คำแนะนำเรื่องการทำสมาธิ

 
หนทางสงบ
วันที่  25 เม.ย. 2556
หมายเลข  22807
อ่าน  1,328

(ขอคำแนะเรื่องการทำสมาธิ ฝึกจิต ให้ได้ผล หรือที่เรียกว่าทำสมาธิได้อย่างถูกต้อง) (จะต้องเริ่มอย่างไรครับ กำหนดว่าอะไรครับ จึงจะสงบได้อย่างแท้จริง) ปกติที่ผมทำทุกวัน ผมสวดมนต์ก่อน หลังจากนั้นจึงนั่งสมาธิ ผมรู้สึกไม่ผ่อนคลายเท่าที่ควร รู้สึกปวดหลัง (อยากถามว่า ถ้าจะทำสมาธิก่อนสวดมนต์จะได้หรือไม่ครับ) เพราะกระผมยังไม่สงบพอครับ แถมในจิตก็มัวแต่คิดเรื่องภาระงานต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ขอคำแนะนำจากผู้ใจบุญ ผู้สะสมบารมี ผู้ชี้ทางสว่าง ตามวงเล็บเลยนะครับ

ขออนุโมทนาสาธุครับ ขอบคุณครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 25 เม.ย. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ก็ขอให้ตั้งต้นที่การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ เมื่อตั้งใจว่าจะศึกษาพระธรรมจริงๆ ก็ต้องตั้งต้นอย่างนี้ เป็นเหมือนผู้ที่ไม่เคยรู้มาก่อน เพื่อที่จะได้รู้ได้เข้าใจถูกเห็นถูก จากการได้ฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง จุดประสงค์ของการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ก็เพื่อเข้าใจพระธรรมตามความเป็นจริง ดังนั้น เมื่อได้ยินได้ฟังคำอะไร ก็ควรที่จะได้พิจารณาว่า สิ่งนั้นคืออะไร และประการที่สำคัญ พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ทุกคำ ทุกพยัญชนะ เพื่อให้เข้าใจความจริง แม้แต่คำว่า สมาธิ ก็เช่นเดียวกัน

สมาธิ เป็นสภาพธรรมที่มีจริง ว่าโดยสภาพธรรมแล้ว เป็นเจตสิกประการหนึ่ง ที่ตั้งมั่นในอารมณ์หนึ่งอารมณ์ใด อารมณ์ คือ สิ่งที่จิตรู้ เมื่อจิตเกิดขึ้นต้องรู้อารมณ์ และ ก็จะต้องมีสมาธิซึ่งเป็นเอกัคคตาเจตสิกเกิดร่วมกับจิตทุกครั้งทุกขณะ ไม่เว้นเลย ตั้งมั่นในอารมณ์ที่จิตกำลังรู้ ดังนั้น ไม่ว่าจะนั่ง จะยืน จะนอน จะเดิน จึงไม่ปราศจากสมาธิเลย เพราะเกิดกับจิตทุกขณะ และที่ควรพิจารณาคือ สมาธิหรือเอกัคคตาเจตสิก เกิดกับอกุศลก็เป็นอกุศลสมาธิ อกุศลสมาธิ เช่น การนั่งสมาธิ ไม่ควรเจริญ ไม่ควรประกอบ ซึ่งขณะนั้นเป็นไปกับด้วยความต้องการ อยากจะสงบ โดยที่ไม่รู้เลยว่า ความสงบเป็นเรื่องของกุศลธรรม อกุศลสมาธิไม่เป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของกุศลธรรม มีปัญญา เป็นต้น มีแต่จะเพิ่มพูนความไม่รู้และอกุศลธรรมอื่นๆ ต่อไป

สมาธิที่ควรอบรมคือสัมมาสมาธิซึ่งเป็นไปพร้อมกับการอบรมเจริญปัญญา (ภาวนา) ในชีวิตประจำวัน ภาวนาไม่ใช่การท่องบ่น แต่เป็นการอบรมเจริญปัญญา จากที่ยังไม่มีก็มีขึ้น เมื่อมีแล้วก็อบรมเจริญให้มีมากยิ่งขึ้นต่อไป

พระพุทธศาสนาเป็นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องฟัง ต้องศึกษาด้วยความละเอียดรอบคอบ จึงจะเข้าใจพระธรรม ทั้งหมดเป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกโดยตลอด ซึ่งจะต้องค่อยๆ สะสมความเข้าใจไปตามลำดับ ที่สำคัญคือจะขาดการฟังพระธรรมไม่ได้เลยทีเดียว ครับ

ขอเชิญคลิกอ่านข้อความนี้เพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ

ความเข้าใจเรื่องสมาธิ

ทำไมไม่สนับสนุนการทำสมาธิ การทำสมาธิไม่ดีตรงไหน

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 25 เม.ย. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ความสงบไม่ได้เกิดจากการนั่งสมาธิ แต่ความสงบเกิดจากจิตที่เป็นกุศลจิต เพราะความสงบที่ถูกต้อง คือ ความสงบจากกิเลสในขณะนั้น ซึ่งการจดจ่อ จดจ้อง อยู่กับสิ่งใด สำคัญว่าสงบเพราะไม่คิดเรืองอื่น แต่สิ่งที่ได้คือความไม่รู้และโลภะความต้องการที่อยากจะสงบ ขณะนั้น จิตก็ไม่สงบเสียแล้ว เพราะฉะนั้น แทนที่จะไปหาความสงบอันเกิดจากความอยากของตนเองที่ไม่สงบ เมื่อเริ่มจากความอยากต้องการที่ไม่สงบ ไม่ได้เริ่มจากปัญญา ก็ไม่สามารถสงบได้ หนทางที่จะทำให้สงบ คือ การอบรมความสงบ คือ กุศลจิตในชีวิตประจำวัน ซึ่งในความเป็นจริง ชีวิตก็คือการเกิดขึ้นของ จิต เจตสิก แต่โดยมาก เป็นจิต เจตสิกที่ไม่ดี ที่เป็นอกุศลจิต การจะเกิดกุศลจิตได้ก็ต้องเกิดจากการอาศัยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม

ในสมัยพุทธกาล อุบาสก อุบาสิกา ผู้เป็นเพศฆราวาสไม่ได้ทำอะไรให้ชีวิตผิดปกติ เพราะท่านเข้าใจว่า ธรรมเป็นสิ่งที่มีอยู่แล้วในชีวิตประจำวัน การเจริญอบรมปัญญาความสงบ จึงไม่ต้องไปทำอะไรให้ผิดปกติโดยการนั่งสมาธิ แต่ท่านเข้าใจถูกและอบรมปัญญาในชีวิตประจำวัน และก็ทำกิจการงานดังเช่นคฤหัสถ์ในปัจจุบันด้วย ดังเช่น ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีที่เป็นพ่อค้าและเป็นอริยสาวก และอบรมปัญญาเจริญกุศลในชีวิตประจำวัน มีการให้ทาน รักษาศีล อบรมปัญญา โดยไม่ได้ไปปลีกวิเวก หาที่นั่งสงบเลย เพราะความสงบ คือ จิตใจที่เป็นกุศลที่เกิดได้ในชีวิตประจำวัน เพราะจิตที่ดี สงบ ไม่ได้เลือกสถานที่เกิด ไม่ได้เลือกอิริยาบถที่จะเกิด ว่าจะต้องนั่งสมาธิ เป็นต้น ครับ

อุบาสก อุบาสิกาในสมัยพุทธกาล จึงศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงเป็นสำคัญ ไม่ได้ไปหาวิธีสงบที่ไม่ใช่หนทางสงบดังเช่นสมัยปัจจุบัน และในสมัยนี้ พระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว แต่พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงอยู่ ก็สามารถศึกษา ฟัง หรือ อ่านจากเวปนี้ ซึ่งขณะใดที่ผู้ถาม อ่านแล้วเข้าใจถูก แม้เพียงเล็กน้อย จิตสงบแล้ว ในขณะนี้ เพราะเกิดปัญญา ความเข้าใจพระธรรม และ อาศัยการอบรมปัญญาไปทีละน้อย ย่อมละกิเลสที่เป็นสภาพธรรมที่ไม่สงบได้ในที่สุด ครับ

ขอให้กลับมาที่การฟังธรรม ศึกษาพระธรรม เว้นเสียจากการทำอะไรด้วยความไม่รู้ และทรมานร่างกาย ครับ

เชิญคลิกอ่านที่นี่ ครับ

จะนั่งสมาธิอีกแล้วครับ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
nopwong
วันที่ 26 เม.ย. 2556

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
jaturong
วันที่ 26 เม.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
orawan.c
วันที่ 6 พ.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
swanjariya
วันที่ 27 เม.ย. 2557

กราบอนุโมทนาขอบพระคุณค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ