ศึกษาพระไตรปิฎก [ทั้ง ๓ ปิฎก ก็เพื่อเข้าใจสภาพธรรมที่มีขณะนี้]

 
เมตตา
วันที่  1 เม.ย. 2557
หมายเลข  24663
อ่าน  1,946

ขอยกคำบรรยายจาก คำบรรยายของท่านอาจารย์จากที่ต่างๆ มารวบรวมไว้เพื่อความเข้าใจว่า ไม่ว่าจะเป็นปิฎกไหนทั้ง ๓ ปิฎกก็เพื่อเข้าใจสภาพธรรมที่มีขณะนี้

จุดประสงค์ที่ถูกต้อง ของการฟังพระธรรม ไม่ว่าจะส่วนหนึ่งส่วนใดข้อความในพระไตรปิฎก นั้น ก็เพื่อเข้าใจ ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่นเลย ไม่ใช่เพื่อลาภ ไม่ใช่เพื่อยศ ไม่ใช่เพื่อสรรเสริญ ไม่ใช่เพื่อสักการะ เพื่อเข้าใจความจริงของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ การอบรมความเข้าใจถูกเห็นถูกไม่ใช่เรื่องทำขึ้น แต่สภาพธรรมขณะนี้มี แล้วรู้ความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏในขณะนี้ เพราะว่าจริงๆ แล้ว ไม่มีคนเลย มีแต่เพียงสภาพธรรม ถ้าไปทำสิ่งอื่นมารู้ จะไม่มีสิ่งที่กำลังปรากฏในขณะนี้ เมื่อมีการฟังเพื่อเข้าใจความจริงมากขึ้นๆ ก็จะน้อมไปสู่ความเข้าใจ รู้ความจริง ทุกอย่างเป็นการสะสมความเข้าใจเป็นการอบรมความเข้าใจ ปัญญาน้อมไป ไม่ใช่เราน้อมไป หรือเราปฏิบัติไม่ใช่เราไปจดจ้องหรือเราไปคิดหาธรรมเอง

การศึกษาพระอภิธรรม เพื่อเห็นแต่ละขณะจิตซึ่งเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย และทำกิจสืบต่อกันตามวาระหนึ่งๆ ที่มีการเห็น มีการได้ยิน มีการได้กลิ่น มีการลิ้มรส มีการรู้สิ่งที่กระทบสัมผัส มีการคิดนึก ซึ่งแสดงให้เห็นความเป็นอนัตตา ความเป็นอนิจจัง ความไม่มีสาระของแต่ละขณะ ซึ่งการที่จะเกิดได้ ก็ต้องมีเหตุปัจจัยจึงเกิดและเหตุปัจจัยนั้นก็ไม่ได้อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครเลย แล้วแต่ว่าอาศัยธาตุชนิดใด เจตสิกชนิดใดเกิดขึ้นในกาลไหน กระทำกิจไหน แล้วก็ดับไปอยู่เรื่อยๆ

เพราะฉะนั้นการฟังพระธรรมจะต้องศึกษาความละเอียดของธรรม ที่เป็นส่วนของพระอภิธรรมด้วย และพร้อมกันนั้น ก็ต้องศึกษาพระสูตร เพื่อจะได้เห็นโทษของอกุศล เห็นประโยชน์ของกุศลเพื่อที่จะพิจารณาตนเอง พระสูตรนั้นกล่าวถึงบุคคลต่างๆ เช่นท่านพระสารีบุตร ท่านอนาถบิณฑิกกะ ท่านพระเทวทัต ท่านพระอานนท์ ซึ่งตามความเป็นจริงไม่มีใครเลย มีแต่เพียงสภาพธรรมต่างๆ สิ่งที่มีจริงไม่ใช่ใคร ไม่ใช่ของใครเช่น เห็น ได้ยิน คิด ความติดข้อง โกรธ กุศล อกุศล ล้วนเป็นสิ่งที่มีจริงเกิดขึ้นตามเหตุปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบัญชาของใครได้ สิ่งที่มีจริงนั้นลึกซึ้งละเอียด


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
เมตตา
วันที่ 1 เม.ย. 2557

พระวินัยคืออะไร ไม่ใช่เป็นเพียงคำ หรือเรื่องราวข้อประพฤติปฏิบัติสำหรับพระภิกษุ แต่เป็นธรรมทั้งหมด เป็นสิ่งที่มีจริง พระภิกษุก็เป็นเพียง จิต เจตสิก รูป เท่านั้นและถ้าพระภิกษุไม่รู้สิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏขณะนี้ ไม่รู้ว่าธรรมคืออะไร การทำกุศลหรืออกุศล ก็ยังเป็นตัวตนที่ทำ เพศของบรรพชิตนั้นจุดประสงค์ของการละอาคารบ้านเรือน เพื่อที่จะประพฤติพรหมจรรย์ เจริญมรรคมีองค์ ๘ อบรมความเข้าใจถูกเห็นถูกในสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏขณะนี้ เพื่อดับกิเลสถึงความเป็นพระอรหันต์

ถ้าไม่เข้าใจความจริงของสิ่งที่มีจริงขณะนี้ การศึกษาพระไตรปิฎกจบหมด ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพียงธรรม ไม่ใช่เรา ก็ยังเป็นเราทั้งหมด

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
papon
วันที่ 1 เม.ย. 2557

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

ขออนุญาตแชร์นะครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
thilda
วันที่ 1 เม.ย. 2557

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
khampan.a
วันที่ 2 เม.ย. 2557

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
nattawan
วันที่ 3 เม.ย. 2557

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ใหญ่ราชบุรี
วันที่ 6 เม.ย. 2557

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ และขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ms.pimpaka
วันที่ 8 เม.ย. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
chatchai.k
วันที่ 17 ส.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
chatchai.k
วันที่ 23 มิ.ย. 2564
 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ