ลิงที่โง่...จะโง่ต่อไปหรือสะสมปัญญา (ตอน ๒)

 
เมตตา
วันที่  22 ส.ค. 2555
หมายเลข  21597
อ่าน  1,444

ขณะที่อบรมเจริญปัญญา รู้ลักษณะสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง ขณะนั้นโลภะไม่เกิด ไม่ติดข้อง ไม่ติดตัง พระผู้มีพระภาคทรงแสดงหนทางซึ่งเป็นหนทางเดียวเท่านั้น คือ การอบรมเจริญสติปัฏฐาน

ขณะเห็น เห็นเพียงสิ่งที่ปรากฏทางตา ซึ่งเป็นรูปธาตุ เห็นนั้นเป็นนามธาตุ เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ไม่ใช่เรา แต่อวิชชาไม่รู้ความจริง เห็นแล้วก็เกิดความพอใจ ไม่พอใจในสิ่งที่เห็น ขณะได้ยินก็เป็นเพียงได้ยิน และเสียงเท่านั้น แต่หลังได้ยินก็เป็นลิง เป็นเรื่องราวต่างๆ มากมาย

ขณะนี้กำลังฟังก็คิดแล้ว คิดเรื่องลิง แต่ความจริงขณะนั้นเป็นเพียงได้ยิน และคิด ที่จริง เห็นก็เช่นกัน เห็นแล้วก็คิดถึงคนนี้ คนนั้น สิ่งนั้น สิ่งนี้ แล้วก็พอใจบ้าง ไม่พอใจบ้าง

เพราะความไม่รู้ก็ทำให้มีความยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นเรา ... ติดตังแล้ว แล้วก็พอใจ ไม่พอใจ ... ก็ติดตังอีกแล้ว ชีวิตประจำวันนั้น หลังเห็น หลังได้ยิน ... ติดตังเป็นชั้นๆ มีแต่สะสมอกุศลกิเลส เพราะแต่ละวัน ตัง ทั้งนั้น แล้วจะสะสมอะไรดี สะสมให้โลภะเกิด หรือปัญญาเกิด เห็นขณะนี้ก็ไม่รู้ได้ยินก็ไม่รู้

การฟังพระธรรมเป็นประโยชน์ทุกคำ หนทางจริงๆ คือการเข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏให้ถูกต้องเพิ่มขึ้น คิดตามคำที่ได้ยินได้ฟัง แล้วมีความเข้าใจอะไรหรือเปล่า ก็ไม่รู้ว่าอวิชชา ความไม่รู้ อยู่ที่ไหน เช่น เห็นเดี๋ยวนี้มีอวิชชา ไหม ตามความเป็นจริง ถ้าไม่รู้ก็คิดตามนิมิตอนุพยัญชนะ แล้วก็ติดข้อง ความไม่รู้มีมาก จึงต้องค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูก เห็นถูก ไม่ใช่จะอบรมอริยมรรคมีองค์ ๘ แต่ไม่รู้จักองค์แรก คือ สัมมาทิฏฐิ ต้องมีปัญญา เข้าใจถูกในสิ่งที่มีจริง จะเห็นได้ว่า แค่ทางตาทางเดียว มีความไม่รู้มากแค่ไหน แล้วทางอื่นๆ อีก ... ตัง ทั้งนั้น

พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงความจริงซึ่งก็ไม่พ้นจากสิ่งที่เป็นจริงของเห็น ได้ยิน ... และคิด ลักษณะที่แท้จริงของสภาพธรรมต่างๆ ผู้ที่อบรมเจริญปัญญาเท่านั้น ที่จะสามารถประจักษ์ความจริงของสภาพธรรมและดับกิเลสได้เป็นลำดับขั้น

ทุกวันก็มีแต่เห็น ได้ยิน ... จะหนีกามคุณ ๕ ไปไม่พ้น แล้วจะเป็นลิงที่โง่อยู่หรือ? หรือจะอบรมเจริญปัญญา

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ อย่างยิ่งค่ะ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
nong
วันที่ 22 ส.ค. 2555

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
daris
วันที่ 22 ส.ค. 2555

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
kinder
วันที่ 22 ส.ค. 2555

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
Graabphra
วันที่ 22 ส.ค. 2555

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
jaturong
วันที่ 23 ส.ค. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 23 ส.ค. 2555

ลิงโง่หรือคนโง่เหมือนลิงที่ติดตัง ... ย่อมทำประโยชน์ให้เสียไป ... หนทางที่จะทำให้ฉลาด คือ การสะสมปัญญาทีละเล็กน้อยจนสามารถละความติดข้องในกามได้ หนทางเดียวในการละ คือ การเจริญสติปัฏฐาน


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย มหานิทเทส เล่ม ๕ ภาค ๑ - หน้าที่ 26-27

สัตว์ผู้เกิดมา พึงเป็นผู้มีสติทุกเมื่อ พึงเว้นขาดกามทั้งหลาย ครั้นเว้นขาดตามเหล่านั้นแล้ว พึงข้ามโอฆะได้ เหมือนบุคคลวิดน้ำในเรือแล้วไปถึงฝั่งฉะนั้น.

คำว่า มีสติ ได้แก่ เป็นผู้มีสติโดยเหตุ ๔ อย่าง คือ เจริญสติปัฏฐาน

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Komsan
วันที่ 23 ส.ค. 2555

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
khampan.a
วันที่ 23 ส.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

การฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นการฟังที่ยอดเยี่ยม ขณะที่เข้าใจ ปัญญาก็เจริญขึ้น ขณะนั้นก็เป็นการสะสมความเข้าใจไปตามลำดับ ถึงแม้จะมี กุศล เกิดต่อและเกิดบ่อยในชีวิตประจำวัน เป็นลิงที่ติดตัง แต่ก็เป็นคนละส่วนกันกับขณะที่เป็นกุศล ขณะที่สะสมปัญญา

เพราะฉะนั้น แม้ปัญญาจะเกิดน้อย แต่เมื่อค่อยๆ เจริญขึ้น ในที่สุดแล้ว ก็สามารถดับกิเลสได้ แม้ว่ากิเลสนั้นจะสะสมมามากเท่าไรก็ตาม เมื่อปัญญามีกำลังเพิ่มขึ้นๆ ก็สามารถที่จะดับกิเลสได้ โดยต้องเริ่มจากความเข้าใจในหนทางที่ถูกต้องอย่างแท้จริง นั่นก็คือ การอบรมเจริญปัญญาครับ.

...ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่เมตตา และ ทุกๆ ท่านด้วยครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
orawan.c
วันที่ 30 ส.ค. 2555

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ