ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ ประเทศอินเดีย ๒๓ - ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ [ตอนที่ ๑]
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ระหว่างวันที่ ๒๓ - ๓๐ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๕ ที่ผ่านมา ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และ คณะฯ ประมาณ ๑๕๐ ท่าน จาก มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา ได้เดินทางไปยัง พุทธคยา และ สารนาถ (ป่าอสิปปัตนะมฤคทายวัน สถานที่ทรงแสดงปฐมเทศนา) เมืองพาราณสี ประเทศอินเดีย เพื่อนำ " พระรัตนบุษยภาชน์อโศกมหาราชปริวรรต " (ภาชนะเป็นเครื่องบรรจุหรือประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ อันมีรูปคล้ายดอกบัว สำเร็จด้วยแก้วอันประเสริฐ ซึ่งเปลี่ยนมาโดยลำดับ ตั้งแต่สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช) ที่มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา ได้รับโอกาสให้จัดสร้าง ดังที่ได้ทราบแล้ว ไปถวายไว้ เพื่อครอบที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุองค์เดิมที่สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ณ พระมูลคันธกุฎี สารนาถ เมืองพาราณสี
เนื่องจากครั้งนี้ เป็นการเดินทางที่สำคัญยิ่งครั้งหนึ่ง ของท่านอาจารย์ และ คณะฯ ซึ่งแน่นอนว่า ย่อมจารึกไว้ในประวัติของมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา สืบไป มีภาพ และ ความธรรมะที่น่าประทับใจมากมาย ควรที่จะได้นำมาแบ่งปัน และ บันทึกไว้ ซึ่งข้าพเจ้าเข้าใจว่า ไม่เพียงแต่ท่านที่ได้มีกุศลศรัทธา ร่วมบริจาค เงิน ทอง และ อัญมณีมากมาย เพื่อจัดสร้างพระรัตนบุษยภาชน์ฯ ดังกล่าวเท่านั้น ที่จะมีกุศลปีติโสมนัสที่ได้เห็น แต่สำหรับท่านอื่นๆ ที่ได้เห็นภาพและความนี้ ก็จะได้มีกุศลจิต ร่วมอนุโมทนาด้วยเช่นกัน
ดังที่ข้าพเจ้ากล่าวแล้ว ว่ามีภาพและความธรรมะมากมาย ที่ควรจะได้นำมาแบ่งปัน จึงใคร่ขอนำเสนอท่าน เป็นตอนๆ ไป ซึ่งได้พิจารณาดูแล้ว ว่าควรที่จะมี ๖ ตอนจบ เพื่อให้ได้รายละเอียดครบถ้วนพอควร ซึ่งข้าพเจ้าได้ตั้งชื่อตอนต่างๆ ไว้ดังนี้ ครับ
[ตอนที่ ๑] แทบพระบาท พระศาสดา
[ตอนที่ ๓] งามหมดจด พระรัตนบุษยภาชน์ฯ
[ตอนที่ ๔] สนทนาธรรม ตามโอกาส วาระสมัย
[ตอนที่ ๕] ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ซาบซึ้ง ในหทัย
[ตอนที่ ๖] กราบพระรัตนตรัย ใจชื่นบาน
[ตอนที่ ๑] แทบพระบาท พระศาสดา
วันแรก เมื่อคณะฯ เดินทางถึงพุทธคยา หลังการเช็คอินเข้าโรงแรมที่พักแล้ว ได้ออกเดินทางไปนมัสการต้นพระศรีมหาโพธิ์ ซึ่งเป็นสถานที่ทรงตรัสรู้ เป็นสถานที่ๆ เต็มไปด้วยรอยพระบาท ของพระมหาโพธิสัตว์ ผู้ทรงบำเพ็ญพระบารมียาวนานถึงสี่อสงไขยแสนกัป ก่อนที่จะทรง ตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ถึงความเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า และ ย่างพระบาทไป ทั่วบริเวณนี้ ทุกขณะ ที่ทุกท่านก้าวไป แม้การน้อมศีรษะกราบลง ณ บริเวณใดในที่นี้ก็ตาม หาได้ปราศจากรอยพระบาท ของพระศาสดา ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ พระองค์นั้นไม่ ข้าพระพุทธเจ้า ขอกราบแทบพระบาทของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ด้วยเศียรเกล้า
และ หลังจากนั้น ทางคณะฯ ได้เดินทางไปนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ พระธาตุของท่านพระสารีบุตร และ พระธาตุของท่านพระมหาโมคคัลลานะ ที่ สมาคมมหาโพธิ์ พุทธคยา แห่งประเทศอินเดีย ต่อจากนั้น ท่านอาจารย์ได้ขอเชิญทุกท่าน ไปสนทนากัน ณ ที่พักของท่านอาจารย์ คือ โรงแรมอิมพีเรียล พุทธคยา เป็นการสนทนาสั้นๆ แต่มีความไพเราะอย่างยิ่ง ข้าพเจ้าจึงขอนำมาฝากให้ท่านได้พิจารณาไปพร้อมๆ กับภาพที่ได้บันทึกมา นะครับ
คำขอขมาพระรัตนตรัย
... บุญอันใด อันข้าพเจ้าได้ประกอบแล้ว ในทวีปนี้ ขอเดชะบุญนั้น ขออันตราย คือ ความเห็นผิดในพระรัตนตรัย จงอย่าได้มีแก่ข้าพเจ้า กรรมอันน่าติเตียนอันใด ที่ข้าพเจ้าได้ล่วงเกินแล้ว ต่อพระพุทธเจ้า พระธรรม และ พระสงฆ์ ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี ขอพระพุทธเจ้า พระธรรม และ พระสงฆ์ ได้โปรดอดโทษแก่ข้าพเจ้า เพื่อข้าพเจ้า จักได้สำรวมระวัง ในพระรัตนตรัย ในกาลต่อไป ...
ข้อความการสนทนา ที่โรงแรมอิมพีเรียล พุทธคยา ในตอนค่ำของ วันที่ ๒๓ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๕
...
ท่านอาจารย์ คำขอขมา หมายความว่า เป็นการที่เรารู้สึกผิดในความผิด ที่เราได้ทำไปแล้ว เพราะฉะนั้น แม้แต่ในวินัยของบรรพชิต เวลาที่ท่านรู้สึกว่า ท่านทำผิด ท่านก็ต้องประกาศแล้วก็ให้รู้ว่า ต่อไป ท่านก็จะได้สำนึก แล้วก็ไม่ทำอย่างนั้นอีก
(ภาพท่านอาจารย์และคณะฯเฝ้า นมัสการ สมเด็จพระสังฆราชแห่งศรีลังกา ณ ลานพระมหาเจดีย์ ก่อนเวียนประทักษิณ โดยรอบพระมหาเจดีย์พุทธคยา ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงเทศกาล มีผู้คนมากราบนมัสการแน่นขนัด ในตอนค่ำ)
ทุกคนมาด้วยใจสมัคร และลองคิดดูนะคะ ที่เราจะได้มาพร้อมกัน ต้องเป็นบุญ ที่ได้กระทำแล้ว แน่นอน เพราะเหตุว่า มีท่านหนึ่ง ซึ่งท่านก็เตรียมพร้อมทุกอย่างที่จะมา แต่เมื่อคืนนี้ ท่านก็ป่วยกะทันหัน ก็มาไม่ได้ เพราะฉะนั้น แต่ละคนก็จะเห็นว่า ความเป็นอนัตตา พิสูจน์อยู่ทุกขณะ เพียงแต่ว่า เรามีปัญญา พอที่จะเข้าใจ แล้วก็รู้สึกว่า เป็นเรื่องที่เกิดแล้ว แต่ที่สำคัญที่สุด คือ ใจของเรา ของแต่ละคน
ทุกคนก็คงได้ทราบ ที่มูลนิธิฯ ได้ตระเตรียม ที่จะได้สร้างที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ที่สารนาถ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ เป็นโอกาสพิเศษจริงๆ เพราะว่า ใครจะคิดล่ะคะ?ว่าเรามีโอกาสที่จะได้สร้างที่ประดิษฐาน ในเมืองที่ไม่ใช่เมืองของเรา แล้วก็ เป็นเมืองของชาวพุทธทั่วโลก ก็ให้ความสำคัญ แต่เราก็ได้มีโอกาสสร้าง
เพราะฉะนั้น การที่เรามาพร้อมกันในวันนี้ ก็ต้อง เป็นบุญที่ได้ทำไว้แล้ว แน่นอน แล้วก็เป็นครอบครัวที่ใหญ่มาก มากกว่าครอบครัวของแต่ละคน ครอบครัวของแต่ละคนก็คงไม่มาก สี่ห้าคนบ้าง สิบคนบ้าง แต่นี่เป็นร้อยกว่าคน เพราะฉะนั้น ก็จะต้องมีเรื่องที่ต้องขอขมา หรือว่า ขออภัย เพราะเหตุว่า เป็นการเพียงแต่สำนึกผิด ว่าเราได้ทำผิด แล้วก็เราจะไม่ทำอย่างนั้นอีก
เราบูชา ด้วยสิ่งที่มีค่าสูงสุด ที่เราสามารถจะกระทำกันได้ อย่างสุดฝีมือ ทั้งของอาจารย์พีรพล คุณวีระ ทั้งสองท่าน ก็ได้ช่วยกัน คุณวีระ ท่านก็เป็นผู้มีความชำนาญทางด้านโลหะ และ คุณพีรพล ก็ในเรื่องของการสร้างที่เพชรนิลจินดา เครื่องประดับต่างๆ ของ กาญจนาภิเษกวิทยาลัย ช่างทองหลวง (Royal Goldsmith) ซึ่งท่านก็ได้ทำให้มูลนิธิฯ มาตั้งแต่เรื่องแรก คือ ตั้งแต่ที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ที่มูลนิธิฯ แล้วก็ที่ คยา ทั้งสามองค์ ที่ประดิษฐาน พระบรมสารีริกธาตุของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธาตุของท่านพระสารีบุตรของท่านพระโมคคัลลานะ อันนี้ ก็จะเป็นอันที่สาม ที่สารนาถ
พวกเราร่วมใจกันอย่างเต็มที่ ไม่ว่าเราจะต้องการอะไร ทั้งเงิน ทั้งเครื่องประดับ ทั้งหมด ทุกคนก็จะได้เห็น สิ่งซึ่ง คงจะหาใครทำ ในความรู้สึกของดิฉันเอง ก็รู้สึกว่า ยาก ... ที่จะทำได้อย่างนี้ ถ้าเป็นสมัยก่อนคงบอกว่า "บุญตา" นะคะ ที่ได้เห็น แต่ ที่ได้เห็น ลึกกว่านั้น ก็คือว่า ความเป็นน้ำหนึ่ง ใจเดียว และ การมีศรัทธา ในการที่จะทำทุกอย่าง เพื่อพระศาสนา
ที่ทำกันอยู่นี้ ก็คือว่า ทุกคนได้ศึกษาธรรมะ จะมาที่มูลนิธิฯ หรือว่า ไม่ได้มา แต่ก็ฟังธรรมะที่บ้าน มีโอกาสก็มา ก็ได้อนุโมทนา ในกุศลศรัทธา ... ซึ่งยาก ... สำหรับยุคนี้ ...
เพราะเหตุว่า ไม่มีอะไรที่จะลึกซึ้งเท่าธรรมะ ไม่มีอะไรที่จะ เห็นความประเสริฐ เท่ากับ ความเป็นพระรัตนตรัย ของทั้ง พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงบำเพ็ญพระบารมี หลายพระชาติ ก็คือ ณ บริเวณนี้ จนกระทั่งถึง กาละสมบูรณ์ ที่จะได้ตรัสรู้ เป็น พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ ณ บริเวณนี้
และ เราก็คงจะได้เคยได้ยิน ได้ฟังมาบ้าง เราถึงได้ ชาติก่อนๆ อาจจะมาแล้ว และ ชาตินี้ ก็มาอีก หรือ อาจจะมา แล้วๆ เล่าๆ อยู่ในบริเวณนี้ จนกระทั่งถึงวันนี้ ซึ่งความจริง ถ้าจะใช้คำว่า ณ กาลครั้งหนึ่ง ความจริง แต่ละหนึ่งขณะนี้ ก็เป็น ณ กาลครั้งหนึ่ง
ถ้าเราศึกษาธรรมะ เราจะรู้ได้เลยว่า ถ้าไม่มี ณ กาลครั้งหนึ่ง แต่ละหนึ่ง แต่ละหนึ่ง แต่ละหนึ่ง ก็จะไม่มี ความเป็นชีวิต มีชีวิต ตั้งแต่อดีต มาจนกระทั่งถึง ปัจจุบัน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด ที่ดิฉันคิดเสมอ ไม่ว่าจะที่มูลนิธิฯ หรือ ที่ไหน ก็คือว่า ทุกคน ได้บูชาพระรัตนตรัย ด้วยกำลังความสามารถ
อย่างที่มูลนิธิฯ ต้องขออนุโมทนา ทุกท่าน ที่พร้อมที่จะทำทุกอย่าง ตั้งแต่ล้างจาน ดูแลต้นไม้ แล้วก็ ช่วยกันทำอาหาร แล้วก็ เอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่กัน
พอหรือยังคะ? คำถามว่า พอหรือยัง? ไม่มีวันพอ ความดี ไม่มีวันพอเลย เพราะฉะนั้น สิ่งที่ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงบำเพ็ญ "เพื่อเรา จะเป็นคนดี"
ทรงแสดงพระธรรม ๔๕ พรรษา ซึ่งก็ยังมีดำรงอยู่ ให้เราสามารถที่จะศึกษา ด้วยความเคารพอย่างยิ่ง คือ ไม่ใช่เคารพเพียงตัวหนังสือ แต่เคารพ ถึงพระมหากรุณา ที่ทรงบำเพ็ญมา เพื่อแต่ละหนึ่งคน จากการที่สะสมมา ซึ่งถ้าจะสามารถรู้ได้ จิตของเราตั้งแต่เช้า มาจนกระทั่งถึงวันนี้ ขณะนี้ อกุศลมาก หรือ กุศลมาก และ เพียงแค่วันเดียว และ ถอยไป แต่พระมหากรุณาที่เห็นว่า ถ้าไม่ทรงบำเพ็ญบารมี ถึงความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะไม่มีพระธรรม ที่จะขจัด ขัดเกลากิเลสได้เลย
อย่างพระปัจเจกพุทธเจ้า ท่านบำเพ็ญบารมี เพื่อที่จะตรัสรู้ ยากมาก แม้แต่จะรู้ได้ด้วยตัวเอง แต่ก็ไม่ถึงความเป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น เวลาที่มีโอกาสได้ฟังพระธรรม "แต่ละคำ" มาจากการบำเพ็ญพระบารมี ยากยิ่ง
เพราะฉะนั้น ถ้าเราศึกษาจริงๆ เราไม่เพียงแต่มุ่งจะเข้าใจเพียงคำ และ ความหมาย แต่ เห็นถึงพระมหากรุณาคุณว่า ที่บำเพ็ญบารมี เพื่อให้เราเป็นคนดีและ เพื่อที่จะ ทำความดีเพราะฉะนั้น แม้ว่า เครื่องบูชาที่เรานำมา เป็นสิ่งที่ยากที่จะกระทำได้ มีความประณีต มีความสวยงาม ด้วยความที่ทุกคน เป็นกุศลร่วมกัน แต่พุทธประสงค์จริงๆ ก็ไม่ใช่เพื่อต้องการวัตถุใดๆ แต่เพื่อต้องการให้เราแต่ละคน จากการที่สะสมกิเลสมามากๆ ได้มี ความเข้าใจธรรมะ ซึ่งเป็นสิ่งเดียว ที่จะสามารถที่จะขัดเกลาความไม่ดี ได้
เพราะฉะนั้น ก็คิดว่า เราได้เดินทางกันมา จากเมืองไทย มาสู่ประเทศซึ่ง เป็นดินแดนของพระพุทธศาสนา คำสอนจากการตรัสรู้ แต่ขอให้ได้ระลึกด้วยว่า ... สิ่งที่เราบูชาทั้งหมด ไม่เท่ากับ ความดี ที่เราจะกระทำ แต่ละขณะ ที่สามารถที่จะเป็นไปได้
เพราะฉะนั้น วันนี้ก็ดึก นะคะ สี่ทุ่ม แล้วก็พรุ่งนี้ก็จะต้องไปเขาคิฌชกูฏอีก แต่ก็อยากจะให้ทุกคน ที่ได้ฟังธรรมะ ไม่ใช่เพียงฟัง แต่ คิดถึงสภาพจิต ของเราเอง ซึ่งไม่มีทางเลย ที่เราจะดีขึ้น ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม ซึ่งโอกาสที่จะได้ฟัง ไม่มีใครสามารถที่จะรู้ได้ว่า อีกนานเท่าไหร่? และ อีกเมื่อไหร่? แต่ว่า โอกาสนี้ ก็เป็นโอกาสที่หายาก ที่มีโอกาสที่จะได้มา เคารพสักการะ ณ สถานที่ ที่ได้ทรงบำเพ็ญพระบารมี ตั้งแต่ครั้งเป็นพระโพธิสัตว์ จนกระทั่งได้ตรัสรู้ แล้วก็ได้แสดงพระธรรม
เพราะฉะนั้น ความกตัญญูสูงสุด ก็คือว่า ฟังพระธรรม ด้วยความเคารพ ไม่ใช่เพียงด้วยการเข้าใจ แต่ว่า พระธรรม ก็จะทำให้เรา ระลึกถึงพระคุณ แล้วก็รู้ว่า การทำดี การเป็นคนดี แล้วก็ศึกษาพระธรรม เป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุด ในชีวิต
ก็ต้องขอขอบพระคุณนะคะ แล้วก็อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่าน แต่เรื่องขออภัย ต้องมีอีกแน่นอน เยอะแยะเลย นะคะ เช่นวันนี้ ก็จะถึงขณะที่ว่า แม้แต่ว่าจะมีการคุยกัน ก็ยังต้องช้า แต่ว่า อนัตตา คำนี้ลืมไม่ได้เลย ไม่ใช่เพียงพูด แต่ว่า ทุกขณะนี้เอง ปัญญา สามารถที่จะเห็น ความเป็นอนัตตาได้ แม้แต่ฟังแล้ว ใครจะคิดอย่างไร ก็เป็นอนัตตา ไม่ว่าจะเป็นขณะไหนทั้งสิ้น จะเห็น จะได้ยิน จะคิด จะทำอะไรต่างๆ ทุกขณะ เป็นไป ตามเหตุ ตามปัจจัย
ซึ่งก็อีกนาน กว่าเราจะได้มีความซาบซึ้งในพระธรรม แล้วก็เห็นคุณค่าจริงๆ แล้วก็อบรมเจริญหนทางที่นำด้วยปัญญา เพราะเหตุว่า ทางเดินมีสองทาง ค่ะ นำด้วยปัญญา หรือว่า นำด้วยอวิชชา ความไม่รู้ แต่ว่า กว่าจะรู้ได้นี่ก็ อดทน บารมีทั้ง ๑๐ ขาดไม่ได้เลย แม้แต่บารมีสุดท้าย บารมีเริ่มแรก คือ ปัญญา บารมีสุดท้าย คือ เมตตา ถ้าไม่มีความเป็นมิตร ไม่มีเมตตา กุศลอื่น เจริญได้ไหม? อันนี้ก็คงจะเป็นความคิดที่ว่า แต่ละข้อๆ ที่ทรงแสดง พระมหากรุณาคุณ เพื่อเราไตร่ตรอง แล้วก็เห็นประโยชน์ แล้วก็ทำความดี แล้วก็ศึกษาธรรมะ ก็ขอขอบพระคุณ นะคะ แล้วก็ขออนุโมทนาในกุศลค่ะ
[เล่มที่ 42] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หน้าที่ 8
ว่าด้วยบุญและบาป
บุคคล พึงรีบขวนขวายในความดี พึงห้ามจิตเสียจากบาป เพราะว่าเมื่อบุคคลทำความดีช้าอยู่ ใจจะยินดีในบาป. ถ้าบุรุษพึงทำบาปไซร้ ไม่ควรทำบาปนั้นบ่อยๆ ไม่ควรทำความพอใจในบาปนั้น เพราะว่าความสั่งสม เป็นเหตุให้เกิดทุกข์ ถ้าบุรุษพึงทำบุญไซร้ พึงทำบุญนั้นบ่อยๆ พึงทำความพอใจในบุญนั้น เพราะว่า ความสั่งสมบุญ ทำให้เกิดสุข
กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน ครับ
...
[ตอนต่อไป ตอนที่ ๒ หลากศรัทธา ในตถาคต]
"พวกเราร่วมใจกันอย่างเต็มที่ ไม่ว่าเราจะต้องการอะไร
ทั้งเงิน ทั้งเครื่องประดับ ทั้งหมด
ทุกคนก็จะได้เห็น สิ่งซึ่ง คงจะหาใครทำ
ในความรู้สึกของดิฉันเอง
ก็รู้สึกว่า ยาก...ที่จะทำได้อย่างนี้
ถ้าเป็นสมัยก่อนคงบอกว่า "บุญตา" นะคะ ที่ได้เห็น
แต่ ที่ได้เห็น ลึกกว่านั้น ก็คือว่า
ความเป็นน้ำหนึ่ง ใจเดียว
และ การมีศรัทธา ในการที่จะทำทุกอย่าง เพื่อพระศาสนา"
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ที่เคารพยิ่ง
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณวันชัย มา ณ กาลครั้งนี้
และขอร่วมอนุโมทนาทุกๆ ท่าน ที่เกี่ยวข้องด้วยนะครับ
แค่ชื่อตอนก็กินขาดแล้ว นอกจากถ่ายภาพเก่ง ร้องเพลงเพราะ ยังเป็นกวีอีกด้วย ที่สำคัญ
เป็นคนดี มีจิตอาสา มีอะไรอีกบ้างที่น้องวันชัยทำไม่ได้ ขอบคุณและอนุโมทนาที่่ใช้
พรสวรรค์ที่มีมาช่วยให้เกืดศรัทธามากขึ้น
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ความกตัญญูสูงสุด ก็คือว่า
ฟังพระธรรม ด้วยความเคารพ ไม่ใช่เพียงด้วยการเข้าใจ
แต่ว่า พระธรรม ก็จะทำให้เรา ระลึกถึงพระคุณ
แล้วก็รู้ว่า การทำดี การเป็นคนดี แล้วก็ศึกษาพระธรรม
เป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุด ในชีวิต
-----------------------------
แต่ละตอนๆ คล้องจองกัน ไพเราะ ลึกซึ้ง น่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง ครับ
ตอนที่ ๑ แทบพระบาท พระศาสดา
ตอนที่ ๒ หลากศรัทธา ในตถาคต
ตอนที่ ๓ งามหมดจด พระรัตนบุษยภาชน์ฯ
ตอนที่ ๔ สนทนาธรรม ตามโอกาส วาระสมัย
ตอนที่ ๕ ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ซาบซึ้ง ในหทัย
ตอนที่ ๖ กราบพระรัตนตรัย ใจชื่นบาน
-----------------------------
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่วันชัย ภู่งาม และ ทุกๆ ท่านด้วยครับ
แค่ชื่อตอนก็ไพเราะคล้องจองกันเป็นเถาแล้ว นอกจากถ่ายรูปเก่ง ร้องเพลงเพราะ ยังเป็นกวีอีกด้วย ที่สำคัญคือเป็นคนดี มีจิตอาสา มีอะไรบ้างที่น้องวันชัยทำไม่ได้ ขอบคุณและอนุโมทนาที่นำพรสวรรค์ที่มีทำให้ผู้อ่านเกิดศรัทธามากขึ้น
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เพราะเหตุว่า ทางเดินมีสองทาง ค่ะ
นำด้วยปัญญา หรือว่า นำด้วยอวิชชา ความไม่รู้
แต่ว่า กว่าจะรู้ได้นี่ก็ อดทน นะคะ บารมีทั้ง ๑๐ ขาดไม่ได้เลย แม้แต่บารมีสุดท้าย
บารมีเริ่มแรก คือ ปัญญา บารมีสุดท้าย คือ เมตตา
ถ้าไม่มีความเป็นมิตร ไม่มีเมตตา กุศลอื่น เจริญได้ไหม?
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่วันชัย ภู่งาม และ ทุกๆ ท่านด้วยค่ะ
ถึงแม้ไม่ได้ร่วมเดินทางไปด้วย แต่สิ่งที่ได้อ่านได้เห็นก็ได้เข้าใจในกุศลที่ทุกท่านได้ทำค่ะ
ทุกท่านมีสีหน้าอิ่มเอิบด้วยกุศลน่าอนุโมทนายินดีด้วยเป็นอย่างยิ่งครับ
กราบขอบพระคุณคุณวันชัยที่กรุณานำเรื่องราวดีๆ มาแบ่งปัน
และ ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านด้วยครับ
กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งครับ
ขอบพระคุณพี่วันชัย ภู่งาม และกราบอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านด้วยค่ะ
ขอกราบขอบพระคุณ และขอกราบอนุโมทนาในกุศลจิตของคุณวันชัย
ที่ได้กรุณาถอดคำบรรยายของท่านอาจารย์ สุจินต์ ที่ท่านได้บรรยายพระธรรม
ไว้อย่างซาบซึ้ง กินใจ
ให้ผู้ที่ไม่ได้ร่วมเดินทางไปพุทธคยาในครั้งนี้ได้อ่านและเกิดกุศลจิต ได้ร่วมอนุโมทนา
ในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน ด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ
ความกตัญญูสูงสุด ก็คือว่า
ฟังพระธรรม ด้วยความเคารพ ไม่ใช่เพียงด้วยการเข้าใจ
แต่ว่า พระธรรม ก็จะทำให้เรา ระลึกถึงพระคุณ
แล้วก็รู้ว่า การทำดี การเป็นคนดี แล้วก็ศึกษาพระธรรม
เป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุด ในชีวิต
กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งครับ
ขอบพระคุณคุณวันชัย ภู่งาม และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านด้วยครับ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ขอบคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณวันชัย ภู่งาม และ ทุกๆ ท่านด้วยค่ะ
กราบบูชาท่านอาจารย์สุจิตน์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพในธรรมะ
และขออนุโมทนาในส่วนกุศลของทุกท่านด้วยค่ะ
ท่านอาจารย์ คำขอขมา หมายความว่า เป็นการที่เรารู้สึกผิดในความผิดที่เราได้ทำไปแล้ว
เพราะฉะนั้น แม้แต่ในวินัยของบรรพชิต เวลาที่ท่านรู้สึกว่า ท่านทำผิด ท่านก็ต้องประกาศ
แล้วก็ให้รู้ว่า ต่อไป ท่านก็จะได้สำนึก แล้วก็ไม่ทำอย่างนั้นอีก
ถ้าเราศึกษาธรรมะ เราจะรู้ได้เลยว่า
ถ้าไม่มี ณ กาลครั้งหนึ่ง
แต่ละหนึ่ง แต่ละหนึ่ง แต่ละหนึ่ง
ก็จะไม่มี ความเป็นชีวิต มีชีวิต ตั้งแต่อดีต มาจนกระทั่งถึง ปัจจุบัน
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณวันชัย ภู่งาม ที่ได้นำสิ่งที่มีค่ายิ่งมาให้
ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ ประเทศอินเดีย ๒๓ - ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๕
[ตอนที่ ๑ ] แทบพระบาท พระศาสดา
และ กราบอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านด้วยค่ะ
สิ่งที่เราบูชาทั้งหมดไม่เท่ากับ ความดี ที่เราจะกระทำ
แต่ละขณะ ที่สามารถที่จะเป็นไปได้
----
ก็อยากจะให้ทุกคน ที่ได้ฟังธรรมะ ไม่ใช่เพียงฟัง
แต่ คิดถึงสภาพจิต ของเราเอง
ซึ่งไม่มีทางเลย ที่เราจะดีขึ้น ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม
ซึ่งโอกาสที่จะได้ฟัง ไม่มีใครสามารถที่จะรู้ได้ว่า อีกนานเท่าไหร่? และ อีกเมื่อไหร่?
แต่ว่า โอกาสนี้ ก็เป็นโอกาสที่หายาก
ที่มีโอกาสที่จะได้มา เคารพสักการะ ณ สถานที่ ที่ได้ทรงบำเพ็ญพระบารมี
ตั้งแต่ครั้งเป็นพระโพธิสัตว์
จนกระทั่งได้ตรัสรู้ แล้วก็ได้แสดงพระธรรม
--------------------------------------...ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น...
กราบเท้าบูชาพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ด้วยความเคารพยิ่ง
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ