เบญจกัลยาณี ความงาม 5 ประการของนางวิสาขา

 
lovedhamma
วันที่  12 ก.พ. 2557
หมายเลข  24462
อ่าน  27,430

นางวิสาขามีความงาม 5 ประการ ซึ่งเรียกว่า เบญจกัลยาณี ได้แก่

1. ผมงาม

2. เนื้องาม

3. กระดูกงาม

4. ผิวงาม

5. วัยงาม

อยากทราบว่า วิบากกรรมอะไรที่ทำให้นางวิสาขาได้ความงาม 5 อย่างนี้ครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 12 ก.พ. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

[เล่มที่ 41] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒ - หน้าที่ ๗๗

ผมงาม, เนื้องาม, กระดูกงาม, ผิวงาม, วัยงาม.

ก็ผมของหญิงผู้มีบุญมาก เป็นเช่นกับกำหางนกยูง แก้ปล่อยระชายผ้านุ่งแล้ว ก็กลับมีปลายงอนขึ้นตั้งอยู่, นี้ ชื่อว่าผมงาม.

ริมผีปากเช่นกับผลตำลึง (สุก) ถึงพร้อมด้วยสีเรียบชิดสนิทดี, นี้ ชื่อว่าเนื้องาม.

ฟันขาวเรียบไม่ห่างกัน งดงามดุจระเบียบแห่งเพชร ที่เขายกขึ้นตั้งไว้และดุจระเบียบแห่งสังข์ที่เขาขัดสีแล้ว, นี้ ชื่อว่ากระดูกงาม,

ผิวพรรณของหญิงดำ ไม่ลูบไล้ด้วยเครื่องประเทืองผิวเป็นต้นเลย ก็ดำสนิทประหนึ่งพวงอุบลเขียว, ของหญิงชาว ประหนึ่งพวงดอกกรรณิการ์ นี้ ชื่อว่าผิวงาม

ก็แลหญิงแม้คลอดแล้วตั้ง ๑๐ ครั้ง ก็เหมือนคลอดครั้งเดียวยังสาวพริ้งอยู่เทียว นี้ ชื่อว่าวัยงาม ดังนี้แล


ซึ่งนางวิสาขา ทำบุญมามากมายในอดีตชาติ นับประมาณไม่ได้ โดยเฉพาะเป็นผู้เลิศในการให้ทาน ดังนั้น กุศลทั้งทาน และ ศีลในอดีตก็ทำให้งดงามทางร่างกายครับ แต่ไม่สามารถระบุได้ว่ากรรมใดให้ผล ครับ

สิ่งทีน่าพิจารณาเป็นอย่างยิ่ง นั้น คือ แต่ละบุคคลที่เกิดมานั้น จะงาม หรือ ไม่งาม ไม่ได้อยู่ที่รูปลักษณ์ภายนอก แต่อยู่ที่จิตเป็นสำคัญ เพราะเหตุว่าเมื่อจิตดี คือเป็นกุศลจิต ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามก็ชื่อว่างาม เพราะงามด้วยความดี ในขณะที่กุศลธรรมเกิดขึ้นเป็นไป แต่เมื่อจิตไม่ดี คือ เป็นอกุศลจิต ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามเช่นเดียวกัน ก็ชื่อว่าไม่งาม ยิ่งถ้าเป็นอกุศลกรรมที่มีกำลังถึงขั้นล่วงเป็นทุจริตกรรม ประการต่างๆ แล้ว ยิ่งไม่งามเป็นอย่างยิ่ง เพราะฉะนั้น จะถือเอารูปลักษณ์ภายนอกเป็นประมาณไม่ได้เลย ดังนั้น จิต จึงมีความสำคัญมาก ขึ้นอยู่กับว่าจะเป็นจิตที่ดี หรือ ไม่ดี เท่านั้น ซึ่งเป็นไปตามการสะสมมาของแต่ละบุคคลจริงๆ ไม่เหมือนกันเลย

พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดง ตลอด ๔๕ พรรษา ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดของคำสอนก็ตาม ก็เป็นเครื่องเตือนที่ดีอยู่เสมอ เตือนให้เป็นผู้ไม่ประมาทในชีวิต และ เป็นประโยชน์ทุกกาลสมัยด้วย แต่จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ศึกษาและน้อมประพฤติปฏิบัติตามเท่านั้น บุคคลผู้เห็นประโยชน์ของกุศลธรรม และ เห็นโทษของอกุศลธรรม โดยอาศัยการฟังพระธรรม บ่อยๆ เนืองๆ สะสมความเข้าใจไปตามลำดับ จิตใจย่อมน้อมไปในทางกุศลขัดเกลากิเลสในชีวิตประจำวัน เพิ่มมากยิ่งขึ้นได้ เป็นผู้ค่อยๆ มีความงดงามด้วยความดี

จะถึงความเป็นผู้งามอย่างแท้จริง นั้น ก็ต่อเมื่อถึงความเป็นพระอริยบุคคลดับกิเลสตามลำดับขั้นสูงสุด คือ ถึงความเป็นพระอรหันต์ ดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างหมดสิ้น ไม่มีกิเลสซึ่งเป็นความสกปรกของจิตเกิดขึ้นอีกเลย ครับ

แต่ละบุคคลที่เกิดมานั้น จะเป็นคนดีหรือไม่ดี หรือที่เรียกวันว่า นิสัยดี หรือ ไม่ดี นั้น ไม่ได้อยู่ที่รูปลักษณ์ภายนอก ไม่ได้อยู่ที่สวย หล่อ หรือไม่สวย ไม่หล่อ รวมไปถึงไม่ได้อยู่ที่ฐานะ ตระกูล หรือ ยศถาบรรดาศักดิ์ แต่อยู่ที่จิต เพราะเหตุว่าเมื่อจิตดี คือ เป็นกุศลจิต ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ก็ย่อมดีทั้งนั้น แต่เมื่อจิตไม่ดี คือ เป็นอกุศลจิต ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามเช่นเดียวกัน ก็ไม่ดี ทั้งนั้น ความไม่ดี จะมากหรือน้อย ก็ไม่ดี จะถือเอารูปลักษณ์ภายนอกเป็นประมาณไม่ได้เลย ดังนั้น จิต จึงมีความสำคัญมาก ขึ้นอยู่กับว่า จะเป็นจิตที่ดี หรือ ไม่ดี เท่านั้น ซึ่งเป็นไปตามการสะสมมาของแต่ละบุคคลจริงๆ ไม่เหมือนกับเลย ซึ่งจะเห็นได้ว่าการที่บุคคลทำกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกุศลหรือ อกุศล ก็สำเร็จแล้วด้วยจิต ทั้งนั้น กล่าวคือ เมื่อจิตดี (เป็นกุศล) ก็สำเร็จเป็นกรรมดี ทำในสิ่งที่ดีงาม และเมื่อกรรมดีให้ผล ก็ให้ผลที่ดี น่าปรารถนา น่าใคร่น่าพอใจ ในทางตรงกันข้าม ถ้าจิตไม่ดี (เป็นอกุศล) ก็สำเร็จเป็นกรรมไม่ดีและให้ผลเป็นทุกข์ นำมาซึ่งความเดือดร้อนนานาประการ และผลดังกล่าวก็ย่อมเกิดกับตนเองเท่านั้น ในเมื่อเป็นกรรมที่ตนเองได้กระทำไว้ ก็ตนเองนั่นแหละที่จะเป็นผู้ได้รับผลของกรรมนั้น ครับ

เชิญคลิกอ่านที่นี่ ครับ

งามด้วยอะไร [กัลยาณสูตร]

ความงาม ความดี?

ขออนุโมทนา ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 13 ก.พ. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

รูปร่างภายนอกอาจจะดูน่าดู แต่ว่าเวลาพูดเต็มไปด้วยกิเลส มีการโอ้อวดหรือว่าเต็มไปด้วยความริษยา ผูกอาฆาตต่างๆ รูปงามนั้นก็เป็นรูปที่ไม่งามเสียแล้ว เพราะเหตุว่าขณะนั้นมีจิตที่ทำให้กล่าววาจาที่เป็นอกุศลเพราะกิเลสของตน

อ้างอิงจาก ... ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๑๕

สิ่งที่ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ไม่ได้เกิดขึ้นเองลอยโดยปราศจากเหตุปัจจัย ล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยทั้งสิ้น พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูก ตามกำลังปัญญาของแ่ต่ละคน สำหรับในเรื่องของกรรมและ ผลของกรรม นั้น มีความละเอียดลึกซึ้งมาก เมื่อเหตุ ดี ที่เป็นกุศลกรรม มีแล้ว ก็ย่อมเป็นเหตุให้เกิดผลที่ดี น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ตามควรแก่เหตุ ในทางตรงกันข้าม ถ้าเป็นผลของอกุศลกรรม ก็ทำให้ได้รับสิ่งที่ไม่น่าปรารถนา ไม่น่าใคร่ ไม่น่าพอใจ โดยไม่มีใครทำให้เลย ผลที่เกิดขึ้น ใครๆ ก็ยับยั้งไม่ได้ เพราะชีวิตของแต่ละคนแต่ละท่านนั้น มี ๒ ส่วนใหญ่ๆ คือ ส่วนหนึ่ง เป็นผลของกรรม และ อีกส่วนหนึ่ง คือ เหตุ ที่จะทำให้เกิดผลในภายหน้า เพราะฉะนั้นแล้ว สิ่งสำคัญจริงๆ ก็คือ เหตุ และควรอย่างยิ่งที่จะได้สะสมเหตุที่ดี คือ คุณความดีประการต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ การอบรมเจริญปัญญา ไม่ว่าจะเกิดเป็นใคร ก็ไม่ควรละเลย หรือ ลืม ในสิ่งที่สำคัญอย่างนี้ เพราะนี้แหละ คือ ที่พึ่งที่แท้จริงในชีวิต เพราะหตุว่า รูปสวย ทรัพย์สมบัติต่างๆ ไม่สามารถติดตามไปในภพหน้าได้เลย ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 13 ก.พ. 2557

นางวิสาขา มีความงามที่เกิดจากผลบุญที่ทำมา บุญใดบุญหนึ่ง ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
chatchai.k
วันที่ 7 มิ.ย. 2564

ขออนุโมทนาครับ 

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
chatchai.k
วันที่ 7 มิ.ย. 2564

ขอเชิญอ่านเพิ่มเติม...

ประวัตินางวิสาขามิคารมารดา

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ