัตว์ผู้กำลังจุติ

กำลังอุปบัติ เลว ประณีต มีผิวพรรณดี มีผิวพรรณทราม ได้ดี ตกยาก ด้วยทิพยจักษุอัน

บริสุทธิ์ล่วงจักษุมนุษย์ ย่อมรู้ชัดซึ่งหมู่สัตว์ผู้เป็นไปตามกรรม ด้วยประการฉะนี้

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การที่ตถาคตเห็นสัตว์ผู้กำลังจุติ อุปบัติ เลว ประณีตมีผิวพรรดี

มีผิวพรรณทราม ได้ดี ตกยาก ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ล่วงจักมนุษย์ รู้ชัดซึ่งหมู่สัตว์

ผู้เป็นไปตามกรรม ฯลฯ นี้ เป็นกำลังของตถาคต ที่ตถาคตอาศัยปฏิญาณฐานะของผู้

เป็นโจก บันลือสีหนาทประกาศพรหมจักรในบริษัท.

อีกประการหนึ่ง ตถาคตกระทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติอันหาอาสวะมิได้

เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่ ดูก่อนภิกษุทั้ง

หลาย การที่ตถาคตกระทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะ

อาสวะทั้งหลายสิ้นไปด้วยปัญญาอันยิ่งเองในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่ แม้นี้ ก็เป็นกำลังของ

ตถาคต ตถาคตอาศัยปฏิญาณฐานะของผู้เป็นโจก บันลือสีหนาทประกาศพรหม-

จักรในบริษัท.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ตถาคตประกอบด้วยกำลังเหล่าใด ปฏิญาณฐานะของผู้เป็น

โจก บันลือสีหนาทประกาศพรหมจักรในบริษัท กำลังของตถาคตเหล่านั้น ๑๐ ประการ

นี้แล.

จบสีหสูตรที่ ๑.


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 20 พ.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ข้อความโดยสรุป

๑. สีหสูตร

(ว่าด้วยกำลังของพระตถาคต ๑๐ ประการ)

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงกำลัง ๑๐ ประการของพระตถาคต ดังนี้

๑. พระตถาคตทรงรู้ชัดซึ่งฐานะ โดยเป็นฐานะ และอฐานะโดยเป็นอฐานะ ในโลกนี้

ตามเป็นจริง

๒. พระตถาคต ทรงรู้ชัดซึ่งวิบากแห่งกรรมทั้งที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน โดย

ฐานะ โดยเหตุ ตามเป็นจริง

๓. พระตถาคต ทรงรู้ชัดซึ่งปฏิปทาเครื่องให้ถึงประโยชน์ทั้งปวง ตามเป็นจริง

๔. พระตถาคต ทรงรู้ชัดซึ่งโลกอันมีธาตุเป็นอเนก มีธาตุต่างๆ ตามเป็นจริง

๕. พระตถาคต ทรงรู้ชัดซึ่งความที่สัตว์ทั้งหลายเป็นผู้มีอัธยาศัยต่างๆ กัน ตาม

เป็นจริง

๖. พระตถาคต ทรงรู้ชัดซึ่งความหย่อนและยิ่งแห่งอินทรีย์ ของสัตว์อื่น ของบุคคล

อื่น ตามเป็นจริง

๗. พระตถาคต ทรงรู้ชัดซึ่งความเศร้าหมอง ความผ่องแผ้ว การออกแห่งฌาน

วิโมกข์ สมาธิ และสมาบัติทั้งหลายตามเป็นจริง

๘. พระตถาคต ทรงระลึกชาติหนหลังได้เป็นอันมาก

๙. พระตถาคต ทรงเห็นหมู่สัตว์ผู้กำลังจุติ กำลังอุปบัติ เลว ประณีต มีผิวพรรณดี

มีผิวพรรณทราม ได้ดี ตกยาก ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ล่วงจักษุมนุษย์

๑๐. พระตถาคตกระทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติอันหาอาสวะมิได้.

ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมเพื่อความเข้าใจยิ่งขึ้นได้ที่นี้ครับ

ทศพลญาณ - อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ

ฐานะและอฐานะ

ฐานะและอฐานะ [พหุธาตุกสูตร]

พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเป็นบุคคลเอก

เจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุติ

อาสวะ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 20 พ.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

อธิบาย สีหสูตร

สำหรับพระสูตรนี้ เป็นการแสดง คุณธรรมของพระพุทธเจ้า ตามความเป็นจริง โดย

ทรงเปรียบเทียบ กับ สีหะ คือ ราชสีห์ที่เป็นเจ้าของสัตว์ป่า ซึ่ง สีหะ ราชสีห์ เมื่อเวลา

ตื่นจากการนอนแล้ว ก็จะเปล่งสีหนาท คือ เปล่งเสียงอันดัง 3 ครั้ง แสดงถึงกำลังของ

ตน เหล่าสัตว์ทั้งหลาย เมื่อได้ยินเสียง ต่างก็เกรงกลัว ครั่นคร้าม ในกำลังของราชสีห์

ที่เปล่งเสียงนั้น ด้วยความมั่นใจในกำลังของตน

พระพุทธเจ้า ก็ชื่อ ว่า สีหะ เพราะ มีกำลัง คือ บรรลือ สีหนาท กล่าวคุณธรรมของ

พระองค์ตามความเป็นจริงที่เป็นกำลัง 10 ประการ (ทศพลญาณ) ซึ่งหมู่สัตว์ทั้งหลาย

ไม่มีคุณธรรมเหล่านี้ ซึ่ง กำลัง 10 ประการนั้น มีฉพาะแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้น ผู้อื่น

ไม่สามารถมีได้ ดังนั้น การอ่านศึกษา พระสูตรนี้ ประโยชน์ไม่ได้อยู่ที่ จะหาชื่อว่า 10

ประการมีอะไรบ้าง ละอียดอย่างไร แต่การอ่าน การศึกษาพระสูตรนี้ ให้เห็นถึงคุณธรรม

ของพระองค์ที่ไม่สาธารณะกับใคร เมื่อเข้าใจดังนี้ ย่อมน้อมระลึกถึงพระคุณของ

พระพุทธเจ้าตามควาเมป็นจริง เกิดกุศลจิตที่เป็นพุทธานุสสติ และเห็นถึงพระปัญญา

คุณ และ พระมหากรุณาคุณของพระพุทธองค์ ที่มีกำลัง คือ ปัญญา ที่เหนือสัตว์โลก

ทั้งปวง และ ทรงอาศัยกำลัง 10 ประการ คือ คุณธรรมของพระองค์เหล่านี้ เกื้อกูลสัตว์

โลก เช่น ทรงรู้ อัธยาศัยของสัตว์โลก จึงแสดงพระธรรมให้เหมาะสมกับผุ้นั้น ทรงรู้ถึง

ความอ่อนและความแก่กล้าของอินทรีย์ คือ ปัญญา ว่าเวลาไหนที่เขาถึงพร้อมแล้วที่จะ

บรรลุ ก็แสดงพระธรรมตอนนั้น นี่คือ กำลังบางประการของพระองค์ ที่แสดงถึงพระ

มหากรุณาธิคุณ ที่เกื้อกูลสัตว์โลก และพระปัญญาคุณที่ไม่เสมอเหมือนใคร นอกจาก

พระพุทธเจ้าด้วยกัน เพราะฉะนั้น พระสูตรนี้ หรือ พระสูตรไหนก็ตาม เมื่ออ่าน ศึกษา

แล้ว เป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของกุศล ศรัทธาและปัญญา แต่ไม่ใช่เป็นการเจริญ

ขึ้นของการจำชื่อ เรื่องราวที่เป็นกำลัง 10 ประการว่ามีอะไรบ้าง แต่เมื่อได้อ่าน ได้รู้

ถึงกำลัง 10 ประการ ย่อมน้อมระลึกถึงพระคุณได้ ตามความเป็นจริง ครับ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
นายเรืองศิลป์
วันที่ 22 พ.ค. 2555

อนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ทศพล13
วันที่ 22 พ.ค. 2555

ขอกราบอนุโมทนาด้วยความเคารพนอบน้อมอย่างสูงยิ่ง

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 23 พ.ค. 2555

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Jans
วันที่ 23 พ.ค. 2555
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
เข้าใจ
วันที่ 24 พ.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
orawan.c
วันที่ 25 พ.ค. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
สิริพรรณ
วันที่ 1 มี.ค. 2561

กราบนอบน้อมพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้นด้วยเศียรเกล้า

อนุโมทนาขอบพระคุณวิทยากรทั้ง ๒ ท่าน ค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ