อาการ ๓๒
การเจริญอาการ ๓๒ อย่างไรเป็นสมถะ อย่างไรเป็นวิปัสสนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
อาการ ๓๒ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ฯลฯ ถ้าพิจารณาโดยความเป็นปฏิกูล ไม่สะอาด โดยการน้อมนึกพิจารณา ด้วยความคิด ที่เป็นเรื่องราวของ อาการ 32 จิตสงบจากนิวรณ์ เป็นสมถภาวนา ถ้ารู้ชัด รู้ลักษณะธาตุ ที่เป็น ผมขน เล็บ ฟัน หนัง ฯ เป็นสติปัฏฐาน (วิปัสสนา)
ที่ว่า พิจารณา ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เป็นต้น พิจารณาโดยความเป็นของปฏิกูลในอาการ 32 พิจารณาว่าผม ขน เล็บ ปฏิกูล ไม่น่ายินดี ติดข้อง ขณะที่มีความเข้าใจถูก ในการคิดพิจารณาเช่นนี้ จิตสงบจากกิเลสชั่วขณะ เพราะคิดถูก แต่ไม่ได้รู้ว่าเป็นธรรมไม่ได้ละความยึดถือว่าเป็นเรา เป็นสัตว์ บุคคล ก็ยังเป็นผมของเรา ขนของเราอยู่ แต่พิจารณาถูกว่าเป็นสิ่งปฏิกูล มีสติและปัญญาพิจารณา สิ่งที่เนื่องกับกาย มี ผม ขน เล็บ เป็นต้นว่าปฏิกูล นี่คือกายคตาสติ โดยนัยสมถภาวนา ซึ่งไม่สามารถดับกิเลสได้ เพียงแต่ทำให้จิตสงบชั่วขณะที่พิจารณาครับ
อาการ 32 ที่เป็น วิปัสสนา คือ สติที่ระลึกเป็นไปในกายเช่นกัน แต่เป็นการรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏที่กาย ที่เป็นธาตุ 4 คือ ธาตุ ดิน น้ำ ไฟ ลม คือ เย็น ร้อน อ่อน แข็ง ตึงไหว ที่เนื่องกับกาย ขณะนั้นสติเกิดระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่มีจริงที่เนื่องกับกายที่เป็นปรมัตถ์ ไม่ใช่การพิจารณาบัญญัติเรื่องราวที่เป็น ผม ขน เล็บ อาการ 32 เป็นต้น เมื่อสติเกิดรู้ว่าเป็นเพียงแข็ง เราก็ไม่มี กายก็ไม่มี มีแต่ลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏ ก็สามารถไถ่ถอนความยึดถือว่าเป็นเรา เป็นสัตว์ บุคคลได้ อันเป็นหนทางดับกิเลสได้ ที่เป็นการเจริญวิปัสสนา ขออนุโมทนา
เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ
ขน ผม เล็บ ฟัน หนัง...กายคตาสติ และ การเจริญสติปัฏฐาน...?
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ประโยชน์อยู่ที่ความเข้าใจถูกเห็นถูก ขณะที่มีการระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏว่าเป็นธรรมที่มีจริง อันเนื่องมาจาก ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เป็นต้น เพราะถ้าไม่มีสภาพธรรมที่มีจริง ก็จะไม่มีการเรียกว่าเป็นผม เป็นขน เป็นเล็บ เป็นต้น ซึ่งไม่พ้นไปจากความเป็นไปของธรรมที่เป็นรูปธรรม ไม่ใช่ธาตุรู้ไม่ใช่สภาพรู้ ในขณะที่ระลึกรู้ตรงลักษณะของสภาพธรรมอย่างนี้ เป็นการเจริญสติปัฏฐาน ซึ่งถ้าหากไม่มีความเข้าใจถูกเห็นถูกในเรื่องของสภาพธรรมที่มีจริงๆ ย่อมไม่มีเหตุปัจจัยที่จะให้สติปัฏฐานเกิดได้เลย แต่ถ้าเป็นการอบรมเจริญสมถภาวนา ที่รู้โดยความเป็นของไม่สะอาดของผม ขนเล็บ ฟัน หนัง เป็นต้น จิตสงบจากอกุศลชั่วขณะ แต่ไม่ได้ละคลายการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นเรา ยังเป็นผมของเรา ขนของเรา เป็นต้น และการอบรมเจริญสมถภาวนาไม่สามารถถึงการดับกิเลสได้อย่างเด็ดขาด เพราะฉะนั้นแล้ว หนทางที่ควรดำเนินที่เป็นไปเพื่อการดับกิเลสได้อย่างเด็ดขาด คือ หนทางแห่งการอบรมเจริญปัญญาที่รู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...