เมื่อมีกรรมดี ต้องใช้กรรมดี แต่ทำไมดับขันธ์๕ แล้ว ถึงข้ามการใช้กรรมดีได้

 
ของสมสุด
วันที่  19 มี.ค. 2557
หมายเลข  24608
อ่าน  1,439

เมื่อมีกรรมดี ต้องใช้กรรมดี แต่ทำไมดับขันธ์๕ แล้ว ถึงข้ามการใช้กรรมดีได้ ทำไมไม่ได้ใช้กรรมดีก่อน แต่ข้ามไปถึงนิพพานเลยครับ


  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ของสมสุด
วันที่ 19 มี.ค. 2557

หรือนิพพานเป็นการใช้กรรมดีที่สูงสุดครับ

ขอโทษครับที่ถามมาก แต่ไม่อยากรู้ผิดเห็นผิด เพราะความคิดตัวเองที่ปัญญายังเข้าไม่ถึง

ตอนนี้ออกจากปัญญา จากการรู้ของตัวเองแล้ว แต่เห็นโทษจากการรู้ผิดเห็นผิด เลยเป็นปัญญาจากการถามผู้ที่เข้าถึงแล้ว แล้วมาประเมินระดับปัญญาตัวเอง ครับ

นี่ก็เป็นวิธีการของผมคิดเองวางแผนเองครับ เพื่อให้เข้าถึงครับ

ถ้าทางเรียนหนังสือแล้ว

1.ศึกษาด้วยตัวเอง นั่งสมาธิ รับรู้จักความเป็นจริงของธรรมชาติ

2.ตั้งคำถามให้ตัวเองตอบ

3.หาคำตอบด้วยตัวเอง

4.หาเฉลยคำตอบจากครูบาอาจารย์

แล้วมาดูว่าตัวเองสอบตกหรือสอบผ่านครับ เห็นถูกหรือเห็นผิด

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
paderm
วันที่ 19 มี.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กรรมดีก็คือ จิตที่ดีและเจตสิกที่ดี ซึ่งย่อมให้ผลได้ เมื่อยังมีขันธ์ 5 คือ ยังมีการเกิดขึ้นของ จิต เจตสิก รูปอยู่ ซึ่งการเกิดขึ้นและดับไป ยังเป็นทุกข์ แม้จะเป็นกรรมดีและผลของกรรมดี แต่เมื่อดับกิเลสแล้ว ถึงพระนิพพาน และเมื่อสิ้นกิเลสดับขันธปรินิพพาน ดั่งเช่น พระอรหันต์ที่ท่านละสังขาร ก็ไม่เกิดอีกเลย แม้จะเคยมีกรรมดีที่ทำมา แต่เพราะดับกิเลสหมดแล้ว จึงไม่เป็นปัจจัยให้เกิด สังขาร คือ จิต เจตสิก รูปอีก เมื่อไม่มีอะไรเกิดอีกเลย ว่างเปล่า ผลของกรรมดีก็เกิดไม่ได้ เพราะผลของกรรมดี ก็ไม่พ้นจาก จิต เจตสิกที่เกิดเช่นกัน เพราะฉะนั้น นิพพานเป็นสิ่งที่ประเสริฐกว่า กรรมดี ที่เป็นจิต เจตสิก เพราะเหตุว่า สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ กรรมดีไม่เที่ยง เกิดดับ ยังเป็นทุกข์ แต่พระนิพพานไม่เกิด ไม่ดับ จึงเป็นสุข ประณีต ประเสริฐสุด ครับ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
khampan.a
วันที่ 19 มี.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

จะมีความเข้าใจถูกเห็นถูกในธรรมตามความเป็นจริงได้นั้น ต้องได้ฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ไม่สามารถคิดธรรมเอาเองได้ ต้องฟังต้องศึกษาด้วยความละเอียดรอบคอบจริง

กรรมที่จะเป็นเหตุให้เกิดผลในภายหน้ามี ๒ อย่างใหญ่ๆ คือ กุศลกรรม กับ อกุศลกรรม, กุศลกรรม ดับไปแล้วจริง สามารถเป็นปัจจัยให้กุศลวิบาก ซึ่งเป็นผลของกุศลกรรมเกิดได้ และอกุศลกรรมดับไปนานแล้วก็จริง แต่ก็เป็นปัจจัยให้อกุศลวิบาก ซึ่งเป็นผลของอกุศลกรรมเกิดได้ เพราะฉะนั้นกุศลวิบากหรืออกุศลวิบากในชีวิตประจำวัน ก็คือ ทางตาที่เห็น ทางหูที่ได้ยิน ทางจมูกที่ได้กลิ่น ทางลิ้นที่ลิ้มรส ทางกายที่กระทบสัมผัส ถ้าเป็นผลของกุศลกรรม ก็ทำให้ได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสในสิ่งที่ดี ที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ แต่ถ้าเป็นผลของอกุศลกรรมแล้วจะตรงกันข้ามเลย คือ ทำให้ได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส ในสิ่งที่ไม่ดี ไม่น่าปรารถนา ไม่น่าใคร่ ไม่น่าพอใจ โดยที่ไม่มีใครทำให้ เป็นเพราะอดีตกรรมที่ตนเองได้กระทำไว้แล้วเท่านั้น ถึงคราวให้ผล ผลเช่นนั้นจึงเกิดขึ้น ทั้งหมดล้วนเป็นธรรมที่มีจริงที่เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัยทั้งสิ้น ทั้งกุศลกรรม อกุศลกรรม ผลของกุศลกรรม และผลของอกุศลกรรม เป็นธรรมที่มีจริงทั้งหมด สำหรับผู้ที่มีกิเลสอยู่นั้น หลังจากที่กุศลวิบาก หรือ อกุศลวิบาก เกิดขึ้นแล้ว ก็อาจเป็นเหตุให้มีอกุศลจิตหรือกุศลจิต เกิดขึ้นเป็นไปตามการสะสมของแต่ละบุคคล แต่สำหรับพระอรหันต์ ซึ่งเป็นผู้ดับกิเลสหมดแล้ว ไม่มีกิเลสใดๆ เกิดขึ้นอีกเลย ไม่ว่าจะได้รับผลของกรรมที่ดีหรือไม่ดีก็ตาม

กรรม เป็นธรรม การได้รับผลของกรรม ก็เป็นธรรม หนทางที่จะพ้นจากการกระทำกรรมและการได้รับผลของกรรม ก็ต้องด้วยการอบรมเจริญปัญญา ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
wannee.s
วันที่ 19 มี.ค. 2557

ดับภพชาติแล้ว ไม่มีเชื้อ จะให้เกิดจิต เจตสิก ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ของสมสุด
วันที่ 19 มี.ค. 2557

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
j.jim
วันที่ 20 มี.ค. 2557

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
เพ็ชร
วันที่ 13 เม.ย. 2562

จิตสุดท้ายของคนตายจะเกิดจาก อุศลจิตหรืออกุศลจิตที่อย่างไรมากกว่ากันใช่ไหมครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
สิริพรรณ
วันที่ 15 เม.ย. 2562

เข้าใจว่า ผู้สนทนาต้องการทราบเรื่องจิตสุดท้ายก่อนที่จะตาย ซึ่งต้องเกิดขึ้นในขณะที่ยังไม่ตาย แต่เมื่อจิตนั้นเกิดขึ้นแล้วดับไป ต้องตายแน่นอน จะย้อนมาเป็นบุคคลเดิมไม่ได้อีกแล้ว จิตนั้นคือจุติจิต ซึ่งเป็นจิตชาติวิบาก คือจิตที่เกิดจากผลของกรรม และผู้ถามอยากทราบว่า จิตนั้นจะเกิดจากกุศลกรรมหรืออกุศลกรรมนั้น ขอเชิญคลิ๊กอ่านจากข้อมูลนี้ค่ะ
ปวด..มากๆ ..ใกล้ตาย
ถ้าเหลือ 30 นาที ท่านจะทำอะไร
พระพุทธองค์จึงทรงเตือนให้พุทธบริษัทหมั่นเจริญกุศล
ชวนะสุดท้ายก่อนจุติจิต
ก่อนที่วันนั้นจะมาถึง เราควรทำอะไร

การได้ศึกษาพระธรรมสะสมความรู้ถูกเข้าใจถูกในขณะนี้ เป็นโอกาศที่ประเสริฐยิ่ง เพราะไม่ทราบว่า จิตสุดท้ายของชาตินี้ จะมาถึงในวันใด ซึ่งทุกชีวิตหนีไม่พ้นแน่นอน และที่สำคัญจิตนั้นเมื่อดับไป ก็ต้องเกิดอีก ตราบที่ยังมีความไม่รู้และกิเสลอื่นๆ มี ตัณหา เป็นต้น และไม่ทราบว่าจะได้เกิดในภพใด จะได้ฟังพระธรรมอีกหรือไม่ กว่าจะได้เกิดเป็นมนุษย์ ได้ฟังพระธรรมนั้น แสนยากค่ะ

จึงขออนุโมทนายิ่งที่มีความสนใจศึกษาพระธรรมค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ