อาจหาญ ร่าเริง

 
papon
วันที่  5 ก.ค. 2556
หมายเลข  23129
อ่าน  1,159

อาจหาญ ร่าเริง คืออะไรและทำอย่างไร


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 5 ก.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมกับบุคคลให้เห็นแจ้ง สมาทาน อาจหาญ ร่าเริง ดังนั้นคำว่าอาจหาญ ร่าเริงในพระไตรปิฎกแสดงไว้ว่า (อิติวุตตกะ หน้า 660)

(อาจหาญ) บทว่า สมุตฺเตชกา ความว่า ทำจิตของบุคคลทั้งหลายผู้ดำรงอยู่ในกุศล

ธรรมอย่างนี้ให้อาจหาญด้วยดี ด้วยการแนะนำในการบำเพ็ญอธิจิตขั้นสูงขึ้นไป คือทำ

จิตของเขาให้ผ่องใสด้วยการพิจารณา โดยประการที่เขาจะบรรลุคุณวิเศษได้

- อาจหาญเพราะบุคคลนั้นฟังคำสอนแล้ว เกิดจิตผ่องใสอันเนื่องมาจากปัญญาเกิด

และเข้าใจว่าสามารถไปถึงการบรรลุได้ด้วยหนทางนี้คือเข้าใจความจริงของสภาพ-

ธรรมที่มีในขณะนี้ในชีวิตประจำวัน ไม่มีหนทางอื่นและอาจหาญว่าเป็นหนทางที่จะนำ

ไปสู่การดับกิเลสด้วยการเจริญขึ้นของปัญญา เมื่อเข้าใจหนทางก็ย่อมอาจหาญที่จะ

ไปสู่หนทางนั้น ไม่ท้อถอย อุตสาหะ พากเพียร อดทนที่จะฟังพระธรรมต่อไป ครับ

(ร่าเริง) บทว่า สมฺปหสกา ความว่า ทำจิตของบุคคลเหล่าอื่นนั้นให้ร่าเริงด้วยดี

ด้วยคุณวิเศษตามที่ได้แล้ว และที่จะพึงได้ในขั้นสูง คือ ทำจิตของเขาให้ยินดีด้วยดี

ด้วยอำนาจความพอใจที่ได้แล้ว. -ร่าเริงเพราะได้ฟังธรรมแล้วเกิดความเข้าใจถูก หรือ ขณะที่สติปัฏฐานเกิด รู้ความจริง

ของสภาพธรรมที่มีในขณะนั้น ซึ่งทำให้เกิดความยินดี ร่าเริง และรู้ว่าหนทางนี้ถูก สามารถนำไปสู่การดับกิเลสได้ จึงร่าเริงเพราะเข้าใจพระธรรมในขณะจิตนั้น

ดังนั้นจึงเป็นเรื่องของปัญญาเมื่อปัญญาเกิดเข้าใจความจริงของสภาพธรรมที่มีใน

ขณะนี้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา เมื่อรู้ความจริง ย่อมอาจหาญ ร่าเริงเพราะรู้ความจริง

อาจหาญที่จะอบรมเจริญปัญญาต่อไป ร่าเริงเพราะเข้าใจถูกในความจริงของสภาพ

ธรรมว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา

เชิญคลิกอ่านที่นี่ ครับ

สมาทาน อาจหาญ ร่าเริง
ให้อาจหาญ
อาจหาญ ร่าเริง
ความจริงแห่งชีวิต...ตอนที่ ๑๖๓
จิตตสังเขป (สมาทาน-อาจหาญ-ร่าเริง)

สมาทาน อาจหาญ ร่าเริง [อรรถกถาโคปาลสูตร]

ความอาจหาญ ร่าเริงในธรรม

อาจหาญ ร่าเริง ที่จะอบรมเจริญปัญญา

อาจหาญ ร่าเริง ที่จะรู้ความจริง

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 5 ก.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดง เป็นสภาพธรรมที่มีจริงทั้งหมด ไม่พ้นไปจากสภาพธรรมที่ปรากฏเป็นไปในชีวิตประจำวัน การที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงพระธรรมนั้น ก็เพื่อให้พุทธบริษัทมีความเข้าใจถูก เห็นถูกในลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง ไม่เข้าใจผิด ไม่หลงผิดไปยึดถือในลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏว่าเป็นเรา เป็นตัวตน เป็นสัตว์เป็นบุคคล เพราะแท้ที่จริงแล้ว สภาพธรรมทั้งหลายทั้งปวง ไม่ใช่เรา ไม่ใช่สัตว์บุคคล ดังนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงมีความอาจหาญ มีความเพียร มีความตั้งใจที่จะศึกษา ที่จะฟังพระธรรมตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดง ค่อยๆ ฟัง ค่อยๆ พิจารณา ไตร่ตรองตามเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องยิ่งๆ ขึ้นไปจากความไม่รู้ก็จะค่อยๆ รู้ขึ้นไปตามลำดับ เมื่อมีความเข้าใจก็จะมีความเบิกบาน ผ่องใส ตามกำลังของความเข้าใจ ไม่เดือดร้อน เพราะขณะที่เข้าใจนั้นเป็นปัญญา เป็นกุศล ขณะที่กุศลจิตเกิดย่อมร่าเริง อาจหาญร่าเริง ที่ได้เข้าใจความจริง ซึ่งต้องมาจากการได้ยินได้ฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 5 ก.ค. 2556

อาจหาญร่าเริงในการทำความดี ในการทำกุศล ขณะที่สติปัฏฐานเกิดก็ชื่อว่า

อาจหาญร่าเริงในการทำกุศล ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
papon
วันที่ 5 ก.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
เข้าใจ
วันที่ 9 ก.ค. 2556

กราบอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
pamali
วันที่ 12 ก.ค. 2556
ขออนุโมทนาค่ะ
 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ