การกรวดน้ำ

 
nongnooch
วันที่  29 ก.ย. 2556
หมายเลข  23723
อ่าน  1,277

การสร้างกุศลและอุทิศส่วนกุศลจะต้องกรวดน้ำทุกครั้งจริงเหรอค่ะ เพราะในสมัยหนึ่ง พระเจ้าพิมพิสารก็ทรงใช้น้ำอุทิศส่วนกุศล และการที่เราอุทิศกุศลด้วยจิตที่ตั้งมั่น ไม่สามารถทำให้ผู้ที่คอยอนุโมทนาในกุศลรับรู้ได้หรือคะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 29 ก.ย. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหนตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ประโยชน์ของการฟังพระธรรมศึกษาพระธรรม คือ มีความเข้าใจถูกเห็นถูกในความ เป็นจริงของธรรม มั่นคงในเหตุในผล ตามความเป็นจริง การเจริญกุศล ไม่ว่าจะเป็น ในเรื่องใดๆ ก็ตาม ผู้ที่มีอัธยาศัยในกุศลธรรม เห็นประโยชน์ของผู้อื่นที่จะเกิดขึ้น เมื่อได้อนุโมทนาในคุณความดี ก็มีการอุทิศส่วนกุศลที่ได้กระทำ ส่วนการที่บุคคล อื่นจะอนุโมทนาหรือไม่นั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ขึ้นอยู่กับฐานะของผู้นั้น และ เป็นไป ตามการสะสมของผู้นั้นด้วย สำหรับการอุทิศส่วนกุศลของพระเจ้าพิมพิสาร พระองค์ไม่ได้ใช้น้ำ แต่พระองค์ทรงเปล่งพระวาจากล่าวคำอุทิศส่วนกุศลให้กับ พวกญาติของพระองค์ แต่ที่มีการหลั่งน้ำนั้น แสดงถึงตอนที่พระองค์ทรงถวาย พระวิหารเวฬุวัน มุ่งหมายถึงการสละ การบริจาค ให้ ไม่ใช่การอุทิศส่วนกุศล ครับ

ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ

การกรวดน้ำ

กรวดน้ำ

การกรวดน้ำ อุทิศผลบุญ ความเป็นมาอย่างไร

สงสัยเรื่องกรวดน้ำคะ

ปัตตานุโมทนามัย มีเงื่อนไขอย่างไร

การอุทิศส่วนกุศลให้ญาติ

การอุทิศส่วนกุศล

... ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
wannee.s
วันที่ 29 ก.ย. 2556

หลังจากการให้ทาน หรือฟังธรรมเสร็จ เราก็อุทิศส่วนกุศลด้วยการกรวดน้ำก็ได้

หรือไม่ต้องใช้กรวดน้ำก็ได้ ที่สำคัญอยู่ที่ความเข้าใจ และ ความตั้งใจจริง ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
paderm
วันที่ 29 ก.ย. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

จากคำถามที่ว่า

การสร้างกุศลและอุทิศส่วนกุศลจะต้องกรวดน้ำทุกครั้งจริงเหรอค่ะ เพราะในสมัยหนึ่ง

พระเจ้าพิมพิสารก็ทรงใช้น้ำอุทิศส่วนกุศล

การอุทิศส่วนกุศล มีได้ เพราะ อาศัย การเกิดขึ้นของจิต เพราะฉะนั้น การอุทิศ

ส่วนกุศล จึงเกิดจากจิตฝใจที่มีเจตนาอุทิศ เพราะฉะนั้น แม้ไม่ต้องงมีน้ำ ก็สามารถ

อุทิศส่วนกุศลได้ หาก ใจ มีเจตนาที่จะอุทิศส่วนกุศล ต่างกับ ผุ้ที่ทำตามๆ กัน แม้

จะมีน้ำ หาก ใจ ไม่มีเจตนาอุทิศ อย่างนี้ก็ไม่เกิด กุศลจิตในการอุทิศส่วนกุศล

เพราะฉะนั้น พระพุทะสาสนาเป็นศาสนาที่เกี่ยวกับ ปัญญา ความเห็นถูก และ เป็น

เรื่องของเหตุผล ที่ไม่ใช่เรื่องการทำตามๆ กันมา โดยไมได้มีความเข้าใจ และ ไม่ใช่

เป็นรูปแบบพิธีกรรม หากแต่ว่าเป็นเรื่องของความเข้าใจที่มความเห็นถูกว่า เป็น

เรือ่งของสภาพของจิตเป็นสำคัญ ว่ามีเจตนาที่ดี เป็นกุศลจิตที่มีเจตนาอุทิศส่วน

กุศลหรือไม่เป็นสำคัญ ครับ

--------------------------------------------------------

และจากคำถามที่ว่า

และการที่เราอุทิศกุศลด้วยจิตที่ตั้งมั่นไม่สามารถทำให้ผู้ที่คอยอนุโมทนาในกุศล

รับรู้ได้หรือคะ

ส่วน การมีเจตนาอุทิศส่วนกุศลให้ผู้อื่น ด้วยความตั้งใจ ตั้งมั่น ก็แล้วแต่ครับว่า

สัตว์นั้นที่ได้ล่วงรู้จะอนุโมทนาหรือไม่ เหมือนกับว่า เราไปบอกบุญกับเพื่อนเรา ว่า

เราทำบุญมา ด้วยเจตนาที่หวังดีอย่างมากๆ ด้วยความตั้งใจอย่างมากแต่ หากเพื่อน

ไม่ได้สะสมศรัทธา ไม่สนใจในเรื่องนั้น ก็ไม่อนุโมทนาก้ได้ ส่วนเจตนาดี ของเราที่

หวังดีมาบอกบุญก็มีกำลัง เป็นส่วนกุศลของตนเองเท่านั้น เพราะฉะนั้น การที่เขา

จะได้รับส่วนกุศลหรือไม่ ไม่ใช่เพราะ เรามีเจตนาที่มีกำลังมาก ไม่เช่นนั้น

พระพุทธเจ้า ผู้มีกำลังจิตด้วยปัญาสูงสุด ย่อมอุทิศส่วนกุศด้วยจิตที่มีกำลังก็ย่อม

ทำให้เขาได้อนุโมทนาทั้งหมด เพราะจิตที่มีกำลังของพระองค์ ซึ่งก็ไม่ใช่ ครับ

เพราะ สัตว์โลกที่ไม่ยินดีในบุญก็มีมาก ญาติทั้งหลาย ที่เป็นเปรต ก็ไม่จำเป็นจะ

ต้องอนุโมทนาบุญ กุศลที่เราอุทิศให้ หากแต่ว่า ญาติทั้งหลายที่จากไป มีมาก อาจ

จะเป็นประโยชน์กับใครแม้เพียงน้อยที่จะอนุโมทนา ก็เป็นประโยชน์กับเขา ที่สำคัญ

ที่สุดใจเรา เกิดสิ่งที่เป็ปนระโยชน์แล้ว คือ กุศลจิต โดยไมไดสนใจเลยว่า ใครจะ

ได้รับหรือไม่ได้รับ แต่ใจเกิดประโยชน์คือ เกิดใจที่ดี กุศลจิต และได้ทำหน้าที่ที่ดี

ของญาติแล้ว สำหรับผู้ที่ได้จากไป ครับ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
nongnooch
วันที่ 30 ก.ย. 2556

ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุญลจิตค่ะ

ขออนุโมทนา

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ